กระบี่ - ชาวกระบี่ ได้ยลโฉมเรือรบหลวงปลดระวางอย่างใกล้ชิด ก่อนนำไปจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลจังหวัดกระบี่ และทำปะการังเทียม เพื่อส่งเสริมเป็นแหล่งท่องเที่ยวทะเล
เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (19 เม.ย.) นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระบี่ พร้อมด้วย นายพรเทพ สีบุญเรือง คณะทำงานที่ปรึกษาด้านนโยบายการพัฒนาจังหวัดกระบี่ และคณะได้นำเรือศูนย์กู้ภัยเจ้าฟ้ากระบี่ ออกไปยังร่องน้ำ ปากแม่น้ำกระบี่ เพื่อรับเรือรบหลวงที่ปลดประจำการ จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วย เรือรบหลวงตะลิบง เรือรบหลวงราวี และเรือรบหลวงโกลำ ที่ลากจูงออกมาจากอ่าวอุดม จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อนำมาจมทำปะการังเทียม บริเวณเกาะยาวาซำ ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ตามโครงการจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลจังหวัดกระบี่ และก่อนที่จะจมทะเลในวันพรุ่งนี้ (20 เม.ย.) ทางจังหวัดกระบี่ ได้ลากจูงเรือรบหลวงตะลิบง มาจอดเทียบท่าที่บริเวณท่าเรือคงคา เขตเทศบาลเมืองกระบี่ เพื่อให้ชาวจังหวัดกระบี่ได้ชื่นชมก่อนที่จะนำไปจมทะเลในจุดที่กำหนดไว้
นายชวน ภูเก้าล้วน ประธานที่ปรึกษา ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ด้านนโยบายและแผนการพัฒนาจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า โครงการจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเล เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดกระบี่ โดยเสนอขอเรือรบหลวงที่ปลดระวางแล้วจากกองทัพเรือ ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 ซึ่งทางกองทัพเรือได้ตกลงมอบเรือรบให้แก่จังหวัดกระบี่ จำนวน 4 ลำ ประกอบด้วย เรือรบหลวงโกลำ เรือรบหลวงตะลิบง เรือรบหลวงราวี และเรือหลวงเกาะพระทอง แต่เรือหลวงเกาะพระทองนั้นทางพังงาได้ขอไป ทางกองทัพเรือจึงส่งเรือรบหลวงเกล็ดแก้วมาแทน
สำหรับเรือรบหลวงที่จะนำมาจมทำเป็นอุทยานใต้ท้องทะเลนั้น มีความสำคัญมาก เนื่องจากจะเป็นปะการังเทียม เป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งอนุรักษ์สัตว์น้ำวัยอ่อน ป้องกันประมงผิดกฎหมาย ส่งเสริมการท่องเที่ยว และเป็นการส่งเสริมการพัฒนาของจังหวัดกระบี่อีกทางหนึ่งด้วย โดยในวันพรุ่งนี้ (20 เม.ย.) จะจมเรือหลวง 3 ลำ ที่ลากมาถึงจังหวัดกระบี่แล้ว คือ เรือรบหลวงโกลำ เรือรบหลวงตะลิบง เรือรบหลวงราวี ส่วนอีก 1 ลำ คือ เรือเกล็ดแก้ว จะลากจูงมาภายหลัง
ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า สำหรับเงินทุนที่ใช้ในการดำเนินการลากจูงเรือหลวงทั้ง 3 ลำ มาจังหวัดกระบี่ เป็นเงินประมาณกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งทางภาคเอกชนเป็นคนออกเองทั้งหมด ไม่พึ่งงบหลวงแม้แต่บาทเดียว โดยโครงการนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งจุดที่จะนำเรือไปจมนั้น ที่บริเวณเกาะพีพี เล จำนวน 1 ลำ และที่บริเวณเกาะยาวาซำ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ จำนวน 2 ลำ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มทางเลือกการท่องเที่ยวให้แก่จังหวัดกระบี่อีกทางหนึ่งด้วย
ด้านนายพรเทพ สีบุญเรือง คณะทำงานที่ปรึกษาด้านนโยบายการพัฒนาจังหวัดกระบี่ กล่าวด้วยว่า เรือทั้ง 3 ลำ ที่จะนำไปจมที่เกาะพีพี และเกาะยาวาซำ ต.อ่าวนางนั้น จะเป็นศูนย์เรียนรู้ใต้ท้องทะเล เป็นแหล่งศึกษาเรียนธรรมชาติใต้ทะเล และปลุกจิตสำนึกให้เห็นคุณค่า รวมทั้งการอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชอบสัมผัสบรรยากาศใต้ท้องทะเลได้อีกปีละกว่า 5,000 คน ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกปีละประมาณ 10 ล้านบาท
สำหรับเรือรบหลวงตะลิบง เป็นเรือระบายพลขนาดใหญ่ ระหว่างขับน้ำ 158 ตัน ยาว 35.25 เมตร กว้าง 9.25 เมตร ประจำการ 26 ต.ค.2492 ปลดระวาง วันที่ 5 มิ.ย.51 เรือรบหลวงโกลำ เป็นเรือระบายพลขนาดใหญ่ ระหว่างขับน้ำ 158 ตัน ยาว 35.14 เมตร กว้าง 9.50 เมตร ประจำการ ต.ค.2492 เรือรบหลวงราวี ประจำการ ก.ย.2491 ยาว 35.25 เมตร กว้าง 9.25 เมตร
เมื่อเวลา 12.00 น. วันนี้ (19 เม.ย.) นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกระบี่ พร้อมด้วย นายพรเทพ สีบุญเรือง คณะทำงานที่ปรึกษาด้านนโยบายการพัฒนาจังหวัดกระบี่ และคณะได้นำเรือศูนย์กู้ภัยเจ้าฟ้ากระบี่ ออกไปยังร่องน้ำ ปากแม่น้ำกระบี่ เพื่อรับเรือรบหลวงที่ปลดประจำการ จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วย เรือรบหลวงตะลิบง เรือรบหลวงราวี และเรือรบหลวงโกลำ ที่ลากจูงออกมาจากอ่าวอุดม จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อนำมาจมทำปะการังเทียม บริเวณเกาะยาวาซำ ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ ตามโครงการจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ท้องทะเลจังหวัดกระบี่ และก่อนที่จะจมทะเลในวันพรุ่งนี้ (20 เม.ย.) ทางจังหวัดกระบี่ ได้ลากจูงเรือรบหลวงตะลิบง มาจอดเทียบท่าที่บริเวณท่าเรือคงคา เขตเทศบาลเมืองกระบี่ เพื่อให้ชาวจังหวัดกระบี่ได้ชื่นชมก่อนที่จะนำไปจมทะเลในจุดที่กำหนดไว้
นายชวน ภูเก้าล้วน ประธานที่ปรึกษา ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ด้านนโยบายและแผนการพัฒนาจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า โครงการจัดสร้างอุทยานการเรียนรู้ใต้ทะเล เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจังหวัดกระบี่ โดยเสนอขอเรือรบหลวงที่ปลดระวางแล้วจากกองทัพเรือ ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 ซึ่งทางกองทัพเรือได้ตกลงมอบเรือรบให้แก่จังหวัดกระบี่ จำนวน 4 ลำ ประกอบด้วย เรือรบหลวงโกลำ เรือรบหลวงตะลิบง เรือรบหลวงราวี และเรือหลวงเกาะพระทอง แต่เรือหลวงเกาะพระทองนั้นทางพังงาได้ขอไป ทางกองทัพเรือจึงส่งเรือรบหลวงเกล็ดแก้วมาแทน
สำหรับเรือรบหลวงที่จะนำมาจมทำเป็นอุทยานใต้ท้องทะเลนั้น มีความสำคัญมาก เนื่องจากจะเป็นปะการังเทียม เป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งอนุรักษ์สัตว์น้ำวัยอ่อน ป้องกันประมงผิดกฎหมาย ส่งเสริมการท่องเที่ยว และเป็นการส่งเสริมการพัฒนาของจังหวัดกระบี่อีกทางหนึ่งด้วย โดยในวันพรุ่งนี้ (20 เม.ย.) จะจมเรือหลวง 3 ลำ ที่ลากมาถึงจังหวัดกระบี่แล้ว คือ เรือรบหลวงโกลำ เรือรบหลวงตะลิบง เรือรบหลวงราวี ส่วนอีก 1 ลำ คือ เรือเกล็ดแก้ว จะลากจูงมาภายหลัง
ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า สำหรับเงินทุนที่ใช้ในการดำเนินการลากจูงเรือหลวงทั้ง 3 ลำ มาจังหวัดกระบี่ เป็นเงินประมาณกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งทางภาคเอกชนเป็นคนออกเองทั้งหมด ไม่พึ่งงบหลวงแม้แต่บาทเดียว โดยโครงการนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ซึ่งจุดที่จะนำเรือไปจมนั้น ที่บริเวณเกาะพีพี เล จำนวน 1 ลำ และที่บริเวณเกาะยาวาซำ ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ จำนวน 2 ลำ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการเพิ่มทางเลือกการท่องเที่ยวให้แก่จังหวัดกระบี่อีกทางหนึ่งด้วย
ด้านนายพรเทพ สีบุญเรือง คณะทำงานที่ปรึกษาด้านนโยบายการพัฒนาจังหวัดกระบี่ กล่าวด้วยว่า เรือทั้ง 3 ลำ ที่จะนำไปจมที่เกาะพีพี และเกาะยาวาซำ ต.อ่าวนางนั้น จะเป็นศูนย์เรียนรู้ใต้ท้องทะเล เป็นแหล่งศึกษาเรียนธรรมชาติใต้ทะเล และปลุกจิตสำนึกให้เห็นคุณค่า รวมทั้งการอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชอบสัมผัสบรรยากาศใต้ท้องทะเลได้อีกปีละกว่า 5,000 คน ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกปีละประมาณ 10 ล้านบาท
สำหรับเรือรบหลวงตะลิบง เป็นเรือระบายพลขนาดใหญ่ ระหว่างขับน้ำ 158 ตัน ยาว 35.25 เมตร กว้าง 9.25 เมตร ประจำการ 26 ต.ค.2492 ปลดระวาง วันที่ 5 มิ.ย.51 เรือรบหลวงโกลำ เป็นเรือระบายพลขนาดใหญ่ ระหว่างขับน้ำ 158 ตัน ยาว 35.14 เมตร กว้าง 9.50 เมตร ประจำการ ต.ค.2492 เรือรบหลวงราวี ประจำการ ก.ย.2491 ยาว 35.25 เมตร กว้าง 9.25 เมตร