xs
xsm
sm
md
lg

อนิจจา!! ขนส่งสาธารณะไทย เมื่อไหร่จะปลอดภัยเสียที

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ข่าวชวนสะพรึงปลายเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คงทำเอาประชาชนหาเช้ากินค่ำและต้องใช้บริการขนส่งสาธารณะในการเดินทาง รู้สึกหวาดผวาถึงอันตรายที่สามารถพุ่งเข้าชนได้ตลอดเวลา ยืนอยู่ดีๆ ก็ดันเจอเรือโดยสารแข่งซิ่ง เกิดคลื่นลูกใหญ่ถล่มท่าเรือจนผู้โดยสารที่ยืนอยู่หวิดดับเสียแล้ว หรือรถไฟตกรางย่านหลักสี่ ก็ทำเอาเดือดร้อนกันไปทั่ว ซึ่งเมื่อพิจารณาทบทวนดูตั้งแต่ต้นปี ผ่านไปได้แค่ 3 เดือน แต่อุบัติเหตุต่างๆ ในการขนส่ง คมนาคม กลับเกิดขึ้นมากมายจนนับนิ้วไม่พอ เลยต้องกลับมาตั้งคำถามว่า การเดินทางไปทำงานทุกวันนี้ ชีวิตเราแขวนอยู่บนเส้นด้ายหรือไร?

แสบจริง “เรือซิ่งคลองแสนแสบ”

หลายคนคงเคยได้ยินกิตติศัพท์อยู่แล้ว สำหรับ “เรือโดยสารคลองแสนแสบ” ที่ผู้ใช้บริการทุกคนต้องอยู่ในท่าพร้อมก่อนเรือจะมา และต้องรีบกระโจนเข้าไปนั่งให้เรียบร้อยอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่อยากให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สิน เรียกได้ว่า เรือซิ่งคลองแสนแสบ เป็นหนึ่งในอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องลอง!!

เมื่อสอบถามความรู้สึกของผู้ที่ใช้บริการ ทุกคนต่างก็กังวลใจและหวาดกลัวในอันตราย แต่มันก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ต้องสัญจรในเส้นทางการเดินเรือนั้น อย่างนักศึกษาปริญญาโทคนหนึ่งระบุว่า เธอต้องนั่งเรือคลองแสนแสบจากบริเวณสะพานหัวช้างไปยังม.รามคำแหง ก็บอกว่าต้องยอมเสี่ยง ดีกว่าการทนอยู่บนรถนานๆ บนถนนที่ติดขัด

“ตอนที่นั่งเรารู้สึกเหมือนชีวิตอยู่บนเครื่องบินตกหลุมอากาศเลย มันก็น่ากลัวนะ มันอันตรายตอนขึ้นเรือเนี่ยแหละ แล้วก็ระหว่างนั่งเราเองก็ต้องหลบน้ำ เพราะมันอาจจะกระเด็นใส่ปากใส่ตาได้ อย่างที่เห็นน้ำมันก็ไม่ค่อยสะอาด แต่ข้อดีที่เรายังใช้บริการอยู่คือมันทำให้เราไปถึงปลายทางได้ไวกว่าการขึ้นรถเมล์

จากคลิปวิดีโอที่แพร่กระจายว่อนโลกโซเชียลเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เห็นได้ว่าขนาดยืนรออยู่บนท่าเรือ อันตรายก็มาเยือนได้แบบไม่รู้ตัว เพราะวันนั้นเรือซิ่งตีคู่แข่งกันมาด้วยความเร็ว ทำให้เกิดคลื่นซัดที่แรงไม่น้อยขึ้นมาบนท่าเรือจนผู้โดยสารล้มระเนระนาด เปียกปอนกันไปหมด โดยในคลิปเผยให้เห็นภาพกลุ่มผู้โดยสารที่เป็นหญิง 5 คน ยืนอยู่ริมท่าเรือชาญอิสระ คลองแสนแสบ ต่อมาเรือโดยสารได้แล่นแข่งกันจนเกิดคลื่นขนาดใหญ่ ซัดคนที่ยืนรอเรือ จนล้มคะมำไปถึง 3-4 คน ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นเป็นผู้หญิงเกือบตกลงไปในคลอง โชคดีที่ผู้โดยสารช่วยกันจับตัวเอาไว้ได้ทัน

ทั้งนี้ เบื้องต้นทางกรมเจ้าท่าได้มีการสั่งพักใบอนุญาตขับเรือของพนักงานขับเรือคนดังกล่าวแล้ว พร้อมกับเรียกบริษัทเจ้าของเรือมาตักเตือน เพื่อให้มีการกวดขันพนักงานขับเรือไม่ให้มีพฤติกรรมดังกล่าวอีก ถึงแม้เหตุการณ์ครั้งนี้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็ต้องระวัง เพราะเมื่อปลายปีที่แล้ว คลองแสนแสบแห่งนี้ เคยเกิดเหตุสลดพนักงานเก็บค่าโดยสาร วัย 30 ปี เสียชีวิต หลังเดินอยู่บริเวณกราบเรือ และพลัดตกลงน้ำไป ซึ่งขณะที่ล้มลงนั้นศีรษะได้กระแทกกับกราบเรือเลยทำให้หมดสติตกน้ำไป ดังคำโบราณที่ว่า “สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง” คนเก็บสตางค์ในเรือเองก็ร่วงลงคลองได้เหมือนกัน แล้วเราจะไม่ระวังตัวเองกันได้อย่างไร

