นครศรีธรรมราช - “เอียด เซ่งเอียด” จี้รัฐเยียวยาม็อบยางเทียบเท่าแดงเผาบ้านเผาเมือง เผยสาวซิ่งเก๋งฝ่าผู้ชุมนุมเสยท้าย 18 ล้อที่นำไปปิดถนนสาหัส ขณะที่ ฮ.ตำรวจบินวนสังเกตการณ์ ด้านที่ประชุมเครือข่าย อสย.ล้ม ใบปลิวพรึบนัดปิดแยกหนองดี อ.นาบอน เพิ่มอีกจุด ผวจ.นครฯ จ่อถอดใจต่อสายขอย้ายออกนอกพื้นที่แล้ว
น้อง “ไข่หมูก” ออกโรงหนุนม็อบ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเกษตรกรชาวสวนยางและปาล์ม ซึ่งมีการปิดถนน และเส้นทางรถไฟที่ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราชว่า วันนี้ (31 ส.ค.) ยังคงคึกคักต่อเนื่อง โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา นายเอียด เซ่งเอียด น้องชายของนายเจิม เซ่งเอียด หรือ “ไข่หมูก” ได้ขึ้นเวทีปราศรัยบริเวณแยกบ้านตูล และอ่านแถลงการณ์ที่เป็นข้อเรียกร้อง 4 ข้อของกลุ่มผู้ชุมนุม ประกอบด้วย
1.ชาวสวนยืนยันเรียกร้องราคา 120 บาท/กก.ตามข้อเรียกร้องเดิม และหากมีการต่อรองต้องไม่ต่ำกว่า 101 บาท/กก. 2.ตำรวจต้องไม่เอาผิดกับชาวบ้านที่มาร่วมชุมนุมในทุกกรณี ทุกเหตุการณ์ โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ 3.ตำรวจต้องคืนทรัพย์สินที่ยึดไปจากการสลายการชุมนุมบริเวณแยกควนหนองหงส์ทุกอย่าง และ 4.รัฐต้องเยียวยาเจ้าหน้าที่ และประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมบริเวณแยกควนหนองหงส์ เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา ให้เท่าเทียมกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่เคยเผาบ้านเผาเมือง ซึ่งได้สร้างความพอใจให้แก่กลุ่มผู้ชุมนุมเป็นอย่างมาก
สาวซิ่งเก๋งฝ่าม็อบเสยรถบรรทุกสาหัส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลาประมาณ 02.00 น. ของวันนี้ (31 ส.ค.) ได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นบริเวณที่ชุมนุม เมื่อมีรถยนต์เก๋งฮอนด้าแจ๊ซ สีขาว ทะเบียน กย 5139 ภูเก็ต ขับขี่โดย นางรัตน์ฐาทิพย์ บุตรอินทร์ อยู่ 119 ม.6 ต.ลำสิน อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง ขับผ่านการ์ดรักษาความปลอดภัยเข้ามาก่อนพุ่งเข้าชนรถบรรทุก 18 ล้อ ที่จอดปิดการจราจรบนถนนสาย 41 ช่วงขาล่องก่อนเข้าพื้นที่ชุมนุมประมาณ 200 เมตร ท่ามกลางความตกตะลึงของการ์ด และผู้ชุมนุม ส่งผลให้นางรัตน์ฐาทิพย์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส การ์ด และผู้ชุมนุมต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลกันอย่างจ้าละหวั่น
หลังเกิดเหตุ ต่างมีข้อสงสัยถึงสาเหตุ และเจตนาในการเข้าพื้นที่ชุมนุม และพุ่งเข้าชนรถบรรทุกว่า เกิดจากสาเหตุใด ขณะที่นางรัตน์ฐาทิพย์ ยังคงรักษาตัวที่ รพ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ส่วนในที่เกิดเหตุนั้นพนักงานสอบสวนได้ประสานกับ จ.ส.อ.สมเกียรติ วังบุญคง นายก อบต.นาหมอบุญ พาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปทำแผนในที่เกิดเหตุเพื่อความปลอดภัย
รัฐบาลส่งคนเจรจาม็อบนอกรอบยังไม่เป็นผล
สำหรับบรรยากาศการชุมนุมวันนี้ยังคงคึกคัก ช่วงเช้ามีเฮลิคอปเตอร์ของกองบินตำรวจได้บินสำรวจวนเวียนอยู่ในจุดชุมนุมทั้ง 2 จุด เพื่อสังเกตการณ์ 2 รอบ ก่อนที่จะบินหายไป และยังคงมีเสบียงจากชาวสวนยางในหลายจังหวัดส่งมาสมทบอย่างต่อเนื่อง ทั้งผักสด เนื้อปลา เนื้อหมูและเนื้อวัว เพื่อให้กลุ่มแม่ครัวที่รับหน้าที่หุงหาอาหารได้ทำครัวเลี้ยงผู้ชุมนุมได้ตลอด 24 ชั่วโมง ขณะที่มีผู้ทยอยเข้าร่วมชุมนุมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และในช่วงบ่าย จะมีการแถลงเกี่ยวกับการชุมนุรวมของเกษตรกรชาวสวนยางครั้งใหญ่ในวันที่ 3 ก.ย.ที่จะถึงนี้
ผู้สื่อข่าวเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการประสานสื่อมวลชนให้เข้าติดตามการประชุมชี้แจงความช่วยเหลือของรัฐบาลกับเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางพารากว่า 200 สถาบัน ที่องค์การสวนยาง อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งจะมีขึ้นในเวลา 14.00 น. วันนี้ แต่ปรากฏว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาได้มีการเจรจานอกรอบกับผู้บริหาร และฝ่ายการเมืองไปแล้ว ผลสรุปไม่เป็นไปตามที่ฝ่ายรัฐบาลต้องการ และไม่สามารถตกลงในแนวทางของการประชุม จึงถูกยกเลิกการประชุมไป
ขณะเดียวกัน ได้มีปลิวเชิญชวนสาวยางในโซนพื้นที่ อ.นาบอน อ.ถ้ำพรรณรา อ.ทุ่งใหญ่ อ.ฉวาง อ.บางขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกยางที่เป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบยางราว 60-70% ของประเทศไทย ให้เข้าร่วมการชุมนุมที่บริเวณแยกหนองดี ต.ทุ่งสง อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ขณะเดียวกัน มีการสมทบทุนลงขันเป็นเงินสด เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในด้านการต่างๆ ของการชุมนุม พร้อมทั้งผลไม้ และขนมชนิดต่างๆ ถูกส่งมายังพื้นที่แยกบ้านตูล อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเป็นเสบียงให้ผู้ชุมนุมด้วย
นายสมพร ศรีเพชร นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันนครศรีธรรมราช ประธานสมาพันธ์สมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในส่วนของเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันมีแผนในการเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน แต่ยังคงต้องรอดูสถานการณ์บางอย่าง เห็นว่าราคาปาล์มน้ำควรจะอยู่ที่ 5 บาท/กก.ขึ้นไป ในปัจจุบันอยู่ที่ 4 บาท/กก. ซึ่งรัฐควรให้ความสนใจ และสนับสนุนให้มีการเคลื่อนไหวของเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้รับความเดือดร้อนเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา
สะพัด “ผู้ว่าฯ” ขอย้ายตัวเองแล้ว
อย่างไรก็ตาม มีรายงานความเคลื่อนไหวของ นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช จากแหล่งข่าวในกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ นายวิโรจน์ ได้ประสานด้วยวาจากับผู้บริหารระดับสูงฝ่ายการเมืองของกระทรวงมหาดไทย เพื่อขอย้ายตัวเองออกจากพื้นที่นครศรีธรรมราช ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริหาร โดยอาจมีคำสั่งย้ายนอกฤดูกาลออกมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้าก็เป็นได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายวิโรจน์ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวผ่านทางโทรศัพท์ถึงการนำเสนอข่าวของสื่อในขณะนี้ว่า อยากให้สื่อนำเสนอข่าวไปในทิศทางที่ดี ให้เป็นกลางให้มากที่สุด และเป็นความจริง
“ส่วนเรื่องการย้ายออกจากพื้นที่ไม่ขอตอบคำถาม ผมเป็นข้าราชการอยู่ที่ไหนก็ได้ ทำดีที่สุดแล้ว ไม่ท้อ ผมทำตามหน้าที่ มั่นใจว่าทำถูกแล้ว อาจจะถูกมองว่าไม่ถูกต้อง ผมตั้งใจทำงานเพื่อนครศรีธรรมราช ไม่ใช่เพื่อผมเอง คงต้องฝากสื่อในการนำเสนอข่าว เพื่อความเป็นธรรมทุกๆ ฝ่ายให้มากที่สุด” นายวิโรจน์ กล่าวพร้อมกับเสริมว่า
ส่วนในพื้นที่ก็มอบหมายให้ทาง พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช ดูแลร่วมกับฝ่ายปกครอง ให้ร่วมกันปรึกษาหารือร่วมกัน และหากประสบปัญหาตรงส่วนใดก็ให้แจ้งทางจังหวัดรับทราบ โดจเราจะประเมินสรุปสถานการณ์ทุกวันเพื่อการแก้ปัญหา นายวิโรจน์กล่าวตบท้าย