เอแบคโพลล์สำรวจโค้งแรกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จากคนกรุง 1,766 ตัวอย่าง แบบเคาะประตูบ้าน พบคะแนนนิยม “พงศพัศ” พุ่งนำ “สุขุมพันธุ์” ทุกด้าน ส่วนใหญ่อยากลองของใหม่
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง “โค้งแรกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ใครนำใครตาม” จากการสำรวจประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตกรุงเทพฯ 1,766 ตัวอย่าง โดยใช้การเลือกตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้นเลือกเขต แขวง ชุมชน และลงสัมภาษณ์แบบเคาะประตูบ้านในระดับครัวเรือน ค่าความคลาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 7 พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.7 ติดตามข่าวเลือกตั้งผู้ว่าฯ เป็นประจำทุกสัปดาห์
เมื่อสอบถามถึงผู้สมัครเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.ที่มีบุคลิกภาพ ลักษณะนิสัยถูกใจมากที่สุด พบว่า อันดับหนึ่ง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ พรรคเพื่อไทย ได้ร้อยละ 43.6 อันดับสอง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร พรรคประชาธิปัตย์ ได้ร้อยละ 36.6 อันดับสาม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้สมัครอิสระ ได้ร้อยละ 15.6 และอื่นๆ ได้แก่ นายสุหฤท สยามวาลา นายโฆสิต สุวินิจจิต เป็นต้น ได้ร้อยละ 4.2
ส่วนด้านความรู้ความสามารถที่น่าประทับใจมากที่สุด พบว่า อันดับหนึ่ง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ได้ร้อยละ 45.2 อันดับสองได้แก่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้ร้อยละ 36.5 อันดับสามได้แก่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ได้ร้อยละ 15.3 และอื่นๆ ได้แก่ นายสุหฤท สยามวาลา นายโฆสิต สุวินิจจิต เป็นต้น ได้ร้อยละ 3.0
สำหรับรูปแบบการลงพื้นที่หาเสียงที่ชอบมากที่สุด พบว่า อันดับหนึ่งได้แก่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ได้ร้อยละ 42.0 อันดับสองได้แก่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้ร้อยละ 35.8 อันดับสามได้แก่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ได้ร้อยละ 14.6 และอื่นๆ ได้แก่ นายสุหฤท สยามวาลา นายโฆสิต สุวินิจจิต เป็นต้น ได้ร้อยละ 7.6
ด้านความจริงใจ พบว่า อันดับหนึ่งได้แก่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ได้ร้อยละ 41.0 อันดับสอง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้ร้อยละ 37.7 อันดับสาม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ได้ร้อยละ 15.2 และอื่นๆ ได้แก่ นายสุหฤท สยามวาลา นายโฆสิต สุวินิจจิต เป็นต้น ได้ร้อยละ 6.1
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงป้ายหาเสียงของผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ชอบมากที่สุด พบว่า อันดับหนึ่ง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ได้ร้อยละ 40.9 อันดับสอง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ได้ร้อยละ 35.4 อันดับสาม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ได้ร้อยละ 17.8 และอื่นๆ ได้แก่ นายสุหฤท สยามวาลา นายโฆสิต สุวินิจจิต เป็นต้น ได้ร้อยละ 5.9
การดูแลปัญหาปากท้องค่าครองชีพที่มอบความไว้วางใจให้ดูแลได้มากที่สุด พบว่า อันดับหนึ่ง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ได้ร้อยละ 43.1 อันดับสอง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ร้อยละ 38.0 อันดับสาม พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ร้อยละ 14.9 และอื่นๆ ได้แก่ นายสุหฤท สยามวาลา นายโฆสิต สุวินิจจิต เป็นต้น ได้ร้อยละ 4.0
สำหรับผู้สมัครที่คิดว่าจะแก้ปัญหาจราจรได้ดีที่สุด พบว่า อันดับหนึ่งพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ร้อยละ 44.7 อันดับสอง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ร้อยละ 32.3 อันดับสามได้แก่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ร้อยละ 15.8 และอื่นๆ ได้แก่ นายสุหฤท สยามวาลา นายโฆสิต สุวินิจจิต เป็นต้น ได้ร้อยละ 7.2
ที่น่าสนใจคือ เมื่อถามถึงหมายเลข หรือเบอร์ของผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่ชอบมากที่สุด พบว่า อันดับหนึ่ง หมายเลข 9 ได้ร้อยละ 44.6 อันดับสอง หมายเลข 16 ร้อยละ 33.8 อันดับสาม หมายเลข 11 ร้อยละ 15.5 และหมายเลขอื่นๆ ได้ร้อยละ 6.1 ตามลำดับ
เมื่อถามถึงความต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงภายหลังการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.3 อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงมากถึงมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 17.4 อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงระดับปานกลาง และร้อยละ 2.3 เท่านั้นที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงน้อยถึงน้อยที่สุด
การสำรวจยังพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.3 ตั้งใจจะไปเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้ ในขณะที่ร้อยละ 38.7 ไม่ไป
สำหรับผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ตั้งใจจะเลือก ถ้าวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง พบว่า ความนิยมของคนกรุงเทพฯ ที่มีต่อ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คือ จากร้อยละ 32.1 ในช่วงก่อนวันสมัครรับเลือกตั้งมาอยู่ที่ร้อยละ 41.8 ในช่วงหลังวันสมัคร คือเพิ่มขึ้นกว่า 9.7 จุด ในขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 31.7 มาอยู่ที่ร้อยละ 37.6 หรือเพิ่มขึ้น 5.9 จุด และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส มีความนิยมไม่เปลี่ยนแปลงคือร้อยละ 14.5 และร้อยละ 14.3 ในการสำรวจครั้งล่าสุด
นายนพดลกล่าวว่า จากผลสำรวจเห็นได้ชัดเจนว่า คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง (Change) และผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า คะแนนนิยมที่เคยสูสีกันระหว่า พล.ต.อ.พงศพัศ กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ในช่วงก่อนวันรับสมัครเริ่มเปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ พล.ต.อ.พงศพัศ กำลังมีคะแนนนิยมเพิ่มสูงขึ้นทิ้ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์อยู่ 4.2 จุด
และจากการสัมภาษณ์เจาะลึกชาวบ้านพบว่า จุดเด่นของ พล.ต.อ.พงศพัศ คือ “ความใหม่” และผลงานที่เคยสะสมมาในอดีตช่วงการรับราชการตำรวจที่รับใช้ประชาชนคนกรุงเทพมหานคร ในขณะที่จุดเด่นของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ คือ “ความสุภาพ” ถ่อมตัว แต่ช่วงที่เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่ผ่านมายังไม่พบผลงานโดดเด่น แต่กลับมีข่าวปัญหาขัดแย้งกับรัฐบาลและข่าวในทางลบ เช่น การสร้างสนามฟุตซอลที่เสร็จไม่ทันตามกำหนด กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และข่าวคดีความที่กำลังถูกดีเอสไอ สอบสวน เป็นต้น ผู้ถูกศึกษาที่ตัดสินใจเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ จึงอยากทดลองให้โอกาสคนใหม่และอยากเห็นความสามัคคีร่วมมือกันแก้ปัญหาให้คนกรุงเทพแทนความขัดแย้งที่มีแต่จะทำให้เกิดปัญหาอุปสรรคในการแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน