สุราษฎร์ธานี - 19 องค์กรเครือข่ายภาคประชาชนในจังหวัดสุราษฎร์ธานี เคลื่อนไหวคัดค้านการขุดเจาะน้ำมัน หวั่นกระทบสิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวปีละกว่า 30,000 ล้านบาท
วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่โรงแรมร้อยเกาะ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี 19 กลุ่มองค์กรเครือข่ายภาคประชาชนในสุราษฎร์ธานีกว่า 300 คน ประกอบด้วย หอการค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานีเครือข่ายสภาเกษตรกรจังหวัดสุราษฎร์ธานี เครือข่ายประชาคมจังหวัดสุราษฎร์ธานี เครือข่ายผู้หญิง เครือข่ายท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานี เครือข่ายพิทักษ์ลุ่มแม่น้ำตาปี-พุมดวง สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ชมรมผู้เลี้ยงกุ้งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี เครือข่ายอ่าวบ้านดอน (งานวิจัย) สภาองค์กรชุมชนจังหวัดสุราษฎร์ธานี เครือข่ายปกครองส่วนท้องถิ่น (อบจ./อบต./กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน) เครือข่ายอาสาสมัครอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ป่า-ทะเล-อ่าวไทย) เครือข่ายยุวชนสร้างสรรค์ เครือข่ายผู้บริโภคจังหวัดสุราษฎร์ธานี เครือข่ายที่ดินเพื่อเกษตรกร เครือข่ายอนุรักษ์ภาคใต้ เครือข่ายแกนนำปกป้องเกาะแห่งชีวิต (สมุย พะงัน เกาะเต่า หมู่เกาะอ่างทอง) และเครือข่ายอาจารย์สถาบันการศึกษา ได้รวมตัวจัดเวทีเสวนา “พลังงานไทย..ใครได้...ใครเสีย”
หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี คณะอนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาลด้านพลังงาน วุฒิสภา กล่าวว่า การเปิดสัมปทานปิโตรเลียม ครั้งที่ 20 (2550) กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ได้กำหนดเขตพื้นที่สัมปทานปิโตเลียม ลงบนพื้นที่อาณาบริเวณที่ทับซ้อนกับพื้นที่การท่องเที่ยว และพื้นที่วางไข่และเจริญพันธ์ของปลาวัยอ่อน โดยมีแปลงสัมปทานของบริษัทต่างๆ ที่มีแปลงสำรวจประชิดเกาะต่างๆ จำนวน 5 แปลง เช่น แปลง G5/50 ของบริษัท CEC (Coastal Energy Company) มีระยะหลุมการขุดเจาะสำรวจใกล้สุดห่างจากเกาะสมุย และชายฝั่ง อ.ขนอมประมาณ 40 กิโลเมตร แปลง B6/27ของบริษัท ปตท.สผ. มีขอบแปลงสัมปทานห่างจากหมู่เกาะอ่างทอง และเกาะเต่า ประมาณ 30 กิโลเมตรเศษ และแปลงท่าฉาง ของบริษัท คานาวอน ปิโตรเลียม (Carnarvon Petroleum Limited)
โดยเฉพาะแปลงของ ปตท.สผ. มีพื้นที่สัมปทานทั้งแปลงอยู่ในเขตพื้นที่ปิดอ่าวเพื่อทำการประมงยั่งยืน หากมีอุบัติเหตุน้ำมันรั่วไหลจะกระทบต่อสิ่งแวดล้อมยากที่จะฟื้นฟู ย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวภายในจังหวัดที่มีรายได้ปีละ 20,000-30,000 ล้านบาท พร้อมทั้งกระทบต่อระบบความเป็นธรรมในสังคม และความรู้สึกของนักท่องเที่ยวอีกด้วย