นราธิวาส - ชาวนราฯ อยากเห็นผลจากการเจรจากับกลุ่มบีอาร์เอ็น พร้อมติงรัฐต้องมีความชัดเจนในเรื่องนี้ ด้านประธานหอการค้าวอนเห็นใจเลขา สมช.เพราะต้องแบกรับภาระหลายด้าน
วันนี้ (29 พ.ค.) นายศรัณย์ วังสัตตบงกช ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส ยังยืนยันสนับสนุนการพูดคุยระหว่างรัฐไทยกับแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น เนื่องจากเห็นว่าการพูดคุย ถือเป็นจุดเริ่มต้นของสันติภาพ แม้ขณะนี้เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ อยากให้ทุกคนทุกฝ่ายมองด้วยว่าเหตุการณ์ความไม่สงบก็เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันนี้ เกิดมากว่า 10 ปี และยังไม่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น
เมื่อรัฐพยายามใช้วิธีการพูดคุยสันติภาพ จึงควรให้โอกาส แม้จะไม่ทราบถึงจุดสิ้นสุด หรือข้อยุติที่เป็นรูปธรรมซึ่งเป็นความพึงพอใจของทุกฝ่าย โดยรัฐไทยไม่เสียประโยชน์ นอกจากนี้ ยังรู้สึกเห็นใจคณะของฝ่ายไทยที่นำโดย พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพราะต้องแบกรับภาระที่เป็นความหวังของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และคนไทยทั้งประเทศ เพื่อไปพูดคุย จนกระทั่งมีข้อเรียกร้องออกมาจากแกนนำบีอาร์เอ็น ซึ่งไม่สามารถตัดสินใจด้วยตนเอง
แต่ต้องตั้งบนพื้นฐานของกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญไทย อีกทั้งไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการพูดคุยแล้วก็อยากเห็นความต่อเนื่อง รวมถึงความชัดเจนของประเด็นที่มีการพูดคุย เพื่อให้คนทั้งประเทศเห็นพัฒนาการของการพูดคุยว่าอยู่ในระดับใดแล้ว
ขณะที่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก แสดงความเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยสันติภาพว่า การพูดคุยต้องมีความชัดเจนในการพิจารณาข้อเรียกร้องของฝ่ายแกนนำบีอาร์เอ็น และควรตอบให้ชัดในทุกข้อ ทั้งกับแกนนำบีอาร์เอ็น และผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบที่ต้องสูญเสียชีวิต รวมทั้งทรัพย์สินจากสถานการณ์ความไม่สงบ และทุกชีวิตที่อยู่ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
เพื่อลบข้อสงสัยเกี่ยวกับการพูดคุยที่อาจมีผลประโยชน์อื่นๆ ของรัฐแอบแฝงด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากที่ทราบว่ามีการพูดคุยกันหลายครั้งแล้ว แต่กลับไม่เห็นว่ารัฐไทยจะได้อะไรจากการพูดคุย แม้กระทั่งการทำให้สถิติการก่อเหตุในพื้นที่ลดลงจากเดิมก็ยังทำไม่ได้ ดังนั้น เมื่อจะมีการพูดคุยอีกครั้งในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ก็อยากเรียกร้องให้มีการสรุปสาระสำคัญของการพูดคุยเพื่อให้เห็นทิศทางของการพูดคุยสันติภาพว่าจะไปในทิศทางใด หรือหากพูดคุยแล้วแต่ยังไม่เห็นอะไรที่เป็นรูปธรรมก็อยากให้ยุติการพูดคุย แล้วหามาตรการอื่นมาแก้ปัญหาแทน
เพราะจากที่ติดตามข่าวตนเห็นว่า ขณะนี้รัฐไทยกับแกนนำบีอาร์เอ็น เหมือนผู้เล่นเทนนิสในสนาม ที่ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ตีลูกเสียอย่างเดียว เดินหน้าตามข้อเรียกร้องของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ จะปฏิเสธก็เสียเพราะสะท้อนถึงความไม่จริงใจ แม้กระทั่งจะถอยหลังกลับก็ยังเสียเพราะกลายเป็นความล้มเหลวของการพูดคุยสันติภาพ
ซึ่งเป็นการเสียทั้งพันธมิตรในประเทศมาเลเซีย และเสียมวลชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ เห็นว่าพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องหยุดความสูญเสียจากเหตุการณ์ความไม่สงบ และการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน โดนขอเรียกร้องให้ใช้การทหารนำการเมืองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีสถานการณ์ไม่ปกติ และยากเกินกว่าจะควบคุมโดยการบริหารจัดการแบบทั่วไปแล้ว
