กระบี่ - เรือรบปลดระวางดิ่งก้นทะเล จ.กระบี่แล้ว สร้างโครงการอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล แหล่งท่องเที่ยวดำน้ำ มั่นใจโครงการดังกล่าวช่วยสร้างรายได้เพิ่มจากการท่องเที่ยวไม่น้อยกว่าปีละ 100 ล้านบาท
เวลา 11.00 น. วันนี้ (20 เม.ย.) ที่บริเวณเกาะยาวาซำ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ พล.ร.ต.นฤดม ชวนะเสน รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีกล่าวสดุดี และอำลาเรือโกลำ เรือราวี และเรือตะลิบง เพื่อจมลงสู่ก้นทะเล ตามโครงการอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล แหล่งท่องเที่ยวดำน้ำ จังหวัดกระบี่ โดยมีนายสมาน แสงสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายพระนาย สุวรรณรัตน์ ประธานมูลนิธิเอ็นไลฟ์ นายชวน ภูเก้าล้วน ประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนพัฒนาจังหวัดกระบี่ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
พล.ร.ต.นฤดม ชวนะเสน รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า เรือที่ปลดประจำการ จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วย เรือตะลิบง เรือราวี และเรือโกลำ สร้างขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ขึ้นระวางประจำการเมื่อ พ.ศ.2491 เป็นเรือระบายพลขนาดใหญ่ สังกัดกองเรือยกพลขึ้นบก กองเรือยุทธการ ทั้ง 3 ลำ มีขนาดกว้าง 10.10 เมตร ยาว 31.14 เมตร ในยามสงครามจะเป็นกำลังทางเรือในการปฏิบัติการยุทธการสะเทินนำสะเทินบก โดยจะเป็นเรือระบายพล นำกำลังทหารนาวิกโยธิน และอาวุธยุทธภัณฑ์ขึ้นบก ในยามที่เกิดภัยพิบัติ จะเป็นเรือสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยทางทะเล
สำหรับเรือทั้ง 3 ลำ ลากจูงออกมาจากอ่าวอุดม จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 6 เมษายน ที่ผ่านมา และมาถึงจังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมา เพื่อนำมาจมทำปะการังเทียม บริเวณเกาะยาวาซำ ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ตามโครงการจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลจังหวัดกระบี่ โดยในวันนี้ ได้ทำการจมเพียง 1 ลำ คือ เรือโกลำ เนื่องจากมีปัญหาทางเทคนิค บอลลูนในการพยุงระหว่างที่จมสูญหายไป 1 ลูก จาก จำนวน 2 ลูก คาดว่าน่าจะลอยไปกับกระแสน้ำ ส่วนเรือราวี และเรือตะลิบง จะทำการจมในวันต่อไป
ขณะที่นายชวน ภูเก้าล้วน ประธานที่ปรึกษา ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ด้านนโยบายและแผนการพัฒนาจังหวัดกระบี่ ซึ่งแต่งตั้งโดยผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ตามที่ทางคณะที่ปรึกษาฯ ได้มีโครงการจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเล เพื่อการอนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดกระบี่ โดยการเสนอขอเรือรบหลวงที่ปลดระวางแล้วจากกองทัพเรือ ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 ซึ่งทางกองทัพเรือได้ตกลงมอบให้แก่จังหวัดกระบี่ จำนวน 4 ลำ ประกอบด้วย เรือรบหลวงโกลำ เรือรบหลวงตะลิบง เรือรบหลวงราวี และเรือรบหลวงเกล็ดแก้ว สำหรับเรือรบหลวงเกล็ดแก้วจะทำการลากจูงมาภายหลัง
สำหรับประโยชน์ที่จังหวัดกระบี่จะได้รับ จังหวัดกระบี่จะแหล่งปะการังเทียม เป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งอนุรักษ์สัตว์น้ำวัยอ่อน ป้องกันประมงผิดกฎหมาย ส่งเสริมการท่องเที่ยว และเป็นการส่งเสริมการพัฒนาของจังหวัดกระบี่อีกทางหนึ่งด้วย โดยโครงการนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งจุดที่จะนำเรือไปจมนั้น ที่บริเวณเกาะพีพี เล จำนวน 1 ลำ ได้แก่ เรือตะลิบง และที่บริเวณเกาะยาวาซำ จำนวน 2 ลำ ได้แก่เรือราวี และเรือโกลำ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มทางเลือกการท่องเที่ยวให้แก่จังหวัดกระบี่อีกทางหนึ่งด้วย
สำหรับแหล่งจมเรือทั้ง 3 ลำ นอกจากจะเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ทางธรรมชาติใต้ท้องทะเล ยังปลุกจิตสำนึกให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวเห็นคุณค่าของการอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชอบสัมผัสบรรยากาศใต้ท้องทะเลได้อีกปีละกว่า 5,000 คน ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกปีละประมาณ 100 ล้านบาท/ปี
