xs
xsm
sm
md
lg

สมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตเตรียมเสนอจังหวัดวางแผนพัฒนาเมืองในอนาคต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต เตรียมเสนอจังหวัดภูเก็ตทำแผนรองรับการพัฒนาเมืองในอนาคตโดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำ การพัฒนาเมืองในอนาคต แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่ประสบปัญหา แต่ควรที่จะมีการวางแผนรับมือกับการเติบโตในอนาคต ชี้ภูเก็ตกับสิงคโปร์ไม่มีความแตกต่างกันในเรื่องของวัฒนธรรม แต่สิ่งที่ทำให้สิงคโปร์พัฒนาก้าวล้ำนำหน้าประเทศอื่นคือภาวะผู้นำ

นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช นายกสมาคมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต กล่าวภายหลังนำคณะกรรมการสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต และคณะสื่อมวลจังหวัดภูเก็ต ศึกษาดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ ทั้งด้านการการบริหารจัดการน้ำของ NEWater การวางแผนพัฒนาเมือง เช่น สิงคโปร์ซิตีแกลลอรี, มารีนา เบย์แซนด์, การ์เด้น บาย เดอะเบย์ และการดูงานด้านการลงทุนพัฒนาด้านที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ โครงการ En Route Sky Porch ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่า การนำคณะไปศึกษาดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ในครั้งนี้ต้องการที่จะนำคณะกรรมการ และสื่อมวลชนศึกษาแนวทางการพัฒนาเมืองของสิงคโปร์ที่มีการพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว และมีการเตรียมแผนรองรับการพัฒนาในอนาคตข้างหน้าไว้ ซึ่งแตกต่างกับการพัฒนาของจังหวัดภูเก็ตที่จะต้องรอให้มีปัญหาเกิดถึงจะมีการแก้ไขปัญหา

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ มุ่งเน้นใน 3 เรื่องหลักซึ่งเชื่อว่าในอนาคตจะต้องมีปัญหาเกิดขึ้นแน่นอน คือ เรื่องของการบริหารจัดการน้ำ โดยนำคณะไปศึกษาดูงานด้านการบริหารจัดการน้ำของ NEWater ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลสิงคโปร์ ที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการนำเอาน้ำเสียมาบำบัด จนสามารถนำกลับมาใช้ได้อีก ซึ่งประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่เป็นเกาะต้องซื้อน้ำเข้ามาบำบัดและใช้ในประเทศ แม้ว่าปัจจุบันภูเก็ตจะยังไม่ประสบกับปัญหาเรื่องของการขาดแคลนน้ำ แต่หากไม่มีการวางแผนเตรียมความพร้อมในการรับมือ เชื่อว่าปัญหาการขาดแคลนน้ำเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะปัจจุบัน เมืองภูเก็ตก็โตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ถ้าเราสามารถวางแผนการใช้น้ำไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น

ซึ่งจะต้องมาร่วมกันหารือ และหาแนวทางในการเตรียมแผนการบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ปัจจุบัน น้ำฝนที่ตกลงมาส่วนใหญ่ก็จะไหลลงสู่ทะเลโดยไม่มีการกักเก็บให้เกิดประโยชน์ สำหรับเรื่องนี้คิดว่าจะมีการนำเสนอแนวคิดในการวางแผนบริหารจัดการน้ำต่อจังหวัด หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ขณะที่ในส่วนของภาคเอกชนนั้นคิดว่าจะต้องมีการพูดคุยกับทางคณะกรรมการ และสมาชิกของสมาคมเพื่อทำความเข้าใจในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำภายในแต่ละโครงการ ซึ่งถ้าทำได้เชื่อว่าทุกโครงการก็จะมีน้ำของตัวเองใช้โดยไม่ต้องพึ่งน้ำจากส่วนกลาง แต่เรื่องนี้ก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป

นายธนูศักดิ์ กล่าวต่อไปว่า เรื่องถัดมาที่ไปศึกษาดูงานแล้วน่าจะต้องนำมาปรับใช้บ้านเราคือ เรื่องของการวางแผนพัฒนาเมือง เพราะมองว่าในอดีตเกาะสิงคโปร์มีขนาดใกล้เคียงกับเกาะภูเก็ต แต่เขาสามารถวางแผน และบริหารจัดการเมืองในรอบ 40 ปี จนสามารถขยายพื้นที่ได้เพิ่มขึ้นถึง 23% และใหญ่กว่าเกาะภูเก็ตในปัจจุบัน ซึ่งการพัฒนาเมืองของสิงคโปร์มีการจัดวางผังเมืองที่ดี สามารถใช้พื้นที่ได้ประโยชน์สูงสุด แบ่งสัดส่วนการใช้พื้นที่ระหว่างย่านที่อยู่อาศัย ย่านธุรกิจการค้า ย่านการท่องเที่ยว และยังวางแผนรองรับการขยายตัวของเมืองในอนาคต จึงทำให้มีการเติบโตอย่างเป็นระบบ แม้ว่าเมืองสิงคโปร์จะโตอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งหนึ่งที่ยังอยู่คู่กับสิงคโปร์คือ ความเขียวขจีของต้นไม้ ถนนสายต่างๆ ของสิงคโปร์จะร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ ทำให้เมืองมีความสวยงามแม้ว่าจะเต็มไปด้วยตึกก็ตาม

