xs
xsm
sm
md
lg

ครม.ไฟเขียวจัดรถเมล์เอ็นจีวี 3 พันคัน 1.3 หมื่นล้าน พ่วงงบอนุรักษ์ป่า 1 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพจากแฟ้ม
ที่ประชุม ครม.อนุมัติซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 3,183 คัน วงเงิน 1.3 หมื่นล้าน พร้อมแผนแม่บทอนุรักษ์ป่า “ปลอดประสพ” 1 หมื่นล้าน ใช้เครือข่ายทีวี-วิทยุกรมประชาสัมพันธ์ ถ่ายทอดสดพิจารณาคดีพระวิหารจากศาลโลก จัดรถขนส่งสาธารณะรับสงกรานต์-งดเก็บเงินค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ ผ่อนผันแรงงานต่างด้าวลงทะเบียนออกไปอีก 120 วัน

วันนี้ (9 เม.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนออนุมัติโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 3,183 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ หรือ ขสมก. ในกรอบวงเงิน 13,162 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น รถปรับอากาศ 1,524 คัน โดยจัดซื้อคันละ 4.5 ล้านบาท และรถเมล์ธรรมดา 1,659 คัน โดยจัดซื้อคันละ 3.8 ล้านบาท โดยมีระยะเวลาในการซ่อมบำรุง 10 ปี เป็นวงเงิน 13,858.40 ล้านบาท โดยรวมวงเงินทั้งหมดเป็น 272,020.608 ล้านบาท

โดยโครงการดังกล่าวนี้จะช่วยประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายของ ขสมก.ได้ 4,300 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กำชับว่า หลังจากที่ได้มีการอนุมัติโครงการนี้ไปแล้ว อยากให้ประชาชนหันมาใช้รถบริการสาธารณะเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาการจราจร โดยมองว่าอยากให้มีการปรับรถเมล์ปรับอากาศเพิ่มขึ้นจากรถร้อน เนื่องจากจะรณรงค์ให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนตัว รวมถึงจัดทำตั๋วร่วมเพื่อให้รถเมล์มีรอยเชื่อต่อกับรถไฟฟ้า และให้ประชาชนเดินทางสะดวกมากขึ้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการทำทีโออาร์ แต่ยืนยันว่าการดำเนินการจะมุ่งเน้นความโปร่งใส

นอกจากนี้ นายชัชชาติยังได้เปิดเผยถึงการเรียกผู้เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการย้ายสถานีขนส่งหมอชิตใหม่ทั้งหมดเข้าหารือเพื่อหาข้อสรุปโดยเร็ว เนื่องจากเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องเร่งพิจารณาว่าจะมีการย้ายหรือหาพื้นที่รองรับขยายสถานีขนส่งหมอชิตใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นหรือไม่ หากจะย้ายไปอยู่ที่อื่นจริงก็ไม่ควรจะไกลมากเกินไป เพราะเกรงว่าผู้โดยสารที่ใช้บริการในเส้นทางสั้นระยะทางไม่เกิน 300 กม. อาจจะหันไปใช้บริการรถตู้โดยสารแทน แต่ทั้งนี้ ก็ต้องเปรียบเทียบทั้งข้อดีและข้อเสีย โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับบริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส.โดยตรง หากต้องย้ายสถานีขนส่งหมอชิตใหม่ออกไปจริง ควรมีสถานีรถโดยสารอยู่บริเวณสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งจะเป็นศูนย์รวมการขนส่งทุกระบบในอนาคต เพื่อเป็นสถานีรับส่งผู้โดยสารไม่ใช่เป็นจุดพักรถให้มาจอดรอทั้งวัน

ด้าน นพ.ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่าในระหว่างวันที่ 15-20 เม.ย.นี้ ที่จะมีการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหาร ที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งไทยจะให้การทางวาจาในวันที่ 17 เม.ย.นี้ ซึ่งตรงกับเวลาของประเทศไทยในช่วง 15.00-21.30 น. โดยจะมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์ และสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย เอฟเอ็ม 92.5 เมกะเฮิรตซ์, เอเอ็ม 891 และวิทยุสราญรมย์ เอเอ็ม 1575 รวมถึงถ่ายทอดสดผ่านทางเว็บไซต์ www.phraviharn.org

ขณะเดียวกัน ครม.เห็นชอบขยายเวลาการผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองมาลงทะเบียนไปอีก 120 วันจากเดิมที่จะสิ้นสุดวันที่ 14 เม.ย. 2556 เพื่อดำเนินการให้ได้รับหนังสือเดินทางชั่วคราว หรือเอกสารรับรองบุคคลจากประเทศต้นทาง และได้รับเดินทางเข้าประเทศอย่างถูกต้องกฎหมาย

นอกจากนี้ ครม.มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ โดยเห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 7 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle: IMT-GT) และเห็นชอบให้ สศช. สามารถปรับปรุงถ้อยคำในแถลงการณ์ร่วมฯ ได้ในกรณีที่มิใช่การเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบอีก

โดยให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ นาย นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล (MR. NIWATTHUMRONG BOONSONGPAISARN) รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (MINISTER ATTACHED TO THE PRIME MINISTER’S OFFICE) ในฐานะรัฐมนตรีประจำกรอบแผนงาน IMT-GT ของไทย เป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ประสานความร่วมมืออนุภูมิภาคแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Draft Establishment Agreement of Centre for Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle Subregional Cooperation: CIMT) 3. เห็นชอบการเสนอชื่อนายไพโรจน์ โพธิวงศ์ (MR. PAIROTE POTIVONG) เป็นผู้อำนวยการศูนย์ประสานความร่วมมือกรอบแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (CIMT) ต่อที่ประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ 7 แผนงาน IMT-GT ในรอบการดำรงตำแหน่งของฝ่ายไทยระยะห้าปี (ปี 2556-2560) โดยเริ่มเข้าศึกษาและทดลองงานได้ทันทีเมื่อมีการลงนามการจัดตั้งศูนย์

ด้านนายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า จากมติครม.ที่กำหนดวันหยุดราชการ 5 วันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ 12-16 เม.ย.ซึ่งในวันที่ 13 เม.ย. จะเป็นวันผู้สูงอายุแห่งชาติ โดยมีสัญลักษณ์ “ผู้สูงวัยใส่ใจสุขภาพ” และด้วยความเป็นห่วงของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี จึงอยากให้ประชาชนทำตามประเพณีไทย กลับไปรดน้ำดำหัวผู้หลักผู้ใหญ่ เพื่อให้เป็นประเพณีสืบสานกันต่อไป แบบปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์ ทั้งนี้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้แสดงความห่วงใย เนื่องจากช่วงนี้อากาศร้อน หากไปเล่นสงกรานต์ควรที่จะดื่มน้ำเยอะๆ เพราะร่างกายจะเสียน้ำในร่างกายปริมาณมากอาจทำให้เป็นลมได้ และควรดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะช่วยกันในการลดอุบัติเหตุ

นายภักดีหาญส์กล่าวต่อว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมจัดทำ “แผนอำนวยความสะดวก มั่นคง และปลอดภัยรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2556” เพื่อเตรียมการรองรับการเดินทางของประชาชน เนื่องจากในช่วงเทศกาลดังกล่าวประชาชนมีความต้องการในการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยกำหนดระยะเวลาการปฏิบัติงานระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย. โดยจะมีการบริการขนส่งสาธารณะเพิ่มเติม โดยจัดขบวนรถไฟประจำ 242 ขบวนต่อวัน รองรับผู้โดยสาร 95,000 คนต่อวัน เพิ่มตู้โดยสารในทุกเส้นทางเฉลี่ยขบวนละ 1-2 ตู้ต่อขบวน รองรับผู้โดยสารเพิ่มได้อีก 10,000 คนต่อวัน ทั้งนี้ได้ประกาศเดินขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสารเพิ่มเติมจากขบวนรถประจำ เป็น 2 ช่วง ช่วงที่ 1 (เที่ยวไป) วันที่ 11-12 เม.ย. และช่วงที่ 2 (เที่ยวกลับ) วันที่ 15-18 เม.ย. รองรับผู้โดยสารเพิ่มได้อีก 52,000 คนต่อวัน เฉลี่ย 10,000 คนต่อวัน ซึ่งรถไฟสำรองขบวนรถพิเศษช่วยการโดยสารในวันที่ 11 เม.ย. จะมาเสริมกรณีมีผู้โดยสารตกค้างที่สถานี เส้นทางสายเหนือ กรุงเทพ-ศิลาอาสน์ สายตะวันออกเฉียงเหนือ อุบลราชธานีและอุดรธานี รวม 3 ขบวน

รวมถึงเพิ่มจำนวนเที่ยววิ่งรถโดยสารสาธารณะในเขตกรุงเทพและปริมณฑลจำนวน 108 เส้นทาง ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้บริการ พร้อมจัดเดินรถเชื่อมต่อสถานีขนส่ง จำนวน 4 สถานี รวม 35 เส้นทาง ขาออก ช่วงวันที่ 11-13 เม.ย.และขาเข้า ช่วงวันที่ 16-17 เม.ย. จัดรถโดยสารอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน บริเวณท่าจอดรถโดยสารของบริษัทขนส่ง จำกัด จำนวน 4 เส้นทาง รวมถึงเพิ่มจำนวนเที่ยวรถโดยสารของบริษัท ขนส่ง จำกัด ช่วงวันที่ 9-12 เม.ย. (ขาไป) จำนวน 29,542 เที่ยว จำนวนผู้โดยสาร801,342 คน ช่วงวันที่ 15-18 เม.ย. (ขากลับ) จำนวน 28,355 เที่ยว จำนวนผู้โดยสาร 615,353 คน ทั้งยังเพิ่มเที่ยวบินพิเศษในเส้นทางหลักได้แก่ เชียงใหม่ ภูเก็ตและกระบี่ ระหว่างวันที่ 11-16 เม.ย. จำนวน 26 เที่ยวบิน จำนวน 7,656 ที่นั่ง

โดยกระทรวงคมนาคม ได้ประกาศยกเว้นค่าผ่านทางบนทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 7 (ถนนมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี) และหมายเลข 9 (ถนนมอเตอร์เวย์ วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก) ตั้งแต่เวลา 16.00 น. ในวันที่ 10 เม.ย. ถึง เวลา 24.00 น. ในวันที่ 16 เม.ย. และยกเว้นค่าผ่านทางทางพิเศษบูรพาวิถี ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ในวันที่ 10 เม.ย. ถึงเวลา 24.00 น.วันที่ 16 เม.ย. และตั้งจุดตรวจ จุดสกัด จุดให้บริการโดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้บริการในเส้นทางสำคัญ เพื่อช่วยแก้ไขการเกิดอุบัติเหตุจราจร และรถเสีย สถานที่พักรถ และจัดเตรียมเครื่องมือ เครื่องจักร อุปกรณ์ รถฉุกเฉิน พร้อมให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกผู้ใช้ทาง ทั้งนี้ได้จัดกิจกรรม “ตรวจรถก่อนใช้ ปลอดภัยแน่นอน” ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ จำนวน 2,198 แห่ง ให้บริการตรวจรถฟรี 20 รายการ

ทั้งนี้ จะมีการประสานงานกับศูนย์ปลอดภัยคมนาคม กระทรวงคมนาคม (ศปภ.คค.) ปฏิบัติหน้าที่เป็นศูนย์ประสานภารกิจด้านความปลอดภัยในระบบขนส่งระหว่างหน่วยงานในสังกัดและนอกสังกัดกระทรวงคมนาคม เช่น ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น และเป็นผู้ประสานการให้บริการอำนวยความสะดวก บรรเทาและแก้ไขปัญหาการเดินทางแก่ประชาชน และสามารถประสานและแจ้งข้อมูลได้ที่โทรสายด่วนหมายเลข 1356 ตลอด 24 ชั่วโมง

ขณะที่ ครม.มีมติเห็นชอบแต่งตั้งบุคคลดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง 2 ตำแหน่ง ตามที่นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เสนอ โดยให้นายสุชัย ภู่ประสริฐ ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองของนายยุคล และนายถาวร จำปาเงิน ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายยุคล

ด้าน ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม. เห็นชอบการกู้เงินในประเทศ ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กู้เงินภายในประเทศ ในกรอบวงเงิน 5,640 ล้านบาท เพื่อใช้ในการรีไฟน์แนนซ์หนี้เงินกู้กับบริษัท JICA จำนวน 4 สัญญา ตามแผนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ภายใต้การบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2556

