ศูนย์ข่าวศรีราชา - กองทัพเรือส่งมอบเรือรบปลดประจำการ ให้แก่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เพื่อใช้เป็นอุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเล และแหล่งดำน้ำ เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลในกระบี่-พังงา
วันนี้ (14 มี.ค.) นายนพพล ศรีสุข อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รับมอบเรือรบปลดประจำการจากกองทัพเรือ เพื่อนำไปใช้ในโครงการจัดสร้างปะการังเทียม อุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล ใน จ.กระบี่ และ จ.พังงา โดยมีพิธีส่งมอบเรือที่อ่าวอุดม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี โดย น.อ.พลวัต ดารานนท์ ผอ.กองนโยบายและแผน กรมกิจการพลเรือน ตัวแทนจากกองทัพเรือ พร้อมด้วยนายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา และคณะเข้าร่วม
นายนพพล กล่าวว่า กรมมีหน้าที่คุ้มครอง รักษา และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เช่น ปะการัง หญ้าทะเล ระบบนิเวศทางทะเล กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ การป้องกัน เช่น ปัญหาการลักลอบทำประมง ผลกระทบจากการใช้ประโยชน์ด้านท่องเที่ยวดำน้ำ ดังนั้น ทางกรมฯ จึงแก้ปัญหาด้วยการจัดสร้างปะการังเทียมให้เป็นอุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเล และแหล่งดำน้ำเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากร
“ปีนี้ทางกรมดำเนินการสร้างปะการังเทียมแบบบุรูณาการ 9 แห่ง และได้ร่วมกับจ.พังงา จ.กระบี่ กองทัพเรือ โดยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากภาคเอกชนดำเนินการเพิ่มอีก 2 แห่ง รวมเป็น 11 แห่ง เพื่อสร้างเป็นอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเล ลดผลกระทบการใช้ประโยชน์จากกิจกรรมการท่องเที่ยวในบริเวณแนวปะการัง พร้อมกันนี้ ได้รับมอบเรือรบปลดประจำการจากกองทัพเรือในเบื้องต้น 4 ลำ โดย 3 ลำนำไปวางในพื้นที่เกาะยาวาซำ จ.กระบี่ คือ เรือโกลำ เรือราวี เรือตะลิบง ส่วนเรือพระทอง จะไปจัดวางที่เกาะพระทอง จ.พังงา”
นายนพพล กล่าวว่า หลังส่งมอบเรือแล้วได้เตรียมที่จะนำเรือไปยังจุดจัดวาง โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 วัน ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังจัดเตรียมเอกสาร ซึ่งค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร เนื่องจากต้องทำเรื่องขอผ่านน่านน้ำเพื่อนบ้านด้วย เพราะต้องเข้าทางช่องแคบมะละกา เพื่อไปยังฝั่งอันดามัน
ด้านนายธำรงค์ กล่าวว่า การจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลนั้น จังหวัดได้ร่วมกับกองทัพเรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน สำนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ชาวพังงา จัดทำโครงการขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะนำเรือหลวงพระทอง เรือต.13 และโบกี้รถไฟ ที่หมดสภาพ 15 โบกี้ มาประกอบการจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเลด้วย
ส่วนงบประมาณดำเนินการนั้น มีหลายภาคส่วนให้การสนับสนุน เช่น งบประมาณยุทธศาสตร์ 3 ล้านบาท องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2.5 ล้าน สมาคมธุรกิจการโรงแรมและการท่องเที่ยว สมาคมประมง สภาอุตสาหกรรม ภาคประชาชนร่วมบริจาคอีก 4 ล้านบาท สำนักนายกรัฐมนตรี 5 ล้านบาท คาดว่าจะประกอบพิธีจมเรือห่างจากเกาะพระทองประมาณ 5 ไมล์ทะเล ความลึก 18-20 เมตร เหมาะที่จะดำน้ำชมปะการัง ระหว่างวันที่ 1-15 เมษายนนี้ ซึ่งถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของคนในท้องถิ่นที่ได้รับเรือหลวงพระทองคืนกลับคืนถิ่น
สำหรับเรือหลวงพระทอง เป็นเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ต่อที่อู่เจฟเฟอร์สัน โบ๊ต ประเทศสหรัฐอเมริกา กองทัพเรือได้สั่งซื้อ และรับมอบเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2519 ขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2519 ขนาดเรือยาว 98.1 เมตร กว้าง 15 เมตร ระวางขับน้ำปกติ 3,310 ตัน