ตรัง - ฮือฮา พระภิกษุวัย 50 ปี ไม่ยอมพูดจากับผู้ใดมา 10 ปีแล้ว หลังรู้สึกเบื่อหน่ายในวงการสงฆ์ และสังคมทางโลก แต่จะใช้วิธีการเขียนหนังสือแทน ญาติโยมศรัทธาแห่ไปกราบไหว้ไม่ขาดสาย
เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (15 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ได้รับแจ้งจากชาวบ้านตำบลหนองช้างแล่น อำเภอห้วยยอด ว่า มีพระภิกษุรูปหนึ่งซึ่งได้ประพฤติปฎิบัติตนอย่างน่าเลื่อมใส แต่กลับมีนิสัยแปลกตรงที่ไม่ยอมพูดจากับญาติโยม ทั้งๆ ที่มิได้เป็นใบ้อย่างใด โดยอาศัยอยู่ภายในอาศรมปรางทอง หมู่ที่ 3 บ้านห้วยโข่ง จึงพร้อมด้วย นายสนิท นิ่มกาญจนา รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองช้างแล่น และนายพอพันธ์ ทองศักดิ์ หัวหน้าสถานีวิทยุชุมชน โอเค.เรดิโอ อำเภอห้วยยอด เดินทางไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ ได้พบกับญาติโยมประมาณ 20 คน ส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านในพื้นที่ อ.ห้วยยอด กำลังนั่งอยู่กับพระภิกษุรูปดังกล่าว ซึ่งกำลังกระทำพิธีสงฆ์เนื่องในวันพระ ทราบชื่อคือ พระอุดม โชติวชิโร อายุ 50 ปี 21 พรรษา ผู้สื่อข่าวจึงพยายามสอบถามข้อมูลต่างๆ ซึ่ง พระอุดม ไม่ได้พูดจาโต้ตอบ แต่จะใช้วิธีการเขียนหนังสือแทน โดยบอกว่า เดิมมีชื่อว่า นายอุดม แสงเพ็ชร์ เป็นชาวตำบลหนองช้างแล่น กระทั่งเมื่ออายุ 30 ปี ได้ตัดสินใจเข้าอุปสมบทที่วัดเขากอบ อ.ห้วยยอด ในวันที่ 27 มิถุนายน 2536
โดยมี พระครูอรรถศาสนวิจิตร เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีพระครูสันติคุณธำรง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ แต่ได้ไปจำวัดอยู่ที่วัดเกาะฐาน หมู่ที่ 3 ต.หนองช้างแล่น ก่อนที่ออกไปธุดงด์อยู่ตามวัดต่างๆ ในประเทศ เช่น ลำปาง แม่ฮ่องสอน ระยอง เป็นเวลา 3 ปี แล้วกลับมาธุดงค์อยู่บนเขาเจ็ดยอด อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เป็นเวลา 3 ปี ก่อนกลับมาอยู่ยังวัดเกาะฐาน อีกครั้ง เป็นเวลา 5 ปี และตัดสินใจไปสร้างอาศรมปรางทอง ในเนื้อที่ประมาณ 2 งาน เมื่อปี 2551 และมาจำวัดอยู่เพียงลำพัง จนถึงปัจจุบัน
สำหรับสาเหตุที่ พระอุดม ไม่ยอมพูดจาทั้งๆ ที่มีร่างกายปกตินั้น สืบเนื่องจากสมัยที่ท่านไปจำวัดตามสถานที่ต่างๆ ได้พบเห็นความสับสนวุ่นวายเกิดขึ้น โดยเฉพาะในวงการพระสงฆ์ รวมทั้งสภาพสังคมทางโลกที่เปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้ท่านเห็นว่ามิใช่ความปรารถนาของตนเองที่แท้จริง จึงได้ตัดสินใจไม่ยอมพูดจากับผู้ใดนับตั้งแต่เมื่อปี 2546 เป็นต้นมา หรือเป็นเวลาถึง 10 ปีแล้ว แต่จะใช้วิธีการเขียนโต้ตอบผ่านตัวหนังสือแทน ยกเว้นเวลาสวดมนต์เป็นภาษาบาลี ซึ่งท่านจะเปล่งเสียงพูดออกมาตามปกติ
สำหรับการประพฤติตนของ พระอุดม นั้น เป็นที่เลื่องลือไปทั่วทั้งจังหวัดตรัง และใกล้เคียง รวมทั้งในภาคอื่นๆ ทำให้เริ่มมีญาติโยมที่รับรู้ข่าวเดินทางมาหาเป็นจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะในวันพระ วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา หรือวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เนื่องจากศรัทธาในวิธีการปฏิบัติตนหลายอย่าง เช่น การไม่เรี่ยไรขอบริจาคเงิน หรือสิ่งของจากญาติโยม การแบ่งปันเครื่องสังฆทานไปยังชาวบ้านใกล้เคียง หรือการใช้วิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบเรียบง่าย ซึ่งไม่ค่อยพบเห็นพระภิกษุในยุคปัจจุบันกระทำกัน