สุราษฎร์ธานี - กลุ่มเครือข่ายปกป้องเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ออกแถลงการณ์ต้านการขุดเจาะสำรวจน้ำมันกลางทะเลจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยระบุว่า เป็นการทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวหนัก
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2556 ที่ห้องประชุมโรงแรมเรือนนครินทร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี กลุ่มเครือข่ายปกป้องเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ประกอบด้วย นายทวีศักดิ์ สุขรัตน์ เครือข่ายประชาสังคมจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายอานนท์ วาทยานนท์ เครือข่ายรักษ์อ่าวไทย นายสถิรพงศ์ สุรินทร์วรางกูร เครือข่ายรักษ์อ่าวไทย นายพงษ์ศักดิ์ เพ็ชรหับ กลุ่มรักเฉวง นายวิจารณ์ ใจเสมอ สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะพะงัน นายพิชัย ศรีใส สถาบันการเรียนรู้และพัฒนาประชาสังคมภาคใต้ นายบรรจง นะแส นายกสมาคมรักษ์ทะเลไทย อ.สมเจตนา มุนีโมไนย นายมานพ ช่วยอินทร์ ผู้ประสานงานศูนย์ประสานงานวิจัยเพื่อท้องถิ่นจังหวัดตรัง นายนิวัตร์ โฮ้เต้กิ้ม กลุ่มยุวชนสร้างสรรค์ จ.สุราษฎร์ธานี นายสนั่น กลับดี เครือข่ายรักษ์ละแม และเครือข่ายพลเมืองปกป้องแผ่นดินถิ่นเกิด ร่วมกันออกแถลงการณ์ “หยุดทำลายเกาะแห่งชีวิต เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า”
โดยนายสถิรพงศ์ สุรินทร์วรางกูร เครือข่ายรักษ์อ่าวไทย ได้อ่านแถลงการณ์ว่า สิ่งที่คนไทยทั้งหมดพึ่งระวังในขณะนี้คือ อาชญากรทางวาทกรรม ซึ่งถูกใช้โดยนักการเมือง และทุนสามานย์ เพื่อทำให้คนไทยเชื่องและเชื่อ อันจะนำไปสู่ขบวนการ “หนึ่งล้านสมอง สองปล้น” ผ่านแคมเปญ “ประเทศนี้กำลังจะขาดแคลนไฟฟ้า ประเทศเราไม่มีน้ำมัน” วาทกรรมทั้งหมดนี้เพื่อทำให้เส้นทางการปล้นประเทศไทยปลอดโปร่ง
สิ่งแรกที่ดำเนินการ คือ ทำให้ประชาชนเชื่องและเชื่อ เพื่อไม่ให้เกิดการตั้งคำถามกับพลังงาน และปิโตรเลี่ยม!!!
ในขณะที่นักวิชาการ และประชาชนลุกขึ้นมาเปิดเผยข้อมูลความจริง พบว่ารัฐมีจุดยืนอันน่าสงสัยว่ายืนอยู่ข้างประโยชน์ของประเทศชาติหรือไม่? จากการแสดงพฤติกรรม “เข้าข้าง” บริษัทน้ำมันมากกว่าการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ
เราเป็นประเทศที่ได้ค่าสัมปทานต่ำอันดับต้นของโลก และใช้น้ำมันแพงที่สุดในอาเซียน ในขณะที่เราเป็นประเทศผู้ผลิตก๊าซ และน้ำมัน อยู่ในอันดับ 30 ประเทศแรกของโลก จึงทำให้สงสัยตลอดเวลาว่า รัฐกำลังทำอะไรอยู่? ที่ไม่ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงระบบการสัมปทานเสียที
การไร้ซึ่งความรับผิดชอบจากกระบวนการขุดเจาะน้ำมันเกิดขึ้นแล้วทั่วประเทศ เช่น พื้นที่ชายฝั่งสงขลา และการเก็บสารกัมมันตรังสีกลางเมืองอย่างไร้ความรับผิดชอบ ความเสียหายทั้งเศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมเป็นที่ประจักษ์แก่แผ่นดินเรา คำถามสำคัญคือ เราจะยอมเชื่องและเชื่อต่อไปหรือไม่
วันนี้ขบวนการสัมปทานน้ำมันได้รับการเปิดไฟเขียวจากรัฐทำให้บริษัทน้ำมันต่างชาติต่างยินดีปรีดากับวิถีของรัฐไทย และได้ระดมกันสัมปทานน้ำมันทั่วทั้งประเทศทั่วทั้งอ่าวไทย และวันนี้เหตุกำลังเกิดที่ สมุย พะงัน เกาะเต่า ซึ่งเป็นไข่แดงทางด้านการท่องเที่ยว และการเป็นแหล่งอาหารตลอดทั้งทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล
ความสำคัญของอ่าวไทย คือ เป็นพื้นที่ “ชีวมณฑล” เป็นพื้นที่ทางทะเลที่ประกอบด้วย ชีวิตทางทะเลที่เอื้อต่อชีวิตมนุษย์มาอย่างยาวนาน เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของประเทศเรา รวมทั้งเพื่อนมนุษย์อีกหลายประเทศ มิพักพูดถึงเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ซึ่งมีความสำคัญเป็นพิเศษในฐานะพื้นที่การท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก หากวันนี้จะต้องแลกมากับทะเลที่มีคราบน้ำมัน การท่องเที่ยวซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศจะล่มสลายลงทันที
เนื่องจากกระทรวงพลังงานจะอนุญาตให้ บริษัทซาลามันเดอร์ และบริษัท ปตท.สผ.-PTT-EP บริษัท ซีอีซี-CEC (นิวคอสตอล-NuCoastal (Thailand) Limited) หรือ คอสเทล-Coastal Energy มีการตั้งแท่นขุดเจาะสำรวจน้ำมันในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยทั้ง 3 ตั้งอยู่ในระหว่างเกาะสมุย พะงัน เกาะเต่า ซึ่งการขุดเจาะจะส่งผลกระทบต่อการอนุรักษ์สัตว์น้ำในฤดูวางไข่ของปลาทู ประกอบกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ
หากเกิดการขุดเจาะน้ำมันจะต้องแลกมากับการล่มลายของเกาะสมุยในฐานะแดนสวรรค์การท่องเที่ยว เราไม่ใช่ไม่ต้องการใช้น้ำมัน แต่เราต้องการใช้น้ำมันคุณภาพดีที่สุดในอ่าวของเรา เราต้องการการสัมปทานที่คุ้มค่าเฉกเช่นประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เราต้องการการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ดี ภายใต้การรักษา “ชีวมณฑล” ในพื้นที่อ่าวไทย ทั้งหมดนี้เป็นไปได้หากพวกเราทั้งหมดรวมพลังกันเพื่อปฏิรูประบบสัมปทานน้ำมันของประเทศ โดยเริ่มต้นวันนี้ที่เกาะสมุย พะงัน เกาะเต่า เราขอเรียกร้องต่อรัฐบาลให้ดำเนินการทันทีดังนี้
1.ยุติการขุดเจาะสำรวจ และผลิตในพื้นที่สมุย พะงัน เกาะเต่า เพราะอยู่ใกล้ชายฝั่งซึ่งจะก่อให้เกิดผลกระทบด้วยสาเหตุดังต่อไปนี้ แปลงสัมปทานอยู่ในพื้นที่ปิดอ่าวทางการประมง ซึ่งมีความสำคัญต่ออาชีพการประมง และอยู่ใกล้กับเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง, กระทบต่อทรัพยากรการท่องเที่ยวซึ่งมีมูลค่านับแสนล้าน, กระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลซึ่งเป็นบ่อเกิดของสรรพชีวิต และความสวยงามทางธรรมชาติ, กระทบต่อแหล่งอาหารทางทะเลที่สำคัญของอ่าวไทย และการขุดเจาะน้ำมันที่ผ่านมาไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติได้รับผลตอบแทนไม่คุ้มค่าจากการขุดเจาะน้ำมัน เราได้รับรายได้เพียงร้อยละ 33 ของมูลค่าทั้งหมด และประชาชนชาวไทยยังใช้น้ำมันราคาแพง
2.ขอให้รัฐทบทวนโครงการอื่นๆ ในอาณาบริเวณที่อาจส่งผลกระทบต่อสมดุลทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องทะเลอ่าวไทย เพราะสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นรากฐานที่สำคัญยิ่งต่อการพัฒนาการท่องเที่ยว และการเป็นแหล่งอาหารของประเทศ
ข้อเรียกร้องของเรามิใช่เพื่อคนสมุย พะงัน เกาะเต่า เพียงกลุ่มเดียว แต่เพื่อประโยชน์ของคนทั้งหมดทั่วประเทศ เพื่อร่วมรักษาพื้นที่อาหารซึ่งร่วมประกาศเจตนารมณ์พร้อมกันทั้งทั่วภาคใต้ รักษาการท่องเที่ยว และเป็นจุดเริ่มต้นการรักษาผลประโยชน์สัมปทานน้ำมันของประเทศ ข้อเรียกร้องของเราคือ จุดเริ่มต้นของภาคีทั้งหมดที่จะร่วมกันเรียกร้องผลักดันจนกว่าจะเปลี่ยนแปลงระบบสัมปทานซึ่งอยู่ในมือของคนเพียงหยิบมือเดียวอีกต่อไป