มรภ.สวนสุนันทา ดึง 5 ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.ประชันวิสัยทัศน์ “สุขุมพันธุ์” ชูไอเดียแก้ปัญหาการจราจร ลดค่าโดยสารบีทีเอสส่วนต่อขยาย สร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่เกียกกาย พัฒนาโมโนเรล และไลต์เรล ขณะที่ “พงศพัศ” ชูเจ้าหน้าที่เก็บขยะทั้งวัน ดูแลเรื่องน้ำเสีย ส่วนผู้สมัครอิสระชูแก้น้ำท่วม หาบเร่แผงลอย และอาคารร้าง
วันนี้ (14 ก.พ.) ที่หอประชุมสุนันทานุสรณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ได้มีการจัดเวทีแสดงวิสัยทัศน์ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยความร่วมมือของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ร่วมกับ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ โดยมี 5 ผู้สมัครลงเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ประกอบด้วย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์, พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส, นายโฆสิต สุวินิจจิต และนายสุหฤท สยามวาลา ผู้สมัครอิสระ ท่ามกลางนักศึกษา สื่อมวลชน และประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังจำนวนหนึ่ง
โดย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวถึงการแก้ปัญหาการจราจร กทม.แบ่งออกเป็นระยะสั้น คือ ลดค่าโดยสารส่วนต่อขยาย บีทีเอสทั้งส่วนต่อขยาย ตากสิน-บางหว้า และส่วนต่อขยายอ่อนนุช-แบริ่ง ประมาณ 10-15% เพื่อจูงใจให้พี่น้องประชาชนหันมา ใช้บริการขนส่งสาธารณะ จัดทำและเตรียมการใช้แอพพลิเคชั่น เกี่ยวกับการบอกข้อมูลการจราจร การจัดหาที่จอดรถเพิ่มเติม เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีที่จอดรถ โดยใช้เทคโนโลยีที่จอดรถแนวตั้ง ซึ่งประหยัดพื้นที่จอดรถไปในตัว
ส่วนระยะกลาง คือการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาอีกแห่ง ที่เกียกกาย เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการเดินทางข้ามเจ้าพระยา การปรับปรุง ถนน ตรอกซอกซอย ที่สำคัญ และการสร้างอุโมงค์ลอดเดินทางรถไฟ อีก 5 แห่ง เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาจราจร ส่วนในระยะยาว คือการสร้างระบบขนส่งมวลชนระบบราง ทั้งโมโนเรล และไลต์เรล ซึ่งตอนเป็นผู้ว่าฯ กทม.ได้สั่งให้กทม.ทำการศึกษา 3 เส้นทางแล้ว โดยจะสามารถป้อนผู้โดยสารเข้าสู่ระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ได้
ทั้งนี้ ยืนยันว่า หากได้กลับไปเป็นผู้ว่าฯ กทม.อีกสมัย ก็พร้อมที่จะทำทั้ง 5 เส้นทาง โดยมีเอกชนเข้าร่วมลงทุน และในหลายเส้นทางอยู่ในวิสัยที่ กทม.จะทำได้ ด้วยการใช้งบประมาณของ กทม.เอง แต่ยอมรับว่า อาจต้องใช้เวลานานนับสิบปีในการสร้างระบบขนส่งมวลชนแบบราง เพื่อปรับการใช้สัดส่วนขนส่งมวลชนระบบสาธารณะรถยนต์ส่วนตัวไปเป็นระบบขนส่ง ขนาดใหญ่แบบราง เพิ่มจากจาก 40% เป็น 60% นอกจากนี้ สิ่งที่เริ่มทำไปแล้ว คือขยายเส้นทางการเดินเรือเพิ่มอีก 2 เส้นทาง ทั้งฝั่งพระนคร และฝั่งธนบุรี ภายในคลองภาษีเจริญ ป้อนผู้โดยสารให้กับรถไฟฟ้าบีทีเอสต่อไปด้วย
ด้าน พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ปัญหาของ กทม.นั้นเป็นปัญหาของคนทุกคน บางครั้งอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าฯ กทม.ก็มีความเกินกำลัง จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคิดนอกกรอบ เพื่อแสวงหาความร่วมมือเพื่อมาร่วมกันในการแก้ปัญหา ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เราก็จะมาพูดถึงปัญหาเหล่านี้กันทุกครั้ง แต่เรื่องปัญหาขยะ น้ำเน่า อากาศเสียที่เราจำเป็นต้องแก้ปัญหาโดยเร็ว จำนวนขยะนั้นมีทุกวัน
ทั้งนี้ ตนคิดว่าว่าขยะที่หมักหมมทุกวันนั้น กทม.ต้องเป็นพี่เลี้ยงเพื่อให้คณะกรรมการชุมชนแก้ไขปัญหาของตนเองในการบริหารจัดการ เพราะจะรู้ว่าปัญหาขยะนั้นมาอย่างไร การแยกขยะถ้าเราทำได้เราสามารถบริหารจัดการได้ กระบวนการแยกขยะนั้นสามารถเริ่มต้นได้จากบ้าน ถ้าเราเริ่มได้ก็จะเก็บขยะได้ไม่ยาก ถ้าเราเริ่มจากชุมชนและรู้สึกว่ามีความรู้สึกส่วนร่วมตนว่ากระบวนการแก้ไขปัญหาต่างๆ จะถูกจัดการอย่างเป็นระบบเพราะอยากเห็นสิ่งที่ดีกว่าในชุมชน
ส่วนน้ำเน่าเสียก็เป็นปัญหาในระดับชุมชนเช่นกันที่จะต้องเข้ามาช่วยแก้ปัญหาและมีส่วนร่วม จะดูแลตลาดอย่างไรไม่ให้ทิ้งขยะในชุมชน สำหรับเรื่องของสิ่งแวดล้อมอากาศเสียนั้นก็มีความจำเป็นที่จะต้องทำก็มีความจำเป็นที่จะต้องทำ เรื่องของสายไฟบนดินตนจะไม่ยอมให้ใครมาตัดต้นไม้เด็ดขาด ต้องประสานงานในการเอาสายไฟฟ้าลงดิน ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่เราทำได้ทันที สิ่งใดที่เป็นอำนาจของอำนาจ กทม.เราสามารถทำได้ทันที เราเอาปัญหาของประชาชนเป็นตัวตั้ง ไม่เอาเรื่องของการเมืองมาเกี่ยวข้อง ตนขออาสาเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลง
ขณะที่ผู้สมัครอิสระ ต่างได้นำเสนอนโยบายของตนเอง โดย นายโฆสิต ได้กล่าวถึงการแก้น้ำท่วมโดยการสำรวจพื้นผิวถนนและปรับระดับ เพื่อไม่ให้น้ำท่วม พร้อมกับประสานทุกภาคส่วน เพื่อวางมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เสนอการแก้ปัญหาหาบเร่แผงลอยตามริมถนน โดยชี้ว่าจะต้องจัดระเบียบและจัดสรรพื้นที่ให้สมดุลระหว่างร้านค้ากับผู้ที่สัญจรไปมา และนายสุหฤท กล่าวถึงการแก้ปัญหาอาคารร้างตามชุมชนต่างๆ โดยจะพัฒนาชุมชนให้สะอาดผ่านครูอาสาที่ต้องการช่วยเหลือเด็กเร่ร่อนที่อาศัยตามอาคารร้างให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และปลอดภัย