ซึ่งการพัฒนาเมืองของสิงคโปร์นั้น จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างภาครัฐ ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ประกอบการ เพื่อวางแผนรับมือ และกำหนดทิศทางการเติบโตในทุกๆ 10 ปี ซึ่งน่าจะเป็นแบบอย่างให้แก่ภูเก็ตได้เป็นอย่างดี เพราะที่ผ่านมา ภูเก็ตมีการพัฒนาอย่างไร้ทิศทาง แม้จะมีผังเมืองแต่ก็ไม่มีความชัดเจนเท่าที่ควร ไม่มีการวางแผนล่วงหน้า ปล่อยให้มีการเติบโตไปตามทิศทางการพัฒนาของนักลงทุน ซึ่งก็จะได้นำประสบการณ์ที่ได้รับไปเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับจังหวัด และผู้นำส่วนท้องถิ่น รวมถึงในส่วนของผู้ประกอบการเอง เพื่อสร้างความตระหนัก และกระตุ้นให้เกิดแนวคิดการพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน

“นอกจากนั้น การศึกษาดูงานในครั้งนี้ยังได้นำคณะไปศึกษาดูงานด้านการลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ โดยเฉพาะโครงการ En Route Sky Porch ด้วย ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมหรู มีราคายูนิตละกว่า 250 ล้านบาท พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน โดดเด่นที่แต่ละยูนิตมีที่จอดรถส่วนตัวติดกับห้องชุดได้ถึง 2 คัน แสดงให้เห็นถึงความกล้าตัดสินใจในการลงทุนที่มีความแตกต่าง รวมทั้งการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยข้อจำกัดของที่ดินที่มีราคาสูงมาก แม้ว่าภูเก็ตอาจจะยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะมีการพัฒนาที่พักอาศัยในระดับดังกล่าว เพราะปัจจุบันที่ดินภูเก็ตก็มีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน และการก่อสร้างในแนวราบก็อาจจะไม่คุ้มการลงทุน” นายธนูศักดิ์กล่าว

นายก้าน ประชุมพรรณ์ ประธานบริษัท เดอะบีชดีเวลล้อปเม้นท์ จำกัด คณะกรรมการสมาคมอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า จริงๆ แล้ว ภูเก็ต สิงคโปร์ และปีนัง (มาเลเซีย) มีวัฒนธรรมที่ไม่แตกต่างกัน แต่ที่แตกต่างกันอย่างมาก คือ ผู้นำ รวมไปถึงระบบการปกครอง ทีมงาน และระบบแนวคิดของรัฐบาลที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการกล้าที่จะตัดสินใจลงทุน และสามารถกำหนดจุดคุ้มทุนได้ โดยไม่ต้องมีความวิตกกังวล โดยมีการเตรียมความพร้อมวางแผนรองรับการขยายการเติบโตของเมืองในระยะยาวอย่างชัดเจน ซึ่งแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดกับประเทศไทย ในฐานะผู้ประกอบการต้องการให้ภาครัฐเป็นผู้นำ หรือริเริ่มทำสิ่งต่างๆ ให้ชัดเจนเพื่อที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน ผู้ประกอบการ ซึ่งจะทำให้การลงทุนเกิดได้อย่างต่อเนื่อง สามารถเดินไปได้อย่างถูกทาง นอกจากจะเกิดประโยชน์เชิงพาณิชย์แล้ว ก็จะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของท้องถิ่น และสามารถนำเม็ดเงินเข้าประเทศได้อย่างยั่งยืนและถาวร แต่ปัจจุบัน เรื่องดังกล่าวเราไม่มี เห็นได้จากเรื่องของพลังงาน กรณีไฟฟ้าดับทั่วทั้งภาคใต้ ซึ่งเราไม่มีพลังงานมารองรับ ในขณะที่การขยายตัวด้านเศรษฐกิจยังมีต่อเนื่อง”

“จากการดูงานด้านต่างๆ ของสิงคโปร์ สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ เรื่องระบบคิด และการบริหารจัดการของหน่วยงานภาครัฐ และการเตรียมความพร้อมของสาธารณูปโภครองรับการขยายตัวในระยะยาว ที่สามารถสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนได้ โดยเฉพาะการพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์รูปแบบต่างๆ เนื่องจากมีความเสี่ยง และจะต้องใช้เม็ดเงินในการลงทุนค่อนข้างสูง รวมทั้งสามารถที่จะคำนวณหาจุดคุ้มทุนได้ ฉะนั้นนโยบายของรัฐที่ชัดเจนจึงเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งจุดนี้แตกต่างจากเมืองไทยมาก แม้เราจะมีผู้ประกอบการที่เป็นคนเก่ง หรือมีเงินลงทุนมากมาย แต่หากต้องมาแบกรับความเสี่ยง และนโยบายที่ไม่ชัดเจน จึงไม่มีใครกล้าที่จะคิดอะไรใหม่ๆ หรือแตกต่าง ทำให้มีการลงทุนในลักษณะคล้ายๆ กัน และเน้นความอยู่รอดของธุรกิจเป็นหลัก”

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น