ASTVผู้จัดการออนไลน์ -แฉโครงการสำรวจปรับปรุงข้อมูลฐานแผนที่ท่อประปาและผู้ใช้น้ำ 42.8 ล้าน ส่อโกงไม่ชงเข้าบอร์ด มท.ทั้งที่ยอดเงินเกิน 10 ล้าน ตั้งเนื้องานโอเวอร์ทำไม่น่าทันคนไม่กล้าประมูล ปูดซื้อข้อมูลอีกหน่วยงานมาใช้แทน แลกจ่าย 20% งง บริษัทใหญ่ทำได้แต่กลับพ่วงบริษัทผัวลูกพี่ลูกน้อง“บิ๊ก”รับงานด้วย คาดหวังงาบยาว เผย ปปท.รับเรื่อง จ่อชง ป.ป.ช.สอบต่อแล้ว
"ASTVผู้จัดการออนไลน์" ได้รับข้อมูลกรณีมีผู้ร้องเรียนให้ตรวจสอบความโปร่งใสถึงกรณีการดำเนินงานจ้างเหมาโครงการสำรวจและปรับปรุงข้อมูลระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์(GIS) ให้ครบถ้วนและถูกต้อง ปีงบประมาณ 2556 มูลค่าโครงการ 42,800,000 ล้านบาท ของสำนักเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ การประปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) โดยได้มีการยื่นเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันการทุจริตภาครัฐ หรือ ปปท. และทาง ปปท.ก็ได้รับเรื่องแล้วเมื่อเดือน กรกฎาคมที่ผ่านมา
หนังสือร้องเรียนได้ระบุถึงกลุ่มบุคคลทั้งผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ร่วมกันกระทำความผิดในการดำเนินงานจ้างเหมางาน โดยมีเจตนาไม่นำเสนอโครงการผ่านขบวนการพิจารณาความเหมาะสมต่อคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะของการประปาส่วนภูมิภาค หรือ ไอทีเอสซี มีเจตนาปกปิดขอบเขตการทำงานด้วยการจัดทำร่างขอบแขตงานที่มีรายละเอียดไม่ชัดเจน เสนอต่อสาธารณชน เพื่อให้มีผู้สนใจเข้าร่วมประมูลโครงการน้อยรายที่สุด
เมื่อมีผู้ร้องเรียนให้นำเสนอขอบเขตงานให้ชัดเจน กลุ่มคนดังกล่าวยังยืนยันนำเสนอขอบเขตงานที่ไม่ชัดเจนอันเดิมต่อสาธารณชนเป็นครั้งที่ 2 มีเจตนานำบริษัทของญาติมิตร พวกพ้องตนเองเข้าร่วมงานเพื่อการผ่องถ่ายเงินสินบนอย่างถูกกฏหมาย วางแผนการทุจริตระยะยาวด้วยการทำให้บริษัทของญาติมิตร พวกพ้องตนเองมีผลงาน สามารถเข้ารับงานได้เองทั้งหมดในอนาคต เพื่อการทุจริตอย่างสมบูรณ์แบบ และถูกกฏหมาย และไม่ฟังคำทักท้วง ตักเตือนจากผู้บริหารระดับสูง โดยโครงการดังกล่าวเป็นการว่าจ้างเอกชนให้สำรวจเก็บข้อมูลและปรับปรุงแผนที่ฐานและแผนที่แนวท่อประปาตามโครงการระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ หรือ GIS ให้ครอบคลุมเขตพื้นที่จ่ายน้ำของ กปภ.ให้ถูกต้องกับสภาพความเป็นจริงของภูมิประเทศ ให้แล้วเสร็จใน 360 วัน ซึ่งปรากฏว่ามีบริษัท “น.” และ บริษัท “พ.” ชนะการประมูล
ทั้งนี้ผู้ร้องเรียนอ้างว่า ตามระเบียบและวิธีปฏิบัติของการประปาส่วนภูมิภาคที่ผ่านมากำหนดไว้ว่า โครงการด้านไอที ที่มีงบประมาณเกิน 10 ล้านบาท หน่วยงานเจ้าของโครงการจะต้องนำเสนอโครงการต่อ คณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมของกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ข้อคิดเห็น แนะนำ และเห็นชอบ แต่เนื่องจากมีโครงการจำนวนมากที่จะต้องผ่านขั้นตอนดังกล่าวนี้ ทำให้เกิดความล่าช้า ดังนั้นในปีงบประมาณ 2556 หน่วยงานในสังกัดจึงมีความเห็นพ้องกันให้แต่ละหน่วยงานตั้งคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมของโครงการขึ้นเอง ซึ่งโครงการนี้เข้าข่ายต้องตั้งคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมฯ แต่พบว่า ผู้มีอำนาจจัดการกลับไม่ตั้งคณะกรรมการพิจารณาโครงการขึ้นมา ซึ่งมีเจตนาจงใจประพฤติผิดมิชอบต่อการปฏิบัติหน้าที่ ปกปิดข้อมูลการดำเนินงานโครงการต่อหน่วยงานที่ตนสังกัด
ส่วนการกำหนดขอบเขตงานของโครงการนี้นั้น จะต้องดำเนินงานตามขั้นตอนที่เรียกว่า การร่างขอบเขตงาน มี ผอ.กองภูมิสารสนเทศ เป็นประธานคณะกรรมการ ซึ่งมีการวางแผนเจตนาให้เนื้องานในโครงการนี้มีมาก ด้วยการกำหนดให้มีการปรับปรุงแผนที่ฐาน และแผนที่แนวท่อ รวมกัน 14 ชั้นข้อมูล คิดเป็นเนื้อที่สำรวจ 12,684 ตารางกิโลเมตร ผู้ใช้น้ำ 981,524 ราย และไม่เป็นผู้ใช้น้ำอีก 770,035 ราย ขณะที่ให้เวลาทำงานเพียง 360 วัน แต่ในความเป็นจริงเหลือวันที่สามารถทำงานได้จริง ประมาณ 210 วันเท่านั้น และเมื่อนำมาหาปริมาณการทำงานเฉลี่ยต่อวันปรากฏว่าในแต่ละวันต้อง สำรวจภาคสนาม ให้ได้อย่างน้อยราย 8,350 ราย ,บันทึกข้อมูล ให้ได้เนื้อที่อย่างน้อย 61 ตร.กม. และจัดทำรายงานสรุป โดยจะเห็นว่ามีความเป็นไปได้น้อยมากที่จะดำเนินงานให้เสร็จ
นอกจากยังกำหนดให้สำรวจและปรับปรุงข้อมูลเพิ่มในส่วนพื้นที่ที่มีแผนขยายเขตในระหว่างสัญญาซึ่งไม่กำหนดให้ชัดเจนลงไปใน ร่างขอบเขตงานว่ามีเนื้อที่เท่าไร หรือกี่ราย ทำให้ขอบเขตงานไม่ชัดเจน ส่งผลให้ผู้สนใจเข้าร่วมประมูลโครงการไม่สามารถคำนวณต้นทุนที่ชัดเจนได้ มีแต่เพียงกลุ่มบริษัทฯ ที่จัดเตรียมไว้ให้ได้งานเท่านั้นที่ได้ข้อมูลเนื้องานที่ชัดเจน และสามารถคำนวณต้นทุนที่แน่นอนได้ แสดงให้เห็นเจตนาที่จงใจให้กลุ่มบริษัทฯ พวกพ้องตนเองมีความได้เปรียบต่อบริษัทอื่นๆ ก่อนที่การประมูลจะเกิดขึ้นจริง และเมื่อนำเสนอร่างขอบเขตงานของโครงการฯ ต่อสาธารณชน ก็มีผู้แสดงข้อคิดเห็น โต้แย้ง แต่ประธานร่างขอบเขตงาน ตอบว่า ไม่เปลี่ยนแปลงร่างขอบเขตงาน เพราะมีความเหมาะสมดีอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังพบว่า มีการดำเนินการแบบเร่งรีบในการประมูลโครงการ ทั้งๆที่รู้ว่าร่างขอบเขตงานที่นำเสนอต่อสาธารณชน มีปัญหา
ในส่วนพื้นที่จ่ายน้ำในปัจจุบัน กองภูมิสารสนเทศเริ่มจัดทำแผนที่ฐาน และแผนที่แนวท่อ ไว้ตั้งแต่ปี 2545 จนครอบคลุมทั้งหมดเมื่อปี 2549 และในปี 50 - 55 เริ่มใช้ภาพถ่ายออร์โธสีเชิงเลยจากกรมพัฒนาที่ดินมาปรับปรุงข้อมูลที่ทำไว้เดิมให้ทันสมัยโดยจ้างเหมาสำรวจข้อมูล และได้จัดสรรงบประมาณไปให้การประปาเขตปรับปรุงข้อมูลเองอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้กองน้ำสูญเสีย สังกัดสำนักเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ และการประปาส่วนภูมิภาคเขตทั้งสิบเขต ได้สำรวจตามโครงการบริหารจัดการลดน้ำสูญเสียเป็นประจำทุกปี มีข้อมูลเหมือนของกองภูมิสารสนเทศ และมีพื้นที่ดำเนินงานบางส่วนซ้อนทับกัน ดังนั้นเมื่อมีการจ้างให้เอกชนปรับปรุงข้อมูลในปี56 ซึ่งมีพื้นที่ดำเนินงานบางส่วนซ้ำซ้อนกัน จึงเป็นเรื่องง่ายมากที่ผู้บริหารระดับสูง จะร่วมมือกับผู้รับจ้างในการใช้ข้อมูลมาส่งมอบงานโดยที่ไม่ต้องดำเนินงานจริง และผู้ร้องได้ทราบมาว่า กลุ่มคนดังกล่าวได้เรียกบริษัท “น.” มาต่อรองเรียกรับผลประโยชน์ 20 % ของโครงการ เพื่อแลกกับข้อมูลชุดใหม่ ดังนั้นการเขียนโครงการให้ดูเสมือนมีเนื้องานเยอะ จึงไม่มีผลต่อผู้รับจ้างที่พวกตนได้เตรียมการไว้ล่วงหน้า
นอกจากนี้ยังพบว่ามีการวางแผนผ่องถ่ายเงินผ่านบริษัท “พ.” ซึ่งเป็นผู้ค้าร่วมกับ ทั้งๆที่ บริษัท “น.” สามารถเข้ารับงานโครงการนี้ได้ด้วยตนเอง เนื่องจากมีทุนจดทะเบียน 20 ล้านบาท มีดำเนินงานลักษณะคล้ายกันกับกปภ.มาแล้วในปี 2552 และมีโครงการขนาดใหญ่อีกหลายโครงการ ขณะที่บริษัท “พ.” ไม่ได้ระบุถึงวัตถุประสงค์บริษัทฯ ด้านการดำเนินงานดังกล่าวอย่างชัดเจน ตามคุณสมบัติหลักที่สำคัญของผู้ที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการนี้ และไม่เคยทำงานด้านนี้มาก่อน โดยเน้นไปทางด้านขายอุปกรณ์เกี่ยวกับระบบประปา ซึ่งผู้ร้องเชื่อว่ามีเจตนาใช้บริษัท “พ.” เป็นแหล่งผ่องถ่ายเงินสินบน เพราะเจ้าของบริษัท คือสามีของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานใกล้ชิดผู้บริหารและเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ซึ่งการทำให้บริษัท “พ.” มีผลงานในปีนี้ เป็นการเตรียมการไว้สำหรับอนาคตเพื่อในปีต่อๆ ไปบริษัทฯ จะสามารถรับงานโครงการเช่นนี้ได้ด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตามพบว่า ได้มีการทักท้วงจากผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานด้วยวาจาว่า โครงการนี้ยังไม่สมควรรีบทำ เนื่องจากโครงการจัดซื้อภาพถ่ายดาวเทียมปีล่าสุด ยังดำเนินงานไม่เสร็จ ยังไม่มีภาพถ่ายดาวเทียมใหม่มาใช้ในการสร้างแผนที่ฐาน และแผนที่แนวท่อ ควรรอให้เสร็จก่อน แต่ก็มิได้ตระหนัก ทั้งนี้ได้มีผู้แสดงความวิตกกังวลไปยังผู้บริหารระดับสูงของกปภ.ว่า ส่อเจตนาทุจริต และผู้บริหารระดับสูงได้ตักเตือนด้วยวาจาไปแล้ว แต่กลับยังดำเนินการตามแผนการต่อไป
ผู้ร้องเรียนยังระบุด้วยว่า ตนเชื่อแน่ได้ว่า บุคคลที่กล่าวถึงร่วมกันกระทำการทุจริต คอร์รัปชั่น ต่อ การประปาส่วนภูมิภาค และเงินภาษีของแผ่นดิน โดยได้มีการวางแผน เตรียมการล่วงหน้า อย่างเป็นระบบ และมีความสลับซับซ้อน เจตนาให้ดูเหมือนมีการดำเนินงานอย่างถูกกฎหมายทุกประการ และยังวางแผนล่วงหน้าในการคิดจะกระทำการทุจริตในอนาคตอีกหลายปีงบประมาณ จึงสมควรถูกลงโทษ และดำเนินคดีตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ปปท.ได้กำลังดำเนินการยื่นเรื่องต่อไปยัง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.แล้ว หลังจากที่ทาง ปปท.ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้เนื่องจากผู้ถูกร้องเป็นข้าราชการระดับสูงกว่า ซี 9
