เปิดอกแกนนำเครือข่ายติดตามแผนพัฒนา จ.สตูล หลัง พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท แรงกระพือจากภาครัฐชี้ผุดแน่ “ท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา” ขณะเดียวกัน ตร.สตูล เองก็ตั้งโจทย์ “สลายม็อบท่าเรือปากบารา” ซ้อมสลายเหตุการณ์ชุมนุม ช่างสอดคล้องกันจนอดคิดไม่ได้ว่า “ม็อบท่าเรือปากบารา” มีพฤติกรรมรุนแรงจริง หรือรัฐสั่งการให้ ตร.ซ้อมมือ เพราะเล็งเดินเครื่อง “แลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล” เต็มสูบแน่นอน
จากกรณีที่ตำรวจ จ.สตูล ฝึกซ้อมเผชิญเหตุสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา (ตามข่าว http://astv.mobi/Ax58079) โดยจำลองเหตุการณ์ให้ชุดปราบจลาจล 1 กองร้อย จำนวน 200 นาย เข้าควบคุมสถานการณ์กลุ่มม็อบคัดค้านโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา ซึ่งเป็นประเด็นร้อนของ จ.สตูล มากว่า 2 ปี และได้ระอุต่อเนื่องเมื่อรัฐบาล นำโดย น.ส.ยิงลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน จำนวน 2.2 ล้านล้านบาท ให้สภาฯ พิจารณาในวันที่ 28 มี.ค.ที่จะถึงนี้ โดยระบุว่า เพื่อนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม และขนส่งของประเทศ ซึ่งโครงการก่อสร้างท่าเรือเรือน้ำลึกปากบารา ที่ อ.ละงู จ.สตูล หนึ่งในแผนเมกะโปรเจกต์ “แลนด์บริจด์สงขลา-สตูล” ก็ถูกบรรจุอยู่ในการจัดสรรงบ พ.ร.บ.เงินกู้ดังกล่าวนี้ด้วย
ทีมข่าว “ASTVผู้จัดการภาคใต้” จึงติดต่อไปยัง นายสมยศ โต๊ะหลัง หนึ่งในแกนนำเครือข่ายติดตามแผนพัฒนา จ.สตูล ซึ่งแสดงท่าทีคัดค้านโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารามาโดยตลอด และทางเครือข่ายฯ เพิ่งยื่นหนังสือคัดค้าน พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาทไปยังนายกรัฐมนตรี ผ่านทาง นายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีที่ตำรวจใช้ม็อบคัดค้านท่าเรือน้ำลึกปากบาราเป็นโจทย์ใหญ่ในการฝึกซ้อมจำลองสถานการณ์สลายการชุมนุม ซึ่งนัยหนึ่งเสมือนเป็นการบ่งชี้ว่าอย่างไรเสียก็ต้องเกิดการปะทะกันจากเหตุดังกล่าวแน่นอน
“ASTVผู้จัดการภาคใต้” : คิดเห็นอย่างไรกับการที่ตำรวจใช้กรณีค้านท่าเรือน้ำลึกปากบารามาเป็นโจทย์ฝึกซ้อมสลายการชุมนุม ?
นายสมยศ โต๊ะหลัง : ผมคิดว่าต้องเป็นเหตุเนื่องมาจากคำสั่งของรัฐบาลที่เตรียมการเดินหน้าก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา เมื่อวันที่ไปยื่นหนังสือคัดค้าน พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ที่ศาลากลางจังหวัดสตูล ก็ได้ยินข่าวว่าตำรวจเตรียมกำลังไว้พร้อมที่จะเข้ามาควบคุมกลุ่มผู้ยื่นหนังสือคัดค้านอยู่แล้ว แต่ในวันนั้นมีผู้เข้ามารับหนังสือแทน นายเหนือชาย ที่ติดประชุมอยู่เสียก่อน จึงไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
“ASTVผู้จัดการภาคใต้” : จากการตั้งโจทย์ว่ากลุ่มผู้คัดค้านท่าเรือน้ำลึกปากบารามีพฤติกรรมแข็งกร้าว ขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมา กลุ่มผู้คัดค้านฯ เคยแสดงออก หรือมีท่าทีแบบนั้นหรือไม่?
: ตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่เครือข่ายติดตามแผนพัฒนา จ.สตูล ออกโรงคัดค้านท่าเรือน้ำลึกปากบารา ก็ดำเนินการ และเจรจากันด้วยเหตุผลตลอดมา และไม่เคยมีความรุนแรงเกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด และคนอื่นๆ ก็เจรจากันด้วยเหตุผล และทำงานร่วมกันมาโดยตลอด
การตั้งโจทย์ดังกล่าวน่าจะเกี่ยวเนื่องกับ พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท บ่งชี้ว่า รัฐบาลจะเดินหน้าสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบาราแน่ๆ ทั้งนี้ เราเข้าใจว่าข้าราชการในระดับพื้นที่ต้องทำตามนโยบายที่ได้รับมอบหมายมาจากส่วนกลาง เมื่อได้รับคำสั่งเขาก็ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ทั้งนี้ ชาวบ้านก็ต้องเข้าใจเจ้าหน้าที่รัฐ และเจ้าหน้าที่รัฐเองก็ต้องเข้าใจชาวบ้านด้วย
ทางออกคือ ต้องกลับไปทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ทั้งตามหลักเหตุผล และหลักกฎหมาย ไม่ใช่ชาวบ้านมายื่นหนังสือคัดค้านแล้วใช้กำลังกับชาวบ้าน
“ASTVผู้จัดการภาคใต้” : ที่ว่าต้องทำทุกอย่างให้ทุกต้องตามหลักกฎหมายนั้นมีอะไรบ้าง?
: โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา ยังไม่ได้ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) รวมทั้งยังไม่ได้ทำประชาพิจารณ์ รับฟังความคิดเห็นประชาชนใหม่ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 นอกจากนี้ เรื่องการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ก็ยังคาราคาซัง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยกฎหมาย
รัฐบาลควรดำเนินการในขั้นตอนเหล่านี้ให้ถูกต้องตามหลักกฎหมายให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเดินหน้าผลักดันแผนการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา
“ASTVผู้จัดการภาคใต้” : คิดว่าการที่ตำรวจตั้งโจทย์ซ้อมสลายการชุมนุมแบบนี้ จะมีผลทำให้แรงต้านท่าเรือน้ำลึกปากบาราลดลงมั้ย?
: ผมคิดว่าไม่มีผล นอกจากว่าชาวบ้านจะเตรียมตัวตั้งหลักรับมือมากขึ้น อาจจะเป็นเรื่องกระตุ้นให้ชาวบ้านมีแรงฮึด และผนึกกำลังกันมากยิ่งขึ้น
ต่อจากนี้ก็คาดการณ์ว่า เหตุการณ์น่าจะดำเนินไปในลักษณะเดียวกันกับการคัดค้านโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ที่พี่น้องใน อ.จะนะ จ.สงขลา รวมตัวคัดค้าน คือรัฐจะปล่อยให้มีการปะทะกันระหว่างตำรวจและชาวบ้านในพื้นที่ แกนนำบางคนก็อาจจะถูกจับกุมตัวดำเนินคดี เหมือนเหตุการณ์ที่หน้าโรงแรมเจบี หาดใหญ่ จากนั้นก็เอาทหารลงพื้นที่ แล้วก็ดำเนินการก่อสร้าง
ที่ อ.จะนะ มีการป่าวประกาศว่าหากมีโรงแยกก๊าซ และท่อก๊าซเกิดขึ้นในพื้นที่ คนใน อ.จะนะ จะได้ใช้แก๊สในราคาถูกกว่าพื้นที่อื่นๆ ซึ่งความจริงแล้วทุกวันนี้พี่น้อง อ.จะนะ ก็ยังใช้แก๊สในราคาแพงเท่ากับคนในพื้นที่อื่นอยู่ดี
“ASTVผู้จัดการภาคใต้”: ทางเครือข่ายติดตามแผนพัฒนา จ.สตูล เตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้อย่างไรบ้าง
: ในเบื้องต้นก็ต้องกระจายข้อมูลให้ชาวบ้านรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ว่ารัฐบาลเตรียมอนุมัติเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาทเพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา รวมทั้งประมวลเหตุการณ์ในภาพรวม โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวเนื่องกันทั้งหมดให้ชาวบ้านเข้าใจ จากนั้นก็ให้ชาวบ้านตัดสินใจเองว่าจะต่อสู้เพื่อปกป้องทรัพยากรในถิ่นฐานบ้านเกิดหรือไม่อย่างไร นี่เป็นเรื่องที่ชาวบ้านต้องตัดสินใจเอง
“ASTVผู้จัดการภาคใต้” : คิดว่าใครควรให้ความสนใจ และจับตามองโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบาราบ้าง?
