สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เชิญผู้สมัครผู้ว่าฯ ประชันวิสัยทัศน์หวังชูกรุงเทพฯ ให้เป็น “มหานครอันดับหนึ่งในภูมิภาค” ในงาน “วิสัยทัศน์กรุงเทพฯ” เชื่อเป็นประโยชน์เป็นอย่างมากต่อประชาชน ผู้ลงทุน และบุคลากรในแวดวงตลาดทุนไทย
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.) กล่าวว่า สธท. เตรียมจัดเวทีแสดงวิสัยทัศน์ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ในงาน “วิสัยทัศน์กรุงเทพฯ” เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สมัครได้แสดงวิสัยทัศน์ และนำเสนออนาคตของกรุงเทพฯ ต่อผู้บริหารระดับสูง และบุคลากรขององค์กรสำคัญในตลาดทุน และสื่อมวลชน
เนื่องจากกรุงเทพฯ เป็น “มหานคร” ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 15 ของโลก เป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจการลงทุน และด้านการเงินนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นศูนย์กลางความเจริญของประเทศ โดยมีสัดส่วนการผลิตถึงร้อยละ 51 ของผลผลิตรวมของประเทศ เป็นศูนย์กลางตลาดทุนของประเทศ และกำลังจะเป็นศูนย์กลางตลาดเงิน และตลาดทุนของภูมิภาคเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
ดังนั้น นอกเหนือไปจากหน้าที่ความรับผิดชอบโดยทั่วไปที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการกรุงเทพฯ ให้สะอาด เรียบร้อย การเดินทางที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นแล้ว ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลย่อมมีโอกาสอันดีที่จะนำพากรุงเทพฯ ให้เป็นมหานครอันดับหนึ่งในภูมิภาคนี้ได้ โดยกำหนด Positioning ของกรุงเทพฯ ตามวิสัยทัศน์ของแต่ละท่านว่า มหานครแห่งนี้ควรชูอะไรเป็นจุดเด่นในเวทีนานาชาติ
โดย สธท. ได้เชิญผู้สมัคร 5 ท่าน ซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชน เป็นบุคคลที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านตลาดทุนเป็นอย่างดี ได้แก่ 1) นายโฆสิต สุวินิจจิต 2) พล.ต.อ.ดร.พงศพัศ พงษ์เจริญ 3) รองศาสตราจารย์ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร 4) นายสุหฤท สยามวาลา และ 5) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส โดยใช้ชื่องานว่า “วิสัยทัศน์กรุงเทพฯ” โดยหัวข้อที่จะใช้ในการแสดงวิสัยทัศน์นั้น ได้แก่ “ท่านมีวิสัยทัศน์และมุมมองอย่างไรที่จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครศูนย์กลางด้านใด” เช่น เป็นมหานครแห่งเศรษฐกิจและการลงทุน / เป็นมหานครแห่งการท่องเที่ยว / เป็นมหานครแห่งสุขภาพของโลก / เป็นมหานครแห่งความสุข เป็นต้น
หลังจากนั้น ทุกท่านจะต้องนำเสนอนโยบายด้านต่างๆ ที่จะรองรับวิสัยทัศน์ดังกล่าวข้างต้น ซึ่งจะเป็นระบบมากกว่าที่จะกำหนดว่าจะทำเรื่องต่างๆ แบบเป็นโปรเจกต์แต่ละเรื่องโดยไม่ได้ระบุวิสัยทัศน์ให้ประชาชนชาว กทม. ได้รับรู้ ซึ่งผลดีคือ ทุกคนจะได้เห็นภาพกว้างเปรียบเหมือนเห็นป่าทั้งป่าแต่เริ่มแรก มิได้เป็นไปในลักษณะเดิมๆ ที่เห็นต้นไม้ทีละต้น แต่มองภาพรวมไม่ออก
“ผมเชื่ออย่างยิ่งว่า การจัดงานในลักษณะดังกล่าวจะเป็นประโยชน์เป็นอย่างมากต่อประชาชน ผู้ลงทุน และบุคลากรในแวดวงตลาดทุนไทย รวมทั้งผู้สมัครฯ และยังเป็นการนำตลาดทุนเข้าไปอยู่ในความสนใจของประชาชนในวงกว้างยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาด และแบรนดิ้งของ สธท.” นายไพบูลย์กล่าว
อนึ่ง งานดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 09.00-12.30 น. ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ
***********
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.) กล่าวว่า สธท. เตรียมจัดเวทีแสดงวิสัยทัศน์ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ในงาน “วิสัยทัศน์กรุงเทพฯ” เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้สมัครได้แสดงวิสัยทัศน์ และนำเสนออนาคตของกรุงเทพฯ ต่อผู้บริหารระดับสูง และบุคลากรขององค์กรสำคัญในตลาดทุน และสื่อมวลชน
เนื่องจากกรุงเทพฯ เป็น “มหานคร” ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 15 ของโลก เป็นศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจการลงทุน และด้านการเงินนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นศูนย์กลางความเจริญของประเทศ โดยมีสัดส่วนการผลิตถึงร้อยละ 51 ของผลผลิตรวมของประเทศ เป็นศูนย์กลางตลาดทุนของประเทศ และกำลังจะเป็นศูนย์กลางตลาดเงิน และตลาดทุนของภูมิภาคเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
ดังนั้น นอกเหนือไปจากหน้าที่ความรับผิดชอบโดยทั่วไปที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการกรุงเทพฯ ให้สะอาด เรียบร้อย การเดินทางที่สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นแล้ว ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลย่อมมีโอกาสอันดีที่จะนำพากรุงเทพฯ ให้เป็นมหานครอันดับหนึ่งในภูมิภาคนี้ได้ โดยกำหนด Positioning ของกรุงเทพฯ ตามวิสัยทัศน์ของแต่ละท่านว่า มหานครแห่งนี้ควรชูอะไรเป็นจุดเด่นในเวทีนานาชาติ
โดย สธท. ได้เชิญผู้สมัคร 5 ท่าน ซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชน เป็นบุคคลที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านตลาดทุนเป็นอย่างดี ได้แก่ 1) นายโฆสิต สุวินิจจิต 2) พล.ต.อ.ดร.พงศพัศ พงษ์เจริญ 3) รองศาสตราจารย์ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร 4) นายสุหฤท สยามวาลา และ 5) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส โดยใช้ชื่องานว่า “วิสัยทัศน์กรุงเทพฯ” โดยหัวข้อที่จะใช้ในการแสดงวิสัยทัศน์นั้น ได้แก่ “ท่านมีวิสัยทัศน์และมุมมองอย่างไรที่จะทำให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครศูนย์กลางด้านใด” เช่น เป็นมหานครแห่งเศรษฐกิจและการลงทุน / เป็นมหานครแห่งการท่องเที่ยว / เป็นมหานครแห่งสุขภาพของโลก / เป็นมหานครแห่งความสุข เป็นต้น
หลังจากนั้น ทุกท่านจะต้องนำเสนอนโยบายด้านต่างๆ ที่จะรองรับวิสัยทัศน์ดังกล่าวข้างต้น ซึ่งจะเป็นระบบมากกว่าที่จะกำหนดว่าจะทำเรื่องต่างๆ แบบเป็นโปรเจกต์แต่ละเรื่องโดยไม่ได้ระบุวิสัยทัศน์ให้ประชาชนชาว กทม. ได้รับรู้ ซึ่งผลดีคือ ทุกคนจะได้เห็นภาพกว้างเปรียบเหมือนเห็นป่าทั้งป่าแต่เริ่มแรก มิได้เป็นไปในลักษณะเดิมๆ ที่เห็นต้นไม้ทีละต้น แต่มองภาพรวมไม่ออก
“ผมเชื่ออย่างยิ่งว่า การจัดงานในลักษณะดังกล่าวจะเป็นประโยชน์เป็นอย่างมากต่อประชาชน ผู้ลงทุน และบุคลากรในแวดวงตลาดทุนไทย รวมทั้งผู้สมัครฯ และยังเป็นการนำตลาดทุนเข้าไปอยู่ในความสนใจของประชาชนในวงกว้างยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาด และแบรนดิ้งของ สธท.” นายไพบูลย์กล่าว
อนึ่ง งานดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 09.00-12.30 น. ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ
***********