ระนอง - เจ้าหน้าที่หน่วยบริหารจัดการประมงทะเล เกาะสุรินทร์ จ.พังงา ร่วมประมงจังหวัดพังงาจับเรือประมงต่างด้าวพร้อม 2 ผู้ต้องหา ลอบจับปลาในเขตชีวมณฑลโลก เบื้องต้น สารภาพมาจากจังหวัดเกาะสองประเทศพม่า มีนายทุนชาวไทยจ้างให้มาทำ
เมื่อเวลา 05.30 น.วันนี้ (12 ก.พ.56) นายศักดา สุขเกษม หัวหน้าหน่วยบริหารจัดการประมงทะเล เกาะสุรินทร์ จ.พังงา พร้อมด้วย นายพิทยา มณีโชติ เจ้าหน้าที่ประมงจังหวัดระนอง นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามทางทะเล ลงเรือเร็วเข้าตรวจสอบการลักลอบจับปลาในเขตพื้นที่ชีวมณฑลโลก หลังรับแจ้งจากชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สัตว์น้ำจังหวัดระนอง ว่า พบเห็นเรือประมงของชาวพม่ากำลังใช้เครื่องมือทำการประมงผิดกฎหมาย ทั้งอวนปากเสือ และโพงพางในเขตพื้นที่ชีวมณฑลโลก ด้านใต้ของเกาะหม้อ ม.4 ต.เกาะพยาม อ.เมืองระนอง
เมื่อลาดตระเวนค้นหาไปถึงจุดดังกล่าวพบเรือหางยาว จำนวน 1 ลำ กำลังสาวอวนซึ่งเป็นอวนผิดประเภท ผิดกฎหมายของไทยเพื่อนำสัตว์น้ำขึ้นมา โดยในเรือมีชาวประมงจำนวน 2 คน กำลังตั้งหน้าตั้งตาจับปลาขึ้นจากทะเลโดยไม่ได้สนใจว่าเจ้าหน้าที่นำเรือเข้ามาเทียบ จึงแสดงตัวขอตรวจค้น จากการตรวจค้น และสอบถามเบื้องต้นทราบว่าบุคคลทั้ง 2 เป็นชาวจังหวัดเกาะสองประเทศพม่า ไม่มีหนังสือเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย
ซึ่งจากการสอบถามทราบว่า ทั้ง 2 คน ได้รับการติดต่อว่าจ้างจากนายทุนชาวไทยให้นำเรือมาทำการประมงในบริเวณดังกล่าว โดยจะรับซื้อสัตว์น้ำในราคาที่สูงกว่ารายอื่นๆ พร้อมทั้งบอกว่าหากมีปัญหาจะทำการช่วยเหลือเอง พวกตนจึงนำเรือจากจังหวัดเกาะสองเข้ามาทำการประมงในบริเวณดังกล่าว ตั้งแต่เวลาประมาณ 01.30 น.ที่ผ่านมา จนมาเจอเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบภายในเรือพบสัตว์น้ำหลากหลายชนิดจำนวนหนึ่ง เครื่องมือทำการประมงประเภทอวนตาเสือ โพงพาง เบื้องต้น จึงได้แจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวร่วมกันลักลอบทำการประมงในเขตการประมงไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.2482 และข้อหาใช้เครื่องมือต้องห้ามในการทำประมง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำดำเนินคดี พร้อมทั้งสอบสวนถึงนายทุนรายดังกล่าวเพื่อนำตัวดำมาดำเนินคดีเช่นกัน
นายศักดา กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้เนื่องจากมีพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านที่มีใจอนุรักษ์แจ้งข้อมูลต่างๆ เข้ามาว่า มีชาวต่างด้าวนำเครื่องมือต้องห้ามลักลอบเข้ามาทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำในเขตน่านน้ำจังหวัดระนอง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อนุรักษ์ เพื่อให้สัตว์น้ำได้ทำการแพร่พันธุ์สัตว์น้ำ ซึ่งชาวประมงพื้นบ้านเดือดร้อนจากการลักลอบการกระทำดังกล่าว เนื่องจากกลัวว่าสัตว์น้ำจะไม่มีให้จับอีก เพราะการจับของชาวพม่าที่ใช้เครื่องมือต้องห้ามจับสัตว์น้ำทุกประเภท ทุกขนาด โดยไม่มีการเลือก เป็นการทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำเป็นอย่างมาก อีกทั้งปัจจุบันมีการจ้างชาวพม่ามาทำการประมงผิดกฎหมายมากขึ้น โดยให้สิ่งล่อใจคือ รับซื้อในราคาสูงกว่าท้องตลาด เพราะสัตว์น้ำมีคุณภาพ และสดทุกวัน
เมื่อเวลา 05.30 น.วันนี้ (12 ก.พ.56) นายศักดา สุขเกษม หัวหน้าหน่วยบริหารจัดการประมงทะเล เกาะสุรินทร์ จ.พังงา พร้อมด้วย นายพิทยา มณีโชติ เจ้าหน้าที่ประมงจังหวัดระนอง นำเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามทางทะเล ลงเรือเร็วเข้าตรวจสอบการลักลอบจับปลาในเขตพื้นที่ชีวมณฑลโลก หลังรับแจ้งจากชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์สัตว์น้ำจังหวัดระนอง ว่า พบเห็นเรือประมงของชาวพม่ากำลังใช้เครื่องมือทำการประมงผิดกฎหมาย ทั้งอวนปากเสือ และโพงพางในเขตพื้นที่ชีวