xs
xsm
sm
md
lg

“กอ.รมน.ภาค 4” ประณามโจรใต้ไร้มนุษยธรรม-ไร้การแยกแยะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โดย พ.อ.เชษฐา ตรงดี สำนักปฏิบัติการข่าวสาร ได้ออกแถลงการณ์ประณามขบวนการก่อเหตุรุนแรงไร้มนุษยธรรม ไร้การแยกแยะ

ตามที่เกิดเหตุการณ์ระเบิด เมื่อวันที่ 21 มีนาคม พ.ศ.2556 เวลา 13.25 น. กลุ่มคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ก่อเหตุลอบวางระเบิดแสวงเครื่องประกอบรถจักรยานยนต์ บริเวณย่านชุมชนหน้าร้านเบเกอรี เลขที่ 44/48 ถนนสุวรรณมงคล ตำบลจะบังติกอ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นย่านชุมชน โดยเฉพาะมีครอบครัว และเด็กกำลังซื้อเบเกอรีจำนวนมาก เป็นเหตุให้มีประชาชนทั้งชาวไทยพุทธ และชาวมุสลิมเสียชีวิต จำนวน 1 ราย
เป็นเด็กอายุ 9 ขวบ ทราบชื่อ ด.ช.นิโซเฟียน  นิสนิ และบาดเจ็บอีกจำนวน 14 ราย จากการก่อเหตุของกลุ่มผู้ไม่หวังดีอย่างไม่แยกแยะ และรับผิดชอบในครั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอชี้แจงต่อประชาชนให้ทราบดังนี้

ประการที่ 1 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอประณามการก่อเหตุของกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่ไม่มีการแยกแยะผลความเสียหายต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้สูญเสีย และผู้บาดเจ็บ ทั้งนี้ ขอวิงวอนและเรียกร้องต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 3 ข้อ ดังนี้

ข้อ 1 วิงวอนให้ประชาชน ผู้นำศาสนา ผู้บริหารส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ส่วนราชการ องค์กรภาคประชาสังคม (NGO) องค์กรนิสิตนักศึกษาทุกระดับ และประชาชนทั้งประเทศ แสดงออกโดยร่วมกันประณามการกระทำของกลุ่มขบวนการผู้ก่อเหตุรุนแรง พร้อมแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสีย ให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ และประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ข้อ 2 ขอให้ทุกภาคส่วนได้เข้าใจถึงพฤติกรรมของขบวนการก่อเหตุรุนแรงที่มักกล่าวอ้างเสมอว่า ปฏิบัติการเพื่อประชาชนมลายูปัตตานีเพื่อพี่น้องประชาชนมุสลิม แต่ผลการกระทำผู้ที่เดือดร้อนกลับเป็นประชาชนมุสลิมตลอดมาโดยเฉพาะเด็ก

ข้อ 3 การก่อเหตุรุนแรงผลเสียที่เกิดขึ้น คือ ความเดือดร้อนที่ตกสู่ประชาชน และมักมีการป้ายสี โจมตีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐเสมอมา จึงขอให้ทุกฝ่ายได้แยกแยะและพิจารณาข่าวสารที่เกิดขึ้น โดยให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และคำนึงถึงจิตใจของผู้สูญเสีย โดยเฉพาะพ่อ แม่ ที่ต้องสูญเสียลูกจากการก่อเหตุของกลุ่มขบวนการ

ประการที่ 2 การก่อเหตุที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เป็นการตอบโต้ต่อกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติภาพของรัฐบาล แต่เป็นการปฏิบัติของกลุ่มขบวนการที่มีความพยายามครอบงำประชาชนด้วยความหวาดกลัวเพื่อป้องกันมวลชนไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐ และเป็นการสร้างอิทธิพลของกลุ่ม รวมถึงขยายข่าวสารของเหตุการณ์ให้คงอยู่และเกิดผลกระทบต่อความรู้สึกของสาธารณชนจำนวนมาก เพื่อยกระดับเหตุการณ์ในพื้นที่

ประการที่ 3 ปัจจุบัน รัฐบาล และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ได้ยึดหลักสิทธิมนุษยชน และมนุษยธรรมในการแก้ไขปัญหา การริเริ่มความพยายามในการเปิดพื้นที่พูดคุย โดยเฉพาะการปฏิบัติต่อผู้ถูกกล่าวหา ผู้ต้องหา ผู้ต้องสงสัยจากทางราชการ โดยใช้การพูดคุย และเชิญชวนออกมาแสดงตน แตกต่างจากการปฏิบัติของกลุ่มขบวนการที่มุ่งใช้ความรุนแรง และปฏิบัติการลับ ดังนั้น การใช้กฎหมายความมั่นคงยังมีความจำเป็นในพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่จะใช้กฎหมายโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อประชาชนเป็นที่ตั้ง

ประการที่ 4 เหตุการณ์ความรุนแรง และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังมีอยู่ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน ทั้ง ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง อาสาสมัครทหารพราน และกำลังประชาชนยังคงมุ่งมั่นทุ่มเทแรงกาย และสติปัญญาเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจากผู้ไม่หวังดี แต่ทั้งนี้ผลสำเร็จในการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย การปกป้องดูแลชุมชนจากการก่อเหตุของผู้ไม่หวังดี ต้องขอความร่วมมือประชาชนทุกคน แจ้งข่าวสาร และเบาะแส สิ่งบ่งบอกต่ออันตราย เช่น บุคคล ยานพาหนะ กลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมเพื่อก่อเหตุร้าย สิ่งของวัตถุน่าสงสัย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ได้รับทราบทันทีตามเบอร์โทรศัพท์ 1341, 1881 หรือ 0-7326-2680, 0-7326-2681 โดยด่วน

ในการรับทราบข้อมูลข่าวสาร หรือต้องการทราบรายละเอียดข้อมูลสามารถติดต่อขอรับทราบรายละเอียดได้ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า โทรศัพท์ 0-7326-2689
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น