“เหลิม” เผย “ปู” ดุเกี่ยงแก้ไฟใต้ รับปากลงพื้นที่ เตรียมถก พ.ร.บ.มั่นคง ยันไม่ดื้อเคอร์ฟิว

“เป็ดเหลิม” แจงนายกฯ เรียกถกเหตุเตรียมบินมาเลย์ หนุนปรับ พ.รบ.ฉุกเฉินเป็น พ.ร.บ.มั่นคง อ้างมีแนวคิดเจรจา พร้อมถกผู้เกี่ยวข้อง ปัดพูดมากเดี๋ยวสื่อด่า โอดนายกฯ ติงหลุดปากไม่อยากแก้ไฟใต้ ถูกมอบงานเต็มสูบพร้อมสั่งลงพื้นที่ เผยรับปากแต่ขอหลังศึกชิงผู้ว่าฯ กทม. โวมีค้างคืน แต่ไม่บอกวันใดหวั่นเจอระเบิด ชี้คนพื้นขาดการพูดคุยเรื่อง กม. ยันไม่เลี้ยงไข้ ลั่นรับผิดชอบเต็มที่ไม่กลัว แต่ไม่ใจร้อนกลัวปัญหาไม่จบ ปัด “บิ๊กจิ๋ว” มาช่วย ไม่ฝืนเคอร์ฟิว


วันนี้ (18 ก.พ.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) กล่าวภายหลังการประชุมรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เป็นการประชุมเตรียมสำหรับการเดินทางไปมาเลเซียของนายกฯ ส่วนการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงในพื้นที่ที่มีการ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น สำหรับตนมีแนวคิดว่าการแก้ไขปัญหาต้องเน้นการเจรจาพูดคุยให้เข้าใจซึ่งกันและกัน จะไม่ใช้ความรุนแรงเด็ดขาด ซึ่งนายกฯ ก็เห็นด้วย

“นายกฯ ดุผมว่าไปพูดได้อย่างไรว่าไม่เต็มใจรับที่จะทำงานนี้ เหมือนบ่ายเบี่ยง นายกฯ เลยย้ำว่าจากนี้ต่อไปจะมอบหมายงานให้เต็มที่ ไปบูรณาการข่าวแล้วทำงานให้เต็มที่ โดยให้รายงานข้อเท็จจริงให้นายกฯ ทราบทุกระยะ และนายกฯ ยังบังคับให้ผมลงไปในพื้นที่ภาคใต้ด้วย ซึ่งผมก็รับปากไปว่าจะไปแต่ต้องหลังจากเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เสร็จสิ้นก่อน” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะลงไปในพื้นที่ภาคใต้หลายวันหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า พรรคพวกตนเยอะ ไปก็ต้องค้างคืน เมื่อถามว่า การลงพื้นที่เหตุใดจะต้องรอหลังเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ทั้งๆ ที่ไปแค่ไม่กี่ชั่วโมง ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตนก็ต้องมีหน้าที่ของตน และลงไปก็ต้องค้างคืน เมื่อถามว่า ตกลงจะลงพื้นที่ภาคใต้วันไหน ร.ต.อ.เฉลิมหัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า “บอกก่อนก็มีระเบิดน่ะสิ”

เมื่อถามว่า ที่ระบุว่าจะใช้มาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ.ความมั่นคง ให้มากขึ้นเป็นอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ในพื้นที่ที่มีผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิด อย่างที่ภรรยาของนายมะรอโซ จันทรวดี แกนนำผู้ก่อความไม่สงบ ที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมออกมาระบุว่านายมะรอโซเกรงกลัวกฎหมายและเจ้าหน้าที่ อย่างนี้แสดงว่าขาดการพูดคุย หรืออย่างที่พ่อของนายมะรอโซพูดว่าขนาดการเกณฑ์ทหารยังไม่เข้าใจ ซึ่งหากใช้มาตรา 21 นั้นเป็นกระบวนการยุติธรรมที่สามารถลดขั้นตอนได้ แต่ต้องเป็นคนละกรณีกับหมายจับตาม ป.วิอาญา ที่เป็นกระบวนการยุติธรรมที่ผู้เกี่ยวข้องไม่อยากมอบตัว