สุดซ้ำซาก “รถไฟไทย” ไร้พัฒนา

ส่วนอีกข่าวที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน สำหรับรถไฟไทย ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง ถึงแม้จะไม่ใช่เหตุจากความประมาทของคนขับ แต่อุบัติเหตุตกรางก็เกิดขึ้นบ่อยกลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่เกิดขึ้นมานานจนกลายเป็นเรื่องเคยชิน แต่ถ้าหากคุณเป็นหนึ่งในผู้โดยสารขบวนรถไฟที่ตกรางวันนั้นคงจะขำไม่ออกแน่ๆ

โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดเหตุรถไฟตกรางทั้งที่จ.ลำปาง และอีกครั้งกับขบวนรถไฟ 202 จากจ.พิษณุโลกตกรางระหว่างสถานีหลักสี่และบางเขน ซึ่งคาดว่า อาจมีคนลักลอบถอดตะปูยึดรางที่เป็นโลหะนำไปขาย อย่างไรก็ดี นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยหรือ ร.ฟ.ท. ก็ยอมรับว่า “สาเหตุการตกราง ส่วนหนึ่งมาจากปัญหารางที่มีสภาพเก่า ซึ่งปัจจุบัน ร.ฟ.ท.อยู่ระหว่างการเร่งซ่อมแซมปรับปรุงรางทั่วประเทศให้มีคุณภาพดีขึ้น” พร้อมสั่งการให้ฝ่ายซ่อมบำรุงรางออกทำการตรวจสอบสภาพรางทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงที่มีอากาศร้อนอาจส่งผลกระทบให้รางขยายตัวได้ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย

นอกจากปัญหารถไฟตกรางที่เกิดขึ้นถี่ในช่วงนี้ ปัญหาเดิมๆ จากที่เคยมีการรวบรวม ถึงตอนนี้ก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง “รถไฟมาช้า มาไม่ตรงเวลา” รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่เห็น แต่ประชาชนอย่างเราๆ ก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้องรอให้รถไฟมา แล้วยังต้องรอ “สับรางรถไฟ จอดกลางคันไม่มีกำหนด” เนื่องจากรางรถไฟเป็นรางเดี่ยว จึงต้องหยุดรอที่สถานีเพื่อให้อีกคันแล่นผ่านไปก่อน หรือเรื่อง “ห้อยโหนรถไฟ” อันนี้อาจเกิดไม่บ่อย และเกิดแค่ในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่ถ้าช่วงเทศกาลขอบอกเลยว่า คุณอาจได้ยืนจนถึงสถานีที่จะลง ถึงระยะทางจะไกลแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายเรื่องคงเส้นคงวาตลอดกาล “รถไฟเก่า สกปรก” ขาดการบำรุงรักษา ทำความสะอาด จนเป็นแหล่งเชื้อโรคชั้นดี

คนขับตีนผี ทั้งเหยียบ ทั้งปาด

พูดถึงอุบัติเหตุในการขนส่งสาธารณะแล้ว หากไม่พูดถึงเรื่องรถยนต์ อีกหนึ่งการเดินทางสาธารณะที่ชวนผวาไม่แพ้กันคงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น รถเมล์ รถทัวร์ หรือรถตู้โดยสาร ก็น่ากลัวไม่แพ้กัน โดยเฉพาะรถตู้โดยสารมหาภัยที่มีจำนวนมากและปัจจุบันยิ่งขยายเส้นทางไปในหลายๆ จังหวัด ซึ่งข่าวรถตู้ประสบอุบัติเหตุนั้นแทบจะมีทุกเดือนไม่เว้น และส่วนมากสภาพรถก็ถูกอัดจนเละ บุบบี้ สภาพไม่เหลือชิ้นดี เพราะเหยียบกันแบบไม่มียั้ง หลายชีวิตจึงต้องเซ่นให้แก่พวกคนขับตีนผีเหล่านี้

ตั้งแต่นั่งมาก็ไม่เคยเห็นคนขับเหยียบต่ำกว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยนะ แล้วตอนก่อนที่มีมาตรการให้ผู้โดยสารรถตู้คาดเข็มขัด สุดท้ายก็ไม่เห็นมีอะไร คือใจเราก็อยากจะคาดนะ เราก็กลัว เราก็อยากป้องกันตัวเอง แต่คนขับเค้าก็เก็บเอาไปพันกับเบาะจนเราแกะไม่ออก ของแบบนี้ก็ต้องทำใจค่ะ มันไม่มีทางเลือกนี่เนอะ” ความรู้สึกของพนักงานออฟฟิศชาวนครปฐมที่ต้องโดยสารรถตู้เข้ามายังกรุงเทพฯ เพื่อทำงานกล่าวแบบปลงๆ ว่าก็ต้องทนทำใจอย่างเดียว

ส่วนรถเมล์ในกรุงเทพฯ เอง ก็เป็นที่ลือเลื่อง ไม่ว่าจะเป็นขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) หรือรถเอกชนร่วมบริการก็เหยียบจมไม่แพ้กัน เพื่อแย่งลูกค้าและทำเวลา ซึ่งส่วนมากเหตุผลที่ผู้โดยสารทุกคนต้องยอมใช้บริการการขนส่งสาธารณะทั้งๆ ที่เสี่ยงคือ “ไม่มีทางเลือก” และมีบ้างที่รู้สึกน้อยใจกับโครงการ “รถคันแรก” ที่รัฐบาลอ้างว่า ช่วยคนจน แต่ความจริงควรนำเงินมาพัฒนาระบบการขนส่งมวลชนเพื่อช่วยคนจน (อย่างแท้จริง) ไม่ดีกว่าหรอกหรือ

แก้อย่างไร ให้ถูกจุด??

ความปลอดภัยของประชาชนสมควรเป็นเรื่องลำดับแรกๆ ที่รัฐบาล และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องร่วมรับผิดชอบดูแล แต่เอาเข้าจริงๆ ก็ไม่เคยเห็นนโยบายใดที่จะแก้ไขปัญหาในเรื่องการขนส่งสาธารณะได้อย่างเด็ดขาดจริงจัง เมื่อเกิดอุบัติเหตุก็ทำแบบขอไปที วัวหายล้อมคอก อุบัติเหตุจึงเกิดขึ้นไม่สิ้นสุด อย่างโครงการรถไฟความเร็วสูง หนึ่งในแผนกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท สุดทันสมัยไฮโซ ก็น่าจะเจียดมามาพัฒนาปรับปรุงต่อยอดระบบขนส่งสาธารณะเดิมให้ดีขึ้น ปลอดภัยขึ้น เพราะทุกวันนี้อุปกรณ์ถ้าไม่เก่า จนใช้ไม่ได้ ก็เจอแบบใหม่เอี่ยมอ่อง แต่คัดเอา สายเลือดนักซิ่งมาเป็นคนขับ

ปัญหาที่แย่มากกว่ารถเก่า เรือผุ คงเป็นตัวของคนขับเอง ที่หลายครั้งหลายคราวเกิดอุบัติเหตุขึ้นแบบไม่น่าจะเกิด ทั้งหลับใน ขับด้วยความเร็วสูง ปาดซ้าย ปาดขวา จนผู้โดยสารจะเป็นลม ไม่รู้ว่าจะได้กลับถึงบ้านหรือไม่ ซึ่งปัญหานี้คงแก้ได้ยาก นอกจากจะออกกฎระเบียบวินัยจราจรแบบเด็ดขาด ไม่ใช่จ่าย 200 บาท แล้วจบ คนทำผิดถึงได้ทำผิดซ้ำซากอยู่อย่างทุกวันนี้ แม้แต่ รศ.ดร.ชวเลข วณิชเวทิน อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านคมนาคมก็ยังแสดงความคิดเห็นว่า เพราะตัวคนขับที่ไร้วินัยเป็นตัวเพิ่มอุบัติเหตุให้พุ่งสูงมากขึ้น

“วิธีการแก้ไขแบบเบื้องต้นง่ายๆ เลย ก็ต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วนนะครับ คือหนึ่งเรื่องของอุปกรณ์ที่ใช้ ไม่ว่าจะเป็นท่าเรือ สถานีต่างๆ แล้วก็ตัวยานพาหนะ ทั้งสองอย่างนี้ต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้ สมบูรณ์ หากชำรุดเราก็ต้องรีบซ่อมแซม เพื่อให้เกิดความปลอดภัย อย่างที่สอง คือ เรื่องของคนขับ จะเรือ จะรถ หรือรถไฟ ก็แล้วแต่ สุขภาพร่างกายต้องแข็งแรง ร่างกายพร้อมทำงาน ไม่ติดสารเสพติด เพื่อเวลาที่เค้าขับขี่จะได้สามารถตัดสินใจได้ถูกต้อง

และสำคัญตรงเรื่องการเคารพกฎ ระเบียบ มีวินัย ซึ่งในต่างประเทศที่เค้ามีปัญหาเรื่องอุบัติเหตุในการขนส่งสาธารณะน้อยเนี่ย ก็เพราะไม่ว่าจะทั้งตัวผู้บริหารเองหรือตัวของผู้ประกอบการขนส่งสาธารณะ และผู้ให้บริการ เค้ามีวินัย เชื่อฟังในกฎระเบียบ ไม่มีการมาแหกกฎพวกนี้เพราะรู้ว่ามันอาจทำให้เกิดอันตราย”


ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live




กำลังโหลดความคิดเห็น