วันนี้ (29 พ.ค.) นายศรัณย์ วังสัตตบงกช ประธานหอการค้าจังหวัดนราธิวาส ยังยืนยันสนับสนุนการพูดคุยระหว่างรัฐไทยกับแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็น เนื่องจากเห็นว่าการพูดคุย ถือเป็นจุดเริ่มต้นของสันติภาพ แม้ขณะนี้เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ อยากให้ทุกคนทุกฝ่ายมองด้วยว่าเหตุการณ์ความไม่สงบก็เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันนี้ เกิดมากว่า 10 ปี และยังไม่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น
เมื่อรัฐพยายามใช้วิธีการพูดคุยสันติภาพ จึงควรให้โอกาส แม้จะไม่ทราบถึงจุดสิ้นสุด หรือข้อยุติที่เป็นรูปธรรมซึ่งเป็นความพึงพอใจของทุกฝ่าย โดยรัฐไทยไม่เสียประโยชน์ นอกจากนี้ ยังรู้สึกเห็นใจคณะของฝ่ายไทยที่นำโดย พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพราะต้องแบกรับภาระที่เป็นความหวังของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และคนไทยทั้งประเทศ เพื่อไปพูดคุย จนกระทั่งมีข้อเรียกร้องออกมาจากแกนนำบีอาร์เอ็น ซึ่งไม่สามารถตัดสินใจด้วยตนเอง
แต่ต้องตั้งบนพื้นฐานของกฎหมายภายใต้รัฐธรรมนูญไทย อีกทั้งไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการพูดคุยแล้วก็อยากเห็นความต่อเนื่อง รวมถึงความชัดเจนของประเด็นที่มีการพูดคุย เพื่อให้คนทั้งประเทศเห็นพัฒนาการของการพูดคุยว่าอยู่ในระดับใดแล้ว
ขณะที่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก แสดงความเห็นเกี่ยวกับการพูดคุยสันติภาพว่า การพูดคุยต้องมีความชัดเจนในการพิจารณาข้อเรียกร้องของฝ่ายแกนนำบีอาร์เอ็น และควรตอบให้ชัดในทุกข้อ ทั้งกับแกนนำบีอาร์เอ็น และผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบที่ต้องสูญเสียชีวิต รวมทั้งทรัพย์สินจากสถานการณ์ความไม่สงบ และทุกชีวิตที่อยู่ท่ามกลางสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
เพื่อลบข้อสงสัยเกี่ยวกับการพูดคุยที่อาจมีผลประโยชน์อื่นๆ ของรัฐแอบแฝงด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากที่ทราบว่ามีการพูดคุยกันหลายครั้งแล้ว แต่กลับไม่เห็นว่ารัฐไทยจะได้อะไรจากการพูดคุย แม้กระทั่งการทำให้สถิติการก่อเหตุในพื้นที่ลดลงจากเดิมก็ยังทำไม่ได้ ดังนั้น เมื่อจะมีการพูดคุยอีกครั้งในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ ก็อยากเรียกร้องให้มีการสรุปสาระสำคัญของการพูดคุยเพื่อให้เห็นทิศทางของการพูดคุยสันติภาพว่าจะไปในทิศทางใด หรือหากพูดคุยแล้วแต่ยังไม่เห็นอะไรที่เป็นรูปธรรมก็อยากให้ยุติการพูดคุย แล้วหามาตรการอื่นมาแก้ปัญหาแทน
เพราะจากที่ติดตามข่าวตนเห็นว่า ขณะนี้รัฐไทยกับแกนนำบีอาร์เอ็น เหมือนผู้เล่นเทนนิสในสนาม ที่ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ตีลูกเสียอย่างเดียว เดินหน้าตามข้อเรียกร้องของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ จะปฏิเสธก็เสียเพราะสะท้อนถึงความไม่จริงใจ แม้กระทั่งจะถอยหลังกลับก็ยังเสียเพราะกลายเป็นความล้มเหลวของการพูดคุยสันติภาพ
ซึ่งเป็นการเสียทั้งพันธมิตรในประเทศมาเลเซีย และเสียมวลชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งนี้ เห็นว่าพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต้องหยุดความสูญเสียจากเหตุการณ์ความไม่สงบ และการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน โดนขอเรียกร้องให้ใช้การทหารนำการเมืองในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีสถานการณ์ไม่ปกติ และยากเกินกว่าจะควบคุมโดยการบริหารจัดการแบบทั่วไปแล้ว