ส่วนที่เลขาฯ สมช.จะมีการลดโทนพื้นที่ที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อมาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อให้แนวร่วมมามอบตัวกับภาครัฐมากขึ้นนั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ถือว่าตรงกับสิ่งที่ตนกำลังคิด ซึ่งขณะนี้กำลังจะหารือกับเสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 และได้ตั้งนายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกามาดูเรื่องกฎหมาย และตั้งผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศชต.) เพราะชำนาญพื้นที่ ทั้งนี้จะต้องมีการลดระดับจากการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะบางพื้นที่นิ่ง ไม่มีเหตุการณ์แล้ว ซึ่งตนได้บอกให้ไปคิดกัน ไม่กล้าพูด เพราะหากพูดไปแล้วไม่เอาสื่อจะมาด่าตนอีก อย่างไรก็ตาม การใช้กฎหมายความมั่นคงในพื้นที่การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ก็ยังเข้มข้นเหมือนเดิม

เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรจึงไม่ทำให้เห็นว่าภาครัฐเลี้ยงไข้อยู่ตลอดเวลา ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่เลี้ยง ฉีดยาเบอร์สุดท้ายแล้วหายหมด ยืนยันว่าต้องพูดคุย เมื่อถามถึงแนวคิดที่ต้องการให้ชนะโดยไม่ต้องรบ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ถูกต้อง เพราะต้องสร้างความเข้าใจ ซึ่งยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก คงจะต้องมีการพูดคุยกับเสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 ก่อน แต่ยืนยันว่าจากนี้ต่อไปปัญหาในภาคใต้ตนรับผิดชอบเต็มที่ นายกฯ สั่งการแล้ว จะไม่พูดแล้วว่าไม่เต็มใจ จะไม่พูดอีกว่ากลัว ไม่กลัวอะไรแล้วทั้งนั้น แต่ต้องการตามหลักกฎหมาย เมื่อถามว่า การปฏิบัติการทางการทหารยังใช้อยู่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ใจเย็นๆ เพราะหากเกิดใจร้อนสุดท้ายก็จะสร้างปัญหา ปัญหาที่เกิดขึ้นถ้าแก้แรงแล้วจะดับยาก แต่หากแก้เบาๆ จะค่อยเป็นค่อยไป

เมื่อถามว่า มีข่าวว่าจะมีการให้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ มาดูแลปัญหาในภาคใต้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ก็นายกฯ บอกว่าไม่ปลดตน แถมยังบังคับว่าต่อไปห้ามพูดอีกว่าไม่เต็มใจดูแล บังคับให้ลงพื้นที่ในภาคใต้บ่อยๆ ตนก็ต้องรับปาก เมื่อถามว่า ที่นายกฯ จะเดินทางไปมาเลเซียจะหารือเรื่องภาคใต้ด้วยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่พูด เป็นความลับ แต่นายกฯ ได้เชิญให้ตนไปเหมือนกัน แต่ตนบอกไปแล้วว่าติดปราศรัย ขอเป็นหลังเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.”

เมื่อถามว่า การแก้ไขปัญหาภาคใต้อำนาจสั่งการอยู่ที่ใคร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า อยู่ที่นายกฯ แต่นายกฯได้สั่งการมอบหมายภารกิจงานให้ตนมากขึ้น ส่วนการปฏิบัติงานก็เป็นหน้าที่ของตน เมื่อถามว่า ในการประชุม สมช.ที่ผ่านมา ที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับแนวคิดการประกาศเคอร์ฟิวจนเกิดเหตุการณ์ขึ้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ฟังก็ไม่เป็นไร ถือเป็นการทดสอบ เมื่อเขาไม่ฟังตนก็ต้องเคารพการตัดสินใจ ไม่ดื้อดึง