เวลา 11.00 น. วันนี้ (20 เม.ย.) ที่บริเวณเกาะยาวาซำ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ พล.ร.ต.นฤดม ชวนะเสน รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีกล่าวสดุดี และอำลาเรือโกลำ เรือราวี และเรือตะลิบง เพื่อจมลงสู่ก้นทะเล ตามโครงการอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล แหล่งท่องเที่ยวดำน้ำ จังหวัดกระบี่ โดยมีนายสมาน แสงสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นายพระนาย สุวรรณรัตน์ ประธานมูลนิธิเอ็นไลฟ์ นายชวน ภูเก้าล้วน ประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนพัฒนาจังหวัดกระบี่ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
พล.ร.ต.นฤดม ชวนะเสน รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า เรือที่ปลดประจำการ จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วย เรือตะลิบง เรือราวี และเรือโกลำ สร้างขึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ขึ้นระวางประจำการเมื่อ พ.ศ.2491 เป็นเรือระบายพลขนาดใหญ่ สังกัดกองเรือยกพลขึ้นบก กองเรือยุทธการ ทั้ง 3 ลำ มีขนาดกว้าง 10.10 เมตร ยาว 31.14 เมตร ในยามสงครามจะเป็นกำลังทางเรือในการปฏิบัติการยุทธการสะเทินนำสะเทินบก โดยจะเป็นเรือระบายพล นำกำลังทหารนาวิกโยธิน และอาวุธยุทธภัณฑ์ขึ้นบก ในยามที่เกิดภัยพิบัติ จะเป็นเรือสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยทางทะเล
สำหรับเรือทั้ง 3 ลำ ลากจูงออกมาจากอ่าวอุดม จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 6 เมษายน ที่ผ่านมา และมาถึงจังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมา เพื่อนำมาจมทำปะการังเทียม บริเวณเกาะยาวาซำ ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ตามโครงการจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลจังหวัดกระบี่ โดยในวันนี้ ได้ทำการจมเพียง 1 ลำ คือ เรือโกลำ เนื่องจากมีปัญหาทางเทคนิค บอลลูนในการพยุงระหว่างที่จมสูญหายไป 1 ลูก จาก จำนวน 2 ลูก คาดว่าน่าจะลอยไปกับกระแสน้ำ ส่วนเรือราวี และเรือตะลิบง จะทำการจมในวันต่อไป
ขณะที่นายชวน ภูเก้าล้วน ประธานที่ปรึกษา ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ด้านนโยบายและแผนการพัฒนาจังหวัดกระบี่ ซึ่งแต่งตั้งโดยผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ตามที่ทางคณะที่ปรึกษาฯ ได้มีโครงการจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเล เพื่อการอนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดกระบี่ โดยการเสนอขอเรือรบหลวงที่ปลดระวางแล้วจากกองทัพเรือ ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 ซึ่งทางกองทัพเรือได้ตกลงมอบให้แก่จังหวัดกระบี่ จำนวน 4 ลำ ประกอบด้วย เรือรบหลวงโกลำ เรือรบหลวงตะลิบง เรือรบหลวงราวี และเรือรบหลวงเกล็ดแก้ว สำหรับเรือรบหลวงเกล็ดแก้วจะทำการลากจูงมาภายหลัง
สำหรับประโยชน์ที่จังหวัดกระบี่จะได้รับ จังหวัดกระบี่จะแหล่งปะการังเทียม เป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งอนุรักษ์สัตว์น้ำวัยอ่อน ป้องกันประมงผิดกฎหมาย ส่งเสริมการท่องเที่ยว และเป็นการส่งเสริมการพัฒนาของจังหวัดกระบี่อีกทางหนึ่งด้วย โดยโครงการนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งจุดที่จะนำเรือไปจมนั้น ที่บริเวณเกาะพีพี เล จำนวน 1 ลำ ได้แก่ เรือตะลิบง และที่บริเวณเกาะยาวาซำ จำนวน 2 ลำ ได้แก่เรือราวี และเรือโกลำ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มทางเลือกการท่องเที่ยวให้แก่จังหวัดกระบี่อีกทางหนึ่งด้วย
สำหรับแหล่งจมเรือทั้ง 3 ลำ นอกจากจะเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ทางธรรมชาติใต้ท้องทะเล ยังปลุกจิตสำนึกให้ประชาชน และนักท่องเที่ยวเห็นคุณค่าของการอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชอบสัมผัสบรรยากาศใต้ท้องทะเลได้อีกปีละกว่า 5,000 คน ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกปีละประมาณ 100 ล้านบาท/ปี
