ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - วันที่ 9 ของม็อบสวนยาง และปาล์มที่นครศรีฯ บรรยากาศไม่ตึงเครียดเหมือนวันก่อนๆ แม้ตำรวจปราบจลาจลยังล้อมกรอบ เผยคืนที่ผ่านมา มีกลุ่มชายอ้างตัวเป็น “องค์กรตรวจสอบอำนาจรัฐ” เข้าไปป่วน แต่ก็จบลงด้วยดี ด้านกำลังใจยังล้นหลาม และไหลรินต่อเนื่อง
วันนี้ (31 ส.ค.) เข้าสู่วันที่ 9 แห่งการชุมนุมของชาวสวนยางพารา และปาล์มน้ำมัน บริเวณสถานีรถไฟบ้านตูล และบริเวณสี่แยกหนองหงษ์ ม.2 ต.ควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช บรรยากาศยังคงเป็นไปแบบสบายๆ แม้จะยังมีการเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมกับกองทัพตำรวจปราบจลาจลอยู่ แต่ความเคร่งเครียดขมึงเกลียวกลับคลี่คลายลงไปมาก อาจจะเป็นด้วยมีกระแสเสียงจาก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะยังไม่มีการสลายม็อบในเวลานี้
อย่างไรก็ตาม มีเหตุการณ์ที่น่าสนใจเกิดขึ้นในสถานที่ชุมนุมเมื่อคืนที่ผ่านมา (30 ส.ค.) ปรากฏว่า มีกลุ่มคนประมาณ 6 คน แต่งเครื่องแบบเต็มยศคล้ายรูปแบบของราชการ อ้างว่าเป็นมีสมาชิกขององค์กรตรวจสอบอำนาจรัฐแห่งชาติ เข้าไปยังบริเวณที่ชุมนุม แต่ปรากฏว่าเมื่อชาวบ้านที่ร่วมชุมนุมเห็นก็ได้เชิญตัวให้ออกไปนอกบริเวณ ซึ่งระหว่างการพูดคุยก็เป็นไปด้วยดี แม้ชาวบ้านที่ร่วมชุมนุมต่างตั้งข้อสงสัยในเจตนา แต่โดยรวมแล้วกลับเห็นเป็นเรื่องตลกมากกว่า เพราะมองว่าเป็นการเข้ามาตรวจสอบผิดเวที ผิดที่ และผิดเวลา
ด้านคดีความทั้งที่ผู้ชุมนุมถูกกระทำ และต้องตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาไปแล้วด้วยนั้น ขณะนี้มีทีมทนายเข้าไปให้ความช่วยเหลือแล้วหลายคดี โดยเฉพาะกับข่าวที่ว่ามีบรรดาแกนนำผู้ชุมนุมได้ถูกออกหมายจับไปแล้วนับสิบคน รวมถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้รถยนต์กระบะไล่ชนรถจักรยานยนต์ของเยาวชนลูกหลานของชาวสวนที่เข้าร่วมชุมนุมขณะขับขี่กลับบ้าน ซึ่งมีเด็กชายได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ขณะที่รถจักรยานยนต์ก็ถูกยึดไป ล่าสุด ทีมทนายผู้ชุมนุมได้ตรวจสอบพบว่า รถกระบะดังกล่าวใช้ทะเบียนปลอม ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยอมรับ ทางทนายจึงขอดูรถคู่กรณีและรถของเด็กที่เยาวชนที่ตำรวจยึดไปด้วย
มีรายงานข่าวระบุว่า ในวันนี้ (31) ยังจะมีกลุ่มชาวสวนยาง และปาล์มในภาคใต้ทยอยเข้าร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้น ในส่วนของการแสดงออกซึ่งความเห็นอกเห็นใจ และกำลังใจก็ยังคงมีไม่ขาดสาย โดยมีหลั่งไหลไปให้กลุ่มผู้ชุมนุมในหลากหลายรูปแบบ ทั้งการเดินทางไปเยี่ยมเยือนถึงที่ชุมนุมเพื่อให้กำลังใจ นำข้าวอาหาร และข้าวของไปสนับสนุน การแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อต่างๆ ร่วมถึงการแสดงออกทางสื่อสังคมออนไลน์อีกด้วย โดยเฉพาะกรณีที่บรรดา ส.อบจ.นครศรีธรรมราช ชักแถวออกมาแถลงยืนเคียงข้างประชาชนกลุ่มผู้ชุมนุม
“ถูกแล้วที่ท่านอยู่ข้างประชาชน เพราะ ส.อบจ.ไม่ได้มาจากรัฐบาลแต่งตั้ง แต่มาจากประชาชนเลือกท่าน ทำดีคราวหน้าประชาชนก็จะเลือกท่านอีก กลุ่ม ส.อบจ.ขึ้นเวทีชาวบ้านที่ชะอวด” หนึ่งในข้อความที่ถูกแพร่สะพัดในสื่อสังคมออนไลน์
“สู้ไปเถิดพี่น้องชาวสวนยางภาคใต้ สู้ให้สุด.. นักสู้นักบุกเบิก คนทำทาง เจ็บปวดอย่างนี้เสมอ ชาวสวนยางภาคอื่นจะรับประโยชน์ไปล่วงหน้าแล้ว จากการลุกขึ้นสู้อย่างเสียสละของท่าน” ข้อความที่ ‘สนั่น ชูสกุล’ แกนนำองค์กรพัฒนาภาคเอกชน นักเคลื่อนไหว นักคิด และนักเขียนที่เป็นที่ยอมรับในภาคใต้ ได้โพสต์ไว้ที่หน้าเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังมีข่าวเครือข่ายชาวสวนยางพาราแห่งประเทศไทย ภาคเหนือ กลาง อีสาน และตะวันออกจะยุติการเคลื่อนไหวปิดในวันที่ 3 ก.ย.นี้ เนื่องจากพอใจกับข้อเสนอรัฐบาล
“มหาวิยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นมหาวิทยาลัยในพื้นที่อยู่กับพี่น้องภาคใต้มานาน มีคณะแพทย์/คณะพยาบาล ถ้าเห็นว่าการลุกขึ้นมาของพี่น้องเพื่อเรียกร้องของพี่น้องในครั้งนี้จำเป็นต้องได้รับการดูแล ไยอยู่นิ่งเฉยล่ะครับ...ออกมาเลย” ข้อความนี้ของ ‘บรรจง นะแส’ นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย และผู้อำนวยการโครงการการจัดการทรัพยากรชายฝั่งภาคใต้ พี่เบิ้มของบรรดานักพัฒนาเอกชนในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งได้โพสต์ไว้บนหน้าเฟซบุ๊กส่วนตัวเช่นกัน
นอกจากนี้แล้ว นายบุญเสริม แก้วพรหม เจ้าของนามปากกา รัตนธาดา แก้วพรหม สำนักกวีน้อยเมืองนคร สมาชิกกลุ่มวรรณกรรมนาคร ก็ยังคงเขียนบทกวีให้กำลังใจผู้ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้ (30) ได้โพสต์บทกวีไว้ที่หน้าเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ ‘ลุง บุญเสริม’ อีกครั้งว่า...
๑.
ตราบที่เขาชุมนุมโดยสงบ
ตราบที่เขายังเคารพหลักกฎหมาย
ตราบที่เขามิล่วงล้ำคิดทำลาย
เขามิใช่ผู้ร้าย..ต้องรังแก
๒.
ตราบที่เขาเป็นผู้อยู่เดือดร้อน
ตราบที่เขาเป็นราษฎรบ้านเมืองแม่
ตราบที่เขาเป็นคนไทยในเนื้อแท้
รัฐจะต้องดูแลโดยเที่ยงธรรม
แก้วพรหม แก้วพรหม
สำนักกวีน้อยเมืองนคร
๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๖