ขณะเดียวกัน ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ (ฉบับที่ ...) พ.ศ.... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอว่า พระราชกฤษฎีกาค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติมที่ใช้อยู่ในปัจจุบันมีบทบัญญัติบางประการที่ยังไม่ชัดเจนเพียงพอ ทำให้เกิดปัญหาในการตีความและการวินิจฉัยสิทธิการได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการ โดยมีสาระสำคัญดังนี้ 1. กรณีข้าราชการผู้ใดได้รับคำสั่งให้เดินทางไปประจำสำนักงานในต่างท้องที่และทางราชการได้จัดที่พักอาศัยให้แล้ว ไม่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน 2. กำหนดให้ข้าราชการผู้ใดได้รับคำสั่งให้เดินทางไปประจำสำนักงานในต่างท้องที่มีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านข้าราชการเท่าที่ต้องจ่ายจริงตามที่สมควรแก่สภาพบ้าน แต่อย่างสูงไม่เกินจำนวนเงินที่กำหนดไว้ตามบัญชีอัตราค่าเช่าบ้านข้าราชการ

อีกด้านหนึ่ง ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติร่างกฎสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนสามัญออกจากราชการ 4 กรณี คือ 1. กรณีขาดคุณสมบัติทั่วไปหรือมีลักษณะห้ามตามมาตรา 110 (3) 2. กรณีหย่อนความสามารถบกพร่องในหน้าที่หรือประพฤติตนไม่เหมาะสมตามมาตรา 110 (6) 3. กรณีมลทินหรือมัวหมองตามมาตรา 110 (7) และ 4. กรณีต้องรับโทษจำคุกในความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ หรือต้องรับโทษจำคุกโดยคำสั่งศาล ซึ่งยังไม่ถึงกับจะต้องถูกลงโทษปลดออกหรือไล่ออกตามมาตรา 110 (8)

นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) กู้เงินในประเทศ ภายในกรอบวงเงิน 5,640.44ล้านบาท เพื่อใช้ในการรีไฟแนนซ์หนี้เงินกู้สกุลเยน (หนี้เงินกู้ JICA) จำนวน 4 สัญญา ตามแผนการปรับโครงสร้างหนี้ต่างประเทศภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2556 ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ

ส่วนนายชลิตรัตน์ จันทรุเบกษา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ครม.เห็นชอบอนุมัติงบประมาณตามที่นายปลอดประสพ สุรัสวดี ในฐานะประธานสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (กบอ.) ตามที่ได้เสนอแผนแม่บทการฟื้นฟูและอนุรักษ์ป่าระบบนิเวศน์ 25 ลุ่มน้ำ ในวงเงิน 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีระยะเวลาในการดำเนินโครงการ 5 ปี โดยแบ่งเป็นการดำเนินการในลุ่มน้ำเจ้าพระยา 8 ลุ่มน้ำหลักวงเงิน 5,790 ล้านบาท และในลุ่มน้ำอื่น 17 ลุ่มน้ำ วงเงิน 4,209 ล้านบาท และอนุมัติแผนปฏิบัติการโครงการดังกล่าวระยะที่ 2 ปี 2556 วงเงิน 2,085 ล้านบาท

นายชลิตรัตน์กล่าวอีกว่า ครม.เห็นชอบและมอบหมายให้กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานที่ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอื่นที่มีอำนาจหน้าที่ในลักษณะเดียวกับคณะกรรมการที่แต่งตั้งตามแผนโครงการนี้ ยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว เพื่อให้การดำเนินการมีเอกภาพตามหลัก Single Command

ทั้งนี้ ได้มีการจัดตั้งสำนักงานบริหารโครงการปลูกป่าและฟื้นฟูป่าต้นน้ำโครงการประชาอาสาปลูกป่า 800 ล้านกล้า 80 พรรษามหาราชินีฯ เพื่อเป็นหน่วยปฏิบัติให้กับคณะกรรมการทั้ง 4 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการนโยบายการบริหารโครงการฯ คณะกรรมการอำนวยการบริหารโครงการฯ, คณะกรรมการบริหารและดำเนินโครงการฯ, คณะกรรมการปฏิบัติการโครงการฯ


กำลังโหลดความคิดเห็น