ตรัง - เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประจำประเทศไทย เตรียมผลักดันความสัมพันธ์กับจังหวัดตรังให้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านเกษตร วัฒนธรรม และการศึกษา เพื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ให้การต้อนรับ MR.Lutfi Rauf เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ประจำประเทศไทย พร้อมคณะ ในโอกาสเดินทางมาเยี่ยมคารวะ และเชื่อมความสัมพันธ์อันดีต่อกัน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายฝั่งอันดามัน คือ ตรัง กระบี่ และสตูล เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนเรื่องของแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคใต้ร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการลงทุน และการส่งเสริมการเกษตร เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน พลังงาน
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอินโดนีเซีย กับประเทศไทย มีความแน่นแฟ้นมากขึ้น โดยมีการติดต่อกันทั้งในด้านการค้า และศิลปวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเศรษฐกิจ ที่มีตัวเลขการลงทุนของภาคเอกชนไทย ในประเทศอินโดนีเซียเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงด้านการท่องเที่ยว ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวอินโดนีเซียเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย จำนวนกว่า 1 แสนคน
MR.Lutfi Rauf เอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย ประจำประเทศไทย กล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูตต้องการขยายการมีส่วนร่วมไปยังหน่วยงานท้องถิ่น และพัฒนาท้องถิ่นในภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ของจังหวัดชายฝั่งอันดามัน ทั้งนี้ ความร่วมมือภายหลังการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (AEC) ในปี 2015 นั้น ประเทศอินโดนีเซีย และจังหวัดตรัง จะได้ร่วมกันผลักดัน และเชื่อมโยงความสัมพันธ์กันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในด้านเกษตร ด้านวัฒนธรรม และด้านการศึกษา
จากนั้น เอกอัครราชทูตอินโดนีเซีย ประจำประเทศไทย และคณะ ได้เดินทางไปยังอำเภอกันตัง เพื่อรับฟังบรรยายสรุปสภาพทั่วไป และสถานการณ์เศรษฐกิจในพื้นที่ รวมทั้งเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์ (คอซิมบี้ ณ ระนอง) ผู้ซึ่งนำยางพารามาปลูกในประเทศไทยเป็นคนแรก พร้องทั้งยังได้เข้าเยี่ยมชมการดำเนินการท่าเรือนาเกลือ และท่าเรือกันตัง ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมทางน้ำที่มีการค้าระหว่างประเทศอินโดนีเซีย กับจังหวัดตรัง มาอย่างช้านานแล้ว