ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เจ้าท่าฯ ภูเก็ตผุดโครงการ “ลงเรือขึ้นเครื่อง” เพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้นักท่องเที่ยว จากสนามบินนานาชาติภูเก็ตไปยังหาดป่าตอง หวังอำนวยความสะดวกลดระยะเวลาในการเดินทาง รวมทั้งลดปัญหาจราจรติดขัดด้วยการเพิ่มเส้นทางสัญจรทางน้ำ
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (27 มี.ค.) ที่ห้องประชุมศูนย์ราชการกระทรวงการคลัง (ธนารักษ์พื้นที่ภูเก็ต) อ.เมือง จ.ภูเก็ต น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประชุมพิจารณารายละเอียดเบื้องต้นการจัดทำโครงการ “ลงเรือขึ้นเครื่อง” เส้นทางท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต-หาดป่าตอง ซึ่งนำเสนอโดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการเดินทาง หรือระบบขนส่งมวลชนให้แก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางโดยสามารถกำหนดเวลาที่จะถึงจุดหมายปลายทางได้แน่นอน
รวมทั้งเพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด และเพื่อลดจำนวนผู้โดยสารที่แออัดในสนามบิน โดยมี นายวิชัย คำคง ผู้อำนวยการเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต นายวงศกร นุ่มชูคันธ์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจาก ธนารักษ์พื้นที่ภูเก็ต อุทยานแห่งชาติสิรินาถ วิทยุการบินภูเก็ต การท่าอากาศยานภูเก็ต เข้าร่วม
นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการเสนอจัดทำโครงการดังกล่าว ว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก และในปี 2555 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านท่าอากาศยานภูเก็ตมากถึง 9.5 ล้านคน ซึ่งในปัจจุบัน การเดินทางจากสนามบินภูเก็ตไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ อาศัยการเดินทางโดยทางรถเพียงอย่างเดียว บางครั้งนักท่องเที่ยวเสียเวลาอยู่บนถนนเป็นเวลานาน ดังนั้น สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต จึงมีแนวคิดริเริ่มที่จะเพิ่มเส้นทางจราจรทางน้ำอีกเส้นทางหนึ่ง เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สะดวกของนักท่องเที่ยว โดยจะเปิดเส้นทางแรกจากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต-หาดป่าตอง
สาเหตุที่เลือกเปิดเส้นทางการจราจรทางด้านระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต-หาดป่าตอง เนื่องจากปัจจุบันนี้ การเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต-หาดป่าตอง นั้นจะอาศัยรถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารประจำทาง หรือรถแท็กซี่เท่านั้น ทำให้การจราจรทางบกหนาแน่นติดขัดในช่วงเวลาที่เร่งด่วน รวมถึงระยะทางจราจรทางบกนั้นมีระยะทางที่มากกว่าระยะทางน้ำ ดังนั้น การเปิดเส้นทางเดินเรือระหว่างสนามบิน-หาดป่าตอง จะเป็นการขนส่งมวลชนอีกทางหนึ่งที่จะเป็นทางเลือกหนึ่งของนักท่องเที่ยว และประชาชนที่ต้องการเดินทางโดยกำหนดเวลาถึงที่หมายที่แน่นอน ซึ่งเส้นทางการจราจรทางบก มีระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางในเวลาปกติประมาณ 60 นาที และในชั่วโมงเร่งด่วนจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 90 นาที แต่เส้นทางเดินเรือระหว่างท่าอากาศยานภูเก็ต ถึงสนามบิน มีระยะทางประมาณ 13.5 ไมล์ทะเล หรือ 25 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยเรือเร็ว (สปีดโบต) (ความเร็ว 35 นอต) ประมาณ 25 นาที ใช้เวลาเดินทางโดยเรือโดยสาร (ความเร็ว 20 นอต) ประมาณ 40 นาที
นายภูริพัฒน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันนี้จังหวัดภูเก็ตมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี จึงทำให้มีปัญหาด้านการจราจรติดขัด เนื่องจากมีจำนวนรถยนต์มากขึ้น แต่พื้นที่ที่จะขยายพื้นผิวจราจรมีจำกัด การเพิ่มการเดินทางเส้นทางใหม่ๆ หรือระบบขนส่งมวลชนจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว และเป้าหมายของจัดทำโครงการฯ ดังกล่าว เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดภูเก็ตมีความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น และสร้างความประทับใจครั้งแรกแก่นักท่องเที่ยว รวมทั้งลดปัญหาการจราจรติดขัดบนท้องถนน รวมทั้งระยะทาง ระยะเวลาในการเดินทาง
ถ้าโครงการนี้ผ่านการอนุมัติ จังหวัดภูเก็ตจะมีท่าเรือประจำที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต และสามารถที่จะทำเป็นโครงการต่อเนื่องได้ โดยเพิ่มเส้นทางจากท่าเรือที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตไปยังท่าเรือต่างๆ รอบเกาะภูเก็ตต่อไป ซึ่งเส้นทางแรกของโครงการคือ ท่าอากาศยานภูเก็ต-หาดป่าตอง นั้น สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม หลังจากการนำเสนอจัดทำโครงการดังกล่าว ในเบื้องต้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของวิทยุการบิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อุทยานแห่งชาติสิริ โยธาธิการและผังเมืองภูเก็ต เห็นด้วยที่จะให้มีโครงการดังกล่าวเกิดขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางจราจรจากหาดป่าตองไปสนามบินภูเก็ต ซึ่งจะทำให้ประหยัดทั้งเวลา และเชื้อเพลิง แต่อย่างไรก็ตาม แต่ละหน่วยงาน รวมถึงในส่วนของสำนักงานเจ้าท่าฯ จะต้องไปศึกษารายละเอียดข้อกฎหมายว่าทำอะไรบ้าง รวมถึงในเรื่องของความปลอดภัย และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจริงๆ เป็นอย่างไร
ขณะที่ น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวสรุปว่า จากการฟังความเห็นจากหน่วยงานต่างๆ ไม่ขัดข้อง เพราจะช่วยแก้ปัญหาด้านการจราจรได้ แต่ก็ต้องไปพิจารณารายละเอียด โดยเฉพาะข้อกฎหมาย เช่น กฎหมายผังเมือง กฎหมายควบคุมอาคาร กฎหมายอุทยานฯ เป็นต้น นอกจากนี้ เนื่องจากพื้นที่ที่จะสร้างท่าเทียบเรือในฝั่งท่าอากาศยานภูเก็ตนั้น เป็นพื้นที่ที่ทางธนารักษ์ให้บริษัทวิทยุการบินฯ เช่า และอาจจะไปเกี่ยวเนื่องกับความปลอดภัยของการขึ้นลงเครื่องบินของท่าอากาศยานภูเก็ต รวมถึงการขยายท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งจะต้องไปหารือกับบริษัทวิทยุการบินฯ และการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยด้วย ก่อนที่จะมีการเดินทางศึกษาความเป็นไปได้ และขอรับการจัดสรรงบประมาณจากกรมเจ้าท่าต่อไป
เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (27 มี.ค.) ที่ห้องประชุมศูนย์ราชการกระทรวงการคลัง (ธนารักษ์พื้นที่ภูเก็ต) อ.เมือง จ.ภูเก็ต น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานประชุมพิจารณารายละเอียดเบื้องต้นการจัดทำโครงการ “ลงเรือขึ้นเครื่อง” เส้นทางท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต-หาดป่าตอง ซึ่งนำเสนอโดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการเดินทาง หรือระบบขนส่งมวลชนให้แก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางโดยสามารถกำหนดเวลาที่จะถึงจุดหมายปลายทางได้แน่นอน
รวมทั้งเพื่อลดปัญหาการจราจรติดขัด และเพื่อลดจำนวนผู้โดยสารที่แออัดในสนามบิน โดยมี นายวิชัย คำคง ผู้อำนวยการเจ้าท่าภูมิภาคที่ 5 นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต นายวงศกร นุ่มชูคันธ์ โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต ตลอดจนส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจาก ธนารักษ์พื้นที่ภูเก็ต อุทยานแห่งชาติสิรินาถ วิทยุการบินภูเก็ต การท่าอากาศยานภูเก็ต เข้าร่วม
นายภูริพัฒน์ ธีระกุลพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ได้ชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการเสนอจัดทำโครงการดังกล่าว ว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นจังหวัดที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก และในปี 2555 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านท่าอากาศยานภูเก็ตมากถึง 9.5 ล้านคน ซึ่งในปัจจุบัน การเดินทางจากสนามบินภูเก็ตไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ อาศัยการเดินทางโดยทางรถเพียงอย่างเดียว บางครั้งนักท่องเที่ยวเสียเวลาอยู่บนถนนเป็นเวลานาน ดังนั้น สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต จึงมีแนวคิดริเริ่มที่จะเพิ่มเส้นทางจราจรทางน้ำอีกเส้นทางหนึ่ง เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สะดวกของนักท่องเที่ยว โดยจะเปิดเส้นทางแรกจากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต-หาดป่าตอง
สาเหตุที่เลือกเปิดเส้นทางการจราจรทางด้านระหว่างท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต-หาดป่าตอง เนื่องจากปัจจุบันนี้ การเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต-หาดป่าตอง นั้นจะอาศัยรถยนต์ส่วนตัว รถโดยสารประจำทาง หรือรถแท็กซี่เท่านั้น ทำให้การจราจรทางบกหนาแน่นติดขัดในช่วงเวลาที่เร่งด่วน รวมถึงระยะทางจราจรทางบกนั้นมีระยะทางที่มากกว่าระยะทางน้ำ ดังนั้น การเปิดเส้นทางเดินเรือระหว่างสนามบิน-หาดป่าตอง จะเป็นการขนส่งมวลชนอีกทางหนึ่งที่จะเป็นทางเลือกหนึ่งของนักท่องเที่ยว และประชาชนที่ต้องการเดินทางโดยกำหนดเวลาถึงที่หมายที่แน่นอน ซึ่งเส้นทางการจราจรทางบก มีระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางในเวลาปกติประมาณ 60 นาที และในชั่วโมงเร่งด่วนจะใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 90 นาที แต่เส้นทางเดินเรือระหว่างท่าอากาศยานภูเก็ต ถึงสนามบิน มีระยะทางประมาณ 13.5 ไมล์ทะเล หรือ 25 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางโดยเรือเร็ว (สปีดโบต) (ความเร็ว 35 นอต) ประมาณ 25 นาที ใช้เวลาเดินทางโดยเรือโดยสาร (ความเร็ว 20 นอต) ประมาณ 40 นาที
นายภูริพัฒน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันนี้จังหวัดภูเก็ตมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี จึงทำให้มีปัญหาด้านการจราจรติดขัด เนื่องจากมีจำนวนรถยนต์มากขึ้น แต่พื้นที่ที่จะขยายพื้นผิวจราจรมีจำกัด การเพิ่มการเดินทางเส้นทางใหม่ๆ หรือระบบขนส่งมวลชนจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ต้องเร่งดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว และเป้าหมายของจัดทำโครงการฯ ดังกล่าว เพื่อให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังจังหวัดภูเก็ตมีความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น และสร้างความประทับใจครั้งแรกแก่นักท่องเที่ยว รวมทั้งลดปัญหาการจราจรติดขัดบนท้องถนน รวมทั้งระยะทาง ระยะเวลาในการเดินทาง
ถ้าโครงการนี้ผ่านการอนุมัติ จังหวัดภูเก็ตจะมีท่าเรือประจำที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต และสามารถที่จะทำเป็นโครงการต่อเนื่องได้ โดยเพิ่มเส้นทางจากท่าเรือที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตไปยังท่าเรือต่างๆ รอบเกาะภูเก็ตต่อไป ซึ่งเส้นทางแรกของโครงการคือ ท่าอากาศยานภูเก็ต-หาดป่าตอง นั้น สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม หลังจากการนำเสนอจัดทำโครงการดังกล่าว ในเบื้องต้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของวิทยุการบิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อุทยานแห่งชาติสิริ โยธาธิการและผังเมืองภูเก็ต เห็นด้วยที่จะให้มีโครงการดังกล่าวเกิดขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางจราจรจากหาดป่าตองไปสนามบินภูเก็ต ซึ่งจะทำให้ประหยัดทั้งเวลา และเชื้อเพลิง แต่อย่างไรก็ตาม แต่ละหน่วยงาน รวมถึงในส่วนของสำนักงานเจ้าท่าฯ จะต้องไปศึกษารายละเอียดข้อกฎหมายว่าทำอะไรบ้าง รวมถึงในเรื่องของความปลอดภัย และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจริงๆ เป็นอย่างไร
ขณะที่ น.ส.สมหมาย ปรีชาศิลป์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวสรุปว่า จากการฟังความเห็นจากหน่วยงานต่างๆ ไม่ขัดข้อง เพราจะช่วยแก้ปัญหาด้านการจราจรได้ แต่ก็ต้องไปพิจารณารายละเอียด โดยเฉพาะข้อกฎหมาย เช่น กฎหมายผังเมือง กฎหมายควบคุมอาคาร กฎหมายอุทยานฯ เป็นต้น นอกจากนี้ เนื่องจากพื้นที่ที่จะสร้างท่าเทียบเรือในฝั่งท่าอากาศยานภูเก็ตนั้น เป็นพื้นที่ที่ทางธนารักษ์ให้บริษัทวิทยุการบินฯ เช่า และอาจจะไปเกี่ยวเนื่องกับความปลอดภัยของการขึ้นลงเครื่องบินของท่าอากาศยานภูเก็ต รวมถึงการขยายท่าอากาศยานภูเก็ต ซึ่งจะต้องไปหารือกับบริษัทวิทยุการบินฯ และการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยด้วย ก่อนที่จะมีการเดินทางศึกษาความเป็นไปได้ และขอรับการจัดสรรงบประมาณจากกรมเจ้าท่าต่อไป