: ผมอยากฝากถึง 3 ฝ่ายหลักๆ คือ รัฐบาล, คนสตูล รวมทั้งนักท่องเที่ยว และที่สำคัญคือ คนปากบารา
1.หากรัฐบาลพยายามใช้กลไกรัฐเป็นเครื่องมือ ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย บีบบังคับให้ชาวบ้านในพื้นที่ยอมรับโครงการต่างๆ โดยไม่เต็มใจ ถ้ายังใช้วิธีการเดิมๆ แบบนี้ รัฐอาจจะชนะแค่ตอนนี้ แต่ไม่ใช่ชัยชนะที่ยั่งยืน ในอนาคตต่อๆ ไป สักวันหนึ่งชาวบ้านจะต้องรู้ว่า กระบวนการทั้งหมดไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง และไม่ชอบด้วยกฎหมาย อย่าเอาคนสตูลเป็นตัวประกันเหมือนกรณีเขื่อนแม่วงก์
2.คนใน จ.สตูล หรือคนที่เคยมาเที่ยว จ.สตูล โดยเฉพาะทะเล ต้องเฝ้าจับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะนี่คือการที่คนสตูลพยายามปกป้องทรัพยากรในพื้นที่ ไม่ให้ถูกรุกรานด้วยสิ่งก่อสร้าง และมลพิษ เพื่ออนุรักษ์ที่ท่องเที่ยวไว้ให้ผู้คนได้มาเที่ยวอีก ดังนั้น จึงต้องช่วยกันตรวจสอบ
3.คนปากบาราเองก็ต้องตระหนักให้ดี อย่าไปติดกับเหมือนที่เคยเกิดขึ้นใน อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งจะนำไปสู่ความขัดแย้งในพื้นที่ และความไม่สงบในภาคใต้ ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบที่จะนะ หรือบ่อนอก ที่มีการสูญเสีย มีการดำเนินคดี
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง :
“แลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล” กลางแรงบีบร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้าน “คุ้ม-ไม่คุ้ม” อะไรคือความจริงของท่าเรือน้ำลึกปากบารา
จากกรณีที่ตำรวจ จ.สตูล ฝึกซ้อมเผชิญเหตุสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา (ตามข่าว http://astv.mobi/Ax58079) โดยจำลองเหตุการณ์ให้ชุดปราบจลาจล 1 กองร้อย จำนวน 200 นาย เข้าควบคุมสถานการณ์กลุ่มม็อบคัดค้านโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา ซึ่งเป็นประเด็นร้อนของ จ.สตูล มากว่า 2 ปี และได้ระอุต่อเนื่องเมื่อรัฐบาล นำโดย น.ส.ยิงลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน จำนวน 2.2 ล้านล้านบาท ให้สภาฯ พิจารณาในวันที่ 28 มี.ค.ที่จะถึงนี้ โดยระบุว่า เพื่อนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม และขนส่งของประเทศ ซึ่งโครงการก่อสร้างท่าเรือเรือน้ำลึกปากบารา ที่ อ.ละงู จ.สตูล หนึ่งในแผนเมกะโปรเจกต์ “แลนด์บริจด์สงขลา-สตูล” ก็ถูกบรรจุอยู่ในการจัดสรรงบ พ.ร.บ.เงินกู้ดังกล่าวนี้ด้วย
ทีมข่าว “ASTVผู้จัดการภาคใต้” จึงติดต่อไปยัง นายสมยศ โต๊ะหลัง หนึ่งในแกนนำเครือข่ายติดตามแผนพัฒนา จ.สตูล ซึ่งแสดงท่าทีคัดค้านโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารามาโดยตลอด และทางเครือข่ายฯ เพิ่งยื่นหนังสือคัดค้าน พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาทไปยังนายกรัฐมนตรี ผ่านทาง นายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล เมื่อไม่นานมานี้ เพื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีที่ตำรวจใช้ม็อบคัดค้านท่าเรือน้ำลึกปากบาราเป็นโจทย์ใหญ่ในการฝึกซ้อมจำลองสถานการณ์สลายการชุมนุม ซึ่งนัยหนึ่งเสมือนเป็นการบ่งชี้ว่าอย่างไรเสียก็ต้องเกิดการปะทะกันจากเหตุดังกล่าวแน่นอน
“ASTVผู้จัดการภาคใต้” : คิดเห็นอย่างไรกับการที่ตำรวจใช้กรณีค้านท่าเรือน้ำลึกปากบารามาเป็นโจทย์ฝึกซ้อมสลายการชุมนุม ?
นายสมยศ โต๊ะหลัง : ผมคิดว่าต้องเป็นเหตุเนื่องมาจากคำสั่งของรัฐบาลที่เตรียมการเดินหน้าก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา เมื่อวันที่ไปยื่นหนังสือคัดค้าน พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท ที่ศาลากลางจังหวัดสตูล ก็ได้ยินข่าวว่าตำรวจเตรียมกำลังไว้พร้อมที่จะเข้ามาควบคุมกลุ่มผู้ยื่นหนังสือคัดค้านอยู่แล้ว แต่ในวันนั้นมีผู้เข้ามารับหนังสือแทน นายเหนือชาย ที่ติดประชุมอยู่เสียก่อน จึงไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
“ASTVผู้จัดการภาคใต้” : จากการตั้งโจทย์ว่ากลุ่มผู้คัดค้านท่าเรือน้ำลึกปากบารามีพฤติกรรมแข็งกร้าว ขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมา กลุ่มผู้คัดค้านฯ เคยแสดงออก หรือมีท่าทีแบบนั้นหรือไม่?
: ตลอดระยะเวลา 2-3 ปีที่เครือข่ายติดตามแผนพัฒนา จ.สตูล ออกโรงคัดค้านท่าเรือน้ำลึกปากบารา ก็ดำเนินการ และเจรจากันด้วยเหตุผลตลอดมา และไม่เคยมีความรุนแรงเกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด และคนอื่นๆ ก็เจรจากันด้วยเหตุผล และทำงานร่วมกันมาโดยตลอด
การตั้งโจทย์ดังกล่าวน่าจะเกี่ยวเนื่องกับ พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท บ่งชี้ว่า รัฐบาลจะเดินหน้าสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบาราแน่ๆ ทั้งนี้ เราเข้าใจว่าข้าราชการในระดับพื้นที่ต้องทำตามนโยบายที่ได้รับมอบหมายมาจากส่วนกลาง เมื่อได้รับคำสั่งเขาก็ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ทั้งนี้ ชาวบ้านก็ต้องเข้าใจเจ้าหน้าที่รัฐ และเจ้าหน้าที่รัฐเองก็ต้องเข้าใจชาวบ้านด้วย
ทางออกคือ ต้องกลับไปทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ทั้งตามหลักเหตุผล และหลักกฎหมาย ไม่ใช่ชาวบ้านมายื่นหนังสือคัดค้านแล้วใช้กำลังกับชาวบ้าน
“ASTVผู้จัดการภาคใต้” : ที่ว่าต้องทำทุกอย่างให้ทุกต้องตามหลักกฎหมายนั้นมีอะไรบ้าง?
: โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา ยังไม่ได้ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) รวมทั้งยังไม่ได้ทำประชาพิจารณ์ รับฟังความคิดเห็นประชาชนใหม่ ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 นอกจากนี้ เรื่องการเพิกถอนอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา ก็ยังคาราคาซัง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยกฎหมาย
รัฐบาลควรดำเนินการในขั้นตอนเหล่านี้ให้ถูกต้องตามหลักกฎหมายให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเดินหน้าผลักดันแผนการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา
“ASTVผู้จัดการภาคใต้” : คิดว่าการที่ตำรวจตั้งโจทย์ซ้อมสลายการชุมนุมแบบนี้ จะมีผลทำให้แรงต้านท่าเรือน้ำลึกปากบาราลดลงมั้ย?
: ผมคิดว่าไม่มีผล นอกจากว่าชาวบ้านจะเตรียมตัวตั้งหลักรับมือมากขึ้น อาจจะเป็นเรื่องกระตุ้นให้ชาวบ้านมีแรงฮึด และผนึกกำลังกันมากยิ่งขึ้น
ต่อจากนี้ก็คาดการณ์ว่า เหตุการณ์น่าจะดำเนินไปในลักษณะเดียวกันกับการคัดค้านโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย ที่พี่น้องใน อ.จะนะ จ.สงขลา รวมตัวคัดค้าน คือรัฐจะปล่อยให้มีการปะทะกันระหว่างตำรวจและชาวบ้านในพื้นที่ แกนนำบางคนก็อาจจะถูกจับกุมตัวดำเนินคดี เหมือนเหตุการณ์ที่หน้าโรงแรมเจบี หาดใหญ่ จากนั้นก็เอาทหารลงพื้นที่ แล้วก็ดำเนินการก่อสร้าง
ที่ อ.จะนะ มีการป่าวประกาศว่าหากมีโรงแยกก๊าซ และท่อก๊าซเกิดขึ้นในพื้นที่ คนใน อ.จะนะ จะได้ใช้แก๊สในราคาถูกกว่าพื้นที่อื่นๆ ซึ่งความจริงแล้วทุกวันนี้พี่น้อง อ.จะนะ ก็ยังใช้แก๊สในราคาแพงเท่ากับคนในพื้นที่อื่นอยู่ดี
“ASTVผู้จัดการภาคใต้”: ทางเครือข่ายติดตามแผนพัฒนา จ.สตูล เตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์แบบนี้อย่างไรบ้าง
: ในเบื้องต้นก็ต้องกระจายข้อมูลให้ชาวบ้านรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง ว่ารัฐบาลเตรียมอนุมัติเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาทเพื่อก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา รวมทั้งประมวลเหตุการณ์ในภาพรวม โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวเนื่องกันทั้งหมดให้ชาวบ้านเข้าใจ จากนั้นก็ให้ชาวบ้านตัดสินใจเองว่าจะต่อสู้เพื่อปกป้องทรัพยากรในถิ่นฐานบ้านเกิดหรือไม่อย่างไร นี่เป็นเรื่องที่ชาวบ้านต้องตัดสินใจเอง
“ASTVผู้จัดการภาคใต้” : คิดว่าใครควรให้ความสนใจ และจับตามองโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบาราบ้าง?
: ผมอยากฝากถึง 3 ฝ่ายหลักๆ คือ รัฐบาล, คนสตูล รวมทั้งนักท่องเที่ยว และที่สำคัญคือ คนปากบารา
1.หากรัฐบาลพยายามใช้กลไกรัฐเป็นเครื่องมือ ไม่ดำเนินการตามกฎหมาย บีบบังคับให้ชาวบ้านในพื้นที่ยอมรับโครงการต่างๆ โดยไม่เต็มใจ ถ้ายังใช้วิธีการเดิมๆ แบบนี้ รัฐอาจจะชนะแค่ตอนนี้ แต่ไม่ใช่ชัยชนะที่ยั่งยืน ในอนาคตต่อๆ ไป สักวันหนึ่งชาวบ้านจะต้องรู้ว่า กระบวนการทั้งหมดไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง และไม่ชอบด้วยกฎหมาย อย่าเอาคนสตูลเป็นตัวประกันเหมือนกรณีเขื่อนแม่วงก์
2.คนใน จ.สตูล หรือคนที่เคยมาเที่ยว จ.สตูล โดยเฉพาะทะเล ต้องเฝ้าจับตาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะนี่คือการที่คนสตูลพยายามปกป้องทรัพยากรในพื้นที่ ไม่ให้ถูกรุกรานด้วยสิ่งก่อสร้าง และมลพิษ เพื่ออนุรักษ์ที่ท่องเที่ยวไว้ให้ผู้คนได้มาเที่ยวอีก ดังนั้น จึงต้องช่วยกันตรวจสอบ
3.คนปากบาราเองก็ต้องตระหนักให้ดี อย่าไปติดกับเหมือนที่เคยเกิดขึ้นใน อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งจะนำไปสู่ความขัดแย้งในพื้นที่ และความไม่สงบในภาคใต้ ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบที่จะนะ หรือบ่อนอก ที่มีการสูญเสีย มีการดำเนินคดี
อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง :
“แลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล” กลางแรงบีบร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2.2 ล้านล้าน “คุ้ม-ไม่คุ้ม” อะไรคือความจริงของท่าเรือน้ำลึกปากบารา
