“ทักษิณ” ตามน้ำนายกฯ มาเลย์ โวบินดับไฟใต้ช่วงต้น 55 ก่อนชงรัฐมอบ “ทวี” ทำต่อ เผยคุยแกนนำแยกดินแดนเห็นด้วยเจรจา ตร.มาเลย์ให้ข้อมูลถึงดูไบ ชี้หัวโจกอยู่แค่มาเลย์-อินโดฯ ป่วนในพื้นที่ร้อยละ 60 อีก 40 โยงเรื่องผิด กม. อ้างใต้ยังป่วนต้องแยกปมแก้ปัญหา พร้อมถก ปธน.อินโดฯ แก้ปัญหา ยกอดีต ปธน.ฟินแลนด์ตัวกลางคุยกลุ่มต่างๆ แจงกองทัพรับฟัง ย้ำเจรจาตามกรอบ รธน. ฝันชายแดนใต้สงบ เป็นเมืองยางพารา ตอกพวกมือไม่พายกล่าวหามีผลประโยชน์แฝง
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ นสพ.ไทยรัฐ ในวันที่ (2 มี.ค.) จากกรณีที่นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ระบุถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ที่เริ่มต้นเจรจาลงนามข้อตกลงสันติภาพ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กับแกนนำว่า เมื่อต้นปี 2555 ตนเดินทางไปประเทศมาเลเซียพบนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเพื่อหารือถึงการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีโอกาสพูดคุยกับแกนนำบีอาร์เอ็นบางคน แล้วได้เดินทางไปที่ร้านต้มยำกุ้งเพื่อทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หลังจากที่คุยไปบางส่วนได้ประสานให้รัฐบาลไทยมอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต.ไปดำเนินการต่อ ซึ่งได้มีการพูดคุยกับแกนนำกลุ่มก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดนคนสำคัญ อาทิ นายสะแปอิง บาซอ หลังจากแลกเปลี่ยนข้อมูลกันพอสมควร ทางแกนนำฯ เห็นด้วยกับแนวทางการเจรจา โดยได้รับความร่วมมือจากทางการมาเลเซียเป็นอย่างดีซึ่งได้ส่งตำรวจสันติบาลไปให้ข้อมูลตนที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งข้อสังเกตว่าแกนนำที่ลงนาม และที่ปรากฏเป็นข่าวไม่ใช่เป็นแกนนำตัวจริง พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ที่อยู่ประเทศอื่นเป็นการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น แต่แกนนำที่ควบคุมสถานการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตัวจริงอยู่ใน 2 ประเทศ คือ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เชื่อว่าควบคุมพื้นที่ร้อยละ 90 ของกองกำลังทั้งหมด และจริงๆ แล้วความรุนแรงที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นเรื่องการก่อการร้ายแค่ร้อยละ 60 ที่เหลืออีกร้อยละ 40 เป็นเรื่องยาเสพติด ของเถื่อน ผลประโยชน์อื่นและการเมือง ซึ่งหลังจากทางการไทยตกลงเจรจากับแกนนำฯ แล้วก็สามารถแยกแยะสถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้ออกจากกันเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ได้ถูกจุด เร็วๆ นี้ตนจะเดินทางไปขอความร่วมมือกับนายซูซิโล บัมบัง ยุโธโยโน ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย เพื่อหารือถึงการแก้ไขปัญหานี้ให้ประสบความสำเร็จหรือคลี่คลายลง อย่างไรก็ตาม แนวทางการทำงานของตนได้รับความร่วมมือจากนายมาร์ตติ อาห์ติซาริ อดีตประธานาธิบดีฟินแลนด์เป็นอย่างดีมาช่วยประสานงานกับกลุ่มต่างๆ
เมื่อถามว่า หลังจากที่ทางการไทยเจรจาลงนามกับแกนนำบีอาร์เอ็น ทำไมถึงเกิดเหตุระเบิดที่ จ.นราธิวาส อีก พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า เราถึงต้องแยกแยะสถานการณ์ออกว่าเหตุที่เกิดขึ้นเกิดจากปัญหาแยกดินแดน หรือปัญหาของผลประโยชน์ในพื้นที่ ถึงดำเนินการได้ถูกแล้วค่อยๆ แก้ไขปัญหาไป เชื่อว่าเหตุการณ์รุนแรงจะลดลงเรื่อยๆ ต่อข้อถามว่ามีกระแสข่าวการเจรจาลงนามครั้งนี้กองทัพไม่เห็นด้วย พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่าไม่ใช่ กองทัพทราบรายละเอียดเป็นอย่างดี และเข้าใจดีว่าทำไมถึงดำเนินการเจรจา เพราะทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร.เดินทางไปมาเลเซียพร้อมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ฟังรายละเอียดทั้งหมดแล้ว ท่านก็เข้าใจ ผบ.ทบ.เป็นคนรักลูกน้อง แต่ใจกว้างพร้อมรับฟังอะไรที่ป็นเหตุเป็นผล
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีหลายฝ่ายแสดงความเห็นต้องถึงขั้นประกาศเป็นเขตปกครองพิเศษหรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า เราไม่ได้เจรจาลงรายละเอียดว่าต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีใด เพียงแต่จะดำเนินการในลักษณะที่อยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญและกฎหมายความมั่นคงเท่าที่สามารถจะทำได้ จุดประสงค์จริงอยากให้ทุกคนกลับมาช่วยกันพัฒนาประเทศ อยากเห็น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นจังหวัด “RUBBER CITY” หรือเมืองแห่งยางพารา จะได้สร้างเศรษฐกิจให้มั่นคง ใช้เศรษฐกิจนำการเมืองและนำการทหารดีกว่า ทุกคนจะได้อยู่กันอย่างมีความสุข เมื่อถามว่าการเจรจาลงนามครั้งนี้ถูกวิจารณ์มีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อน พ.ต.ท.ทักษิณตอบว่า ทำไมต้องคิดเรื่องแบบนี้อยู่ตลอดเวลา ตนเป็นคนไทย อยากเห็นประเทศไทยอยู่อย่างสงบสุข ไม่อยากให้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ลุกลามบานปลายกลายเป็นปัญหาระดับประเทศ คนที่คิดมองแต่เรื่องผลประโยชน์ มองในแง่ลบ เป็นพวกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ เป็นพวกไม่ชอบแก้ไขปัญหา แต่ไปวิจารณ์คนอื่นตลอดเวลา