ศูนย์ข่าวภูเก็ต - บสย.ลงภูเก็ตพบตัวแทนหอการค้า-สภาอุตสาหกรรม ให้ความรู้การค้ำประกันสินเชื่อ เผย บสย.ได้รับอนุมัติตามมติ ครม.เดินหน้าค้ำประกันสินเชื่อ 3 โครงการ รวม 270,000 ล้านบาท เฉพาะ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน 6,000 ล้านบาท ค้ำแล้ว 1,900 ล้าน
วันนี้ (4 ก.ค.) ที่โรงแรมเพิร์ล จ.ภูเก็ต บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย.สำนักงานสาขาสุราษฎร์ธานี จัดกิจกรรม “สร้างความร่วมมือกับพันธมิตร” ซึ่งประกอบด้วย หอการค้าจังหวัดภูเก็ต สภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต และสื่อมวลชนจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ข้อมูลการค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs นำโดยนายเทียบจิตต์ จันทรภูติผลากร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายกิจการสาขา สำนักงานสาขาสุราษฎร์ธานี
นายเทียบจิตต์ กล่าวถึงการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ว่า เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่สมาชิกหอการค้า และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต เกี่ยวกับการค้ำประกันสินเชื่อของทาง บสย. เนื่องจากที่ผ่านมา ทาง บสย.ได้ลงนามความร่วมมือกับทางหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่มีสมาชิกทั่วประเทศรวม 90,000 ราย เพื่อสนับสนุนด้านการบริการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย.ให้แก่สมาชิกของทั้ง 3 สภา และเพื่อให้สมาชิกเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินของรัฐ และภาคเอกชนเพื่อความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ
ซึ่ง บสย. เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ทำหน้าที่ช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยให้บริการค้ำประกันสินเชื่อแก่ธุรกิจ SMEs ที่มีศักยภาพในการขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน ได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินในวงเงินที่เพียงพอต่อความต้องการ อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ทางสถาบันการเงินในการขยายวงเงินสินเชื่อซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค และเป็นการเพิ่มศักยภาพในการขยายกิจการ การลงทุนให้แก่ SMEs พร้อมสนับสนุนการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหม่ ก่อให้เกิดการจ้างงาน
ปัจจุบัน บสย. ได้อนุมัติการค้ำประกันเงินกู้ให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศแล้ว 89,000 ราย วงเงิน 273,000 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของสำนักงานสาขาสุราษฎร์ธานี ซึ่งดูแลพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี กระบี่ ภูเก็ต และพังงา ได้อนุมัติการค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 7,000 ราย วงเงินอนุมัติ 19,000 ล้านบาท เฉพาะในส่วนของจังหวัดภูเก็ต อนุมัติไปแล้ว 1,232 ราย วงเงิน 3,600 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการค้าปลีก ค้าส่ง ขนส่งทางน้ำ ภาคบริการ โรงแรม และอุตสาหกรรมขนาดเล็ก สำหรับการอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อในปี 2556 นั้น ในส่วนของสาขาสุราษฎร์ธานี ตั้งเป้าค้ำประกันสินเชื่อประมาณ 6 พันล้านบาท ขณะนี้ทำไปได้แล้ว 1,900 ล้านบาท มั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้อย่างแน่นอน
นายเทียบจิตต์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับ 3 โครงการที่ที่ บสย.ได้รับอนุมัติตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2556 จำนวน 3 โครงการ วงเงิน 270,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการ Portfolio Guarantee Scheme (PGS ระยะที่ 5) วงเงิน 240,000 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.56 -31 ม.ค.58 สถาบันการเงิน 18 แห่งร่วมลงนาม mou เมื่อวันที่ 6 ก.พ.56 2.โครงการ Portfolio Guarantee Scheme (PGS New-Start up) วงเงิน 10,000 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 3 ปี สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ทำธุรกิจไม่เกิน 3 ปี รายละไม่เกิน 2 ล้านบาท บสย.ค้ำประกัน 100% 3.โครงการ Portfolio Guarantee Scheme (PGS PIL) วงเงิน 20,00 ล้านบาท ผ่านธนาคาร SMEs Bank เพื่อพัฒนาเครื่องจักร/พัฒนากระบวนการทำงาน รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย MLR-3% ใน 3 ปีแรก และฟรีค่าธรรมเนียมปีแรก
วันนี้ (4 ก.ค.) ที่โรงแรมเพิร์ล จ.ภูเก็ต บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม หรือ บสย.สำนักงานสาขาสุราษฎร์ธานี จัดกิจกรรม “สร้างความร่วมมือกับพันธมิตร” ซึ่งประกอบด้วย หอการค้าจังหวัดภูเก็ต สภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต และสื่อมวลชนจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ข้อมูลการค้ำประกันสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs นำโดยนายเทียบจิตต์ จันทรภูติผลากร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายกิจการสาขา สำนักงานสาขาสุราษฎร์ธานี
นายเทียบจิตต์ กล่าวถึงการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ว่า เพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่สมาชิกหอการค้า และสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต เกี่ยวกับการค้ำประกันสินเชื่อของทาง บสย. เนื่องจากที่ผ่านมา ทาง บสย.ได้ลงนามความร่วมมือกับทางหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่มีสมาชิกทั่วประเทศรวม 90,000 ราย เพื่อสนับสนุนด้านการบริการค้ำประกันสินเชื่อของ บสย.ให้แก่สมาชิกของทั้ง 3 สภา และเพื่อให้สมาชิกเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินของรัฐ และภาคเอกชนเพื่อความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ
ซึ่ง บสย. เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ทำหน้าที่ช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยให้บริการค้ำประกันสินเชื่อแก่ธุรกิจ SMEs ที่มีศักยภาพในการขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน ได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินในวงเงินที่เพียงพอต่อความต้องการ อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ทางสถาบันการเงินในการขยายวงเงินสินเชื่อซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค และเป็นการเพิ่มศักยภาพในการขยายกิจการ การลงทุนให้แก่ SMEs พร้อมสนับสนุนการสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการรายใหม่ ก่อให้เกิดการจ้างงาน
ปัจจุบัน บสย. ได้อนุมัติการค้ำประกันเงินกู้ให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศแล้ว 89,000 ราย วงเงิน 273,000 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของสำนักงานสาขาสุราษฎร์ธานี ซึ่งดูแลพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี กระบี่ ภูเก็ต และพังงา ได้อนุมัติการค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs จำนวน 7,000 ราย วงเงินอนุมัติ 19,000 ล้านบาท เฉพาะในส่วนของจังหวัดภูเก็ต อนุมัติไปแล้ว 1,232 ราย วงเงิน 3,600 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการค้าปลีก ค้าส่ง ขนส่งทางน้ำ ภาคบริการ โรงแรม และอุตสาหกรรมขนาดเล็ก สำหรับการอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อในปี 2556 นั้น ในส่วนของสาขาสุราษฎร์ธานี ตั้งเป้าค้ำประกันสินเชื่อประมาณ 6 พันล้านบาท ขณะนี้ทำไปได้แล้ว 1,900 ล้านบาท มั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้าที่วางไว้อย่างแน่นอน
นายเทียบจิตต์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับ 3 โครงการที่ที่ บสย.ได้รับอนุมัติตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2556 จำนวน 3 โครงการ วงเงิน 270,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการ Portfolio Guarantee Scheme (PGS ระยะที่ 5) วงเงิน 240,000 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.56 -31 ม.ค.58 สถาบันการเงิน 18 แห่งร่วมลงนาม mou เมื่อวันที่ 6 ก.พ.56 2.โครงการ Portfolio Guarantee Scheme (PGS New-Start up) วงเงิน 10,000 ล้านบาท ระยะเวลาโครงการ 3 ปี สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ทำธุรกิจไม่เกิน 3 ปี รายละไม่เกิน 2 ล้านบาท บสย.ค้ำประกัน 100% 3.โครงการ Portfolio Guarantee Scheme (PGS PIL) วงเงิน 20,00 ล้านบาท ผ่านธนาคาร SMEs Bank เพื่อพัฒนาเครื่องจักร/พัฒนากระบวนการทำงาน รายละไม่เกิน 5 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย MLR-3% ใน 3 ปีแรก และฟรีค่าธรรมเนียมปีแรก