กองทุนฯ ประสบความสำเร็จในการผลักดันตลาดประกันภัยไทยกลับภาวะปกติก่อนอุทกภัยปี 54 โดยอัตราเบี้ยประกันภัยลดลงเข้าสู่ระดับที่เหมาะสม หลังจากบริษัทประกันได้เพิ่มอัตราการรับความเสี่ยงภัยไว้เองมากขึ้น ชี้เป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจไทยเพราะช่วยเรียกคืนความเชื่อมั่นธุรกิจไทยและเทศลุยธุรกิจต่อในไทย
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ตลาดประกันภัยไทยได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงวิกฤติอุทกภัยครั้งใหญ่ในไทยเมื่อปลายปี 2554 ซึ่งประสบปัญหาไม่สามารถหาบริษัทรับประกันภัยต่อได้หรือรับประกันภัยต่อในอัตราเบี้ยประกันภัยที่สูงมาก
ทั้งนี้เนื่องจากธุรกิจประกันภัยต่อจากต่างประเทศมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อระบบประกันภัยพิบัติของไทยมากขึ้น จากนโยบายบริหารจัดการน้ำและป้องกันแก้ไขปัญหาอุทกภัยมูลค่า 340,000 ล้านบาทของรัฐบาล ซึ่งคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการน้ำ (กยน.) เตรียมเปิดประมูลให้เอกชนยื่นเอกสารเสนอรายละเอียดการก่อสร้างและจัดการในช่วงต้นเดือนพ.ค.นี้ จากนั้นจะมีการดำเนินงานทันที
การกลับเข้าสู่ภาวะปกติของตลาดประกันภัยไทยยังสะท้อนได้จากปริมาณการรับประกันภัยต่อของกองทุนฯ เริ่มปรับลดลง เนื่องจากบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการรับประกันภัยกับกองทุนฯ จำนวน 52 บริษัท มีความสามารถที่จะรับประกันภัย (Capacity) ไว้เองมากขึ้น จึงได้เพิ่มอัตราการรับความเสี่ยงภัยไว้เองและส่งต่อให้กองทุนฯ ลดลง โดยในปี 2555 สัดส่วนการประกันภัยพิบัติที่บริษัทประกันภัยรับไว้เองในกลุ่มบ้านอยู่อาศัยเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 34 ของทุนประกันทั้งหมด แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ยที่ร้อยละ 79 ในปี 2556
ส่วนกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและย่อม (SMEs) และอุตสาหกรรมทุนประกันไม่เกิน 300 ล้านบาทในปี 2555 บริษัทประกันภัยรับความเสี่ยงไว้เองเฉลี่ยร้อยละ 8 ของทุนประกันทั้งหมด แต่ในปี 2556 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นเฉลี่ยร้อยละ 12 ของทุนประกันทั้งหมด และสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมทุนประกันภัยเกิน 300 ล้านบาท บริษัทประกันภัยรับความเสี่ยงไว้เองในปี 2555 เฉลี่ยที่ร้อยละ 7.6 แต่คาดว่าจะเพิ่มเป็นร้อยละ 8.1 ในปี 2556 ส่งผลให้อัตราเบี้ยประกันภัยปรับตัวลงมาอยู่ในอัตราเหมาะสม
“ขณะนี้มีบริษัทประกันภัยที่เป็นสมาชิกกองทุนฯ 5 แห่งเสนออัตราเบี้ยประกันภัยต่ำกว่ากองทุนฯ ร้อยละ 20 เพื่อรับความเสี่ยงการประกันภัยไว้เองแสดงว่าภาคเอกชนเริ่มมีความเชื่อมั่นต่อระบบประกันภัยไทยมากขึ้น และแนวโน้มจะมีอีกหลายบริษัทรับความเสี่ยงการประกันภัยไว้เองมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการจัดตั้งกองทุนฯ” นายพยุงศักดิ์กล่าว
นายพยุงศักดิ์ กล่าวด้วยว่า การกลับเข้าสู่ภาวะปกติของตลาดประกันภัยไทยเป็นประโยชน์ต่อการขยายตัวเศรษฐกิจไทยอย่างมาก เพราะได้ช่วยเรียกคืนความเชื่อมั่นให้แก่ภาคธุรกิจไทยและนักลงทุนต่างชาติให้ดำเนินการกิจการและขยายการลงทุนต่อไปในประเทศไทย และยังดึงดูดกลุ่มนักลงทุนใหม่ให้เข้ามาดำเนินการผลิตในไทยด้วย
อย่างไรก็ตามกองทุนฯ ยังคงทำหน้าที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับธุรกิจและประชาชนและผลักดันให้ประชาชนเข้าถึงความคุ้มครองภัยพิบัติได้อย่างเพียงพอและทั่วถึงในอัตราเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม