ชุมพร - พบเด็กหญิงวัย 10 ปี ขาโตข้างเดียว เจ็บปวดทรมานไม่มีเงินรักษา จำใจต้องขาดเรียนหนังสือบ่อย ด้านครูตามไปเจอพบครอบครัวยากจนอยู่กันอย่างน่าเวทนา วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือ
เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (27 พ.ค.) นายพิทยา วงศ์สัมฤทธิ์ ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 66 (บ้านนาเนียน) เปิดเผยว่า พบเด็กหญิงป่วยเป็นโรคขาโตข้างเดียวแบบผิดปกติ ซึ่งเจ็บปวดทรมาน และขาข้างดังกล่าวได้โตขึ้นทุกวัน แต่ผู้ปกครองมีฐานะยากจนไม่มีเงินรักษา จึงขอวอนผู้มีจิตเมตตาช่วยเหลือเด็กหญิงคนดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ นายพิทยา ได้พาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับเด็กหญิงคนดังกล่าว ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ป.5 โรงเรียนไทยรัฐฯ ตั้งอยู่ริม ถ.เพชรเกษม ระหว่างชุมพร-ระนอง ต.วังใหม่ อ.เมือง จ.ชุมพร และได้พบกับเด็กหญิงคนดังกล่าว ทราบชื่อ ด.ญ.สุชาพร รัตนพันธ์ อายุ 10 ปี อยู่ในชุดนักเรียนสภาพอิดโรยผอมหน้าตาเศร้าหมอง เดินไม่เป็นปกติเหมือนคนทั่วไป ซึ่งพบว่า ต้นขาข้างซ้ายใหญ่โตผิดปกติ และบวมเป่งจนแข็งเห็นเส้นเลือดขึ้นเขียวผุดทั่วบริเวณดังกล่าว
จากนั้น นายอุดม เชิงไกรยัง ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 66 ได้พา ด.ญ.สุชาพร ไปที่บ้านเช่าเลขที่ 243/3 หมู่ 1 ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่พักอาศัยอยู่กับมารดาชื่อ นางวิไลพร ชัดกำจร อายุ 57 ปี เพื่อดูสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัว ด.ญ.สุชาพร ซึ่งเป็นบ้านเช่าห้องแถวเล็กๆ บริเวณหน้าบ้าน และในบ้านมีเศษเหล็ก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ของเก่ากองเกะกะไปทั่วบ้าน
ขณะที่ นางวิไลพร ชัดกำจร มารดาของ ด.ญ.สุชาพร กล่าวว่า ตนมีอาชีพรับจ้างทั่วไป เก็บของเก่า และรับจัดช่อดอกไม้ส่งในช่วงวันพระให้แก่ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง มีรายได้วันละร้อยกว่าบาท บางวันก็ไม่ถึงร้อย เลี้ยงปากเลี้ยงท้องไปวันๆ ให้ได้อยู่รอด และต้องเสียค่าเช่าบ้านเดือนละ 1,200 บาท ปัจจุบัน อยู่กับลูกสาวซึ่งกำพร้าพ่อมาตั้งแต่เล็ก
ส่วนสาเหตุที่ ด.ญ.สุชาพร ลูกสาวที่มีขาข้างซ้ายบวมใหญ่โตผิดปกตินั้น นางวิไลพร กล่าวว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อประมาณต้นปีที่ผ่านมา ลูกสาวตนมีอาการปวดขาข้างซ้าย และบวมโตขึ้นมาจึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ซึ่งหมอบอกในเบื้องต้นว่า อาจเป็นมะเร็งในกระดูก และให้ตนพาลูกสาวตนไปตรวจที่โรงพยาบาลใน จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลศูนย์มีอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย โดยหลังจากไปตรวจรักษาในโรงพยาบาลสุราษฎร์ฯ และหมอได้ให้ตนพาลูกสาวกลับมาตรวจรักษาต่อที่โรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และจากนั้นไม่นานทางโรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ได้ให้ตนพาลูกสาวไปตรวจรักษาต่อที่โรงพยาบาลศิริราช หลังจากไปตรวจแล้ว ทางโรงพยาบาลศิริราชไม่ได้บอกว่าเป็นโรคอะไร และได้นัดหมายให้ไปตรวจอีกครั้ง
“หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้พาลูกสาวไปตรวจรักษาตามที่หมอนัดหมายอีกเลย แต่หมอที่โรงพยาบาลศิริราชก็ได้โทรศัพท์มาตามให้ตนพาลูกสาวขึ้นไปตรวจรักษา ซึ่งตนก็บอกปฏิเสธไปว่าไม่มีเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่จำเป็นต้องใช้ซึ่งเป็นเงินหลายพันบาท ต่อมา ลูกสาวก็เริ่มมีการการเจ็บปวด และขาข้างขวาได้บวมและใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถงอขาข้างดังกล่าวได้ แต่ยังสามารถเดินได้ซึ่งก็ไม่เหมือนคนปกติทั่วไป” นางวิไลพร กล่าวและว่า
รู้สึกสงสารลูกเป็นอย่างมาก เพราะลูกสาวตนเป็นคนนิสัยดี ขยันเรียน แม้ขาจะเจ็บ บวมโตข้างเดียว เดินไม่เป็นปกติ แต่ก็ยังอยากจะไปเรียนหนังสือทุกวัน พอเจ็บปวดมากๆ ก็ไปซื้อยาพารามากินเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด จนมาช่วงหลังขาเริ่มบวมโตใหญ่มากขึ้น และมีอาการเจ็บปวดจนไม่สามารถไปเรียนหนังสือได้ จึงต้องหยุดเรียนบ่อยครั้ง ซึ่งลูกสาวตนได้นอนร้องไห้เพราะอยากไปเรียนหนังสือ ตนก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้เพราะมีฐานะยากจนหาเช้ากินค่ำ จนกระทั่งได้มี นายอุดม เชิงไกรยัง ผอ.โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 66 พร้อมคณะครู ได้เดินทางมาหาที่บ้าน เนื่องจากเห็นว่าลูกสาวตนไม่ไปโรงเรียนหลายวันเพื่อสอบถามถึงสาเหตุ จนทราบความจริงดังกล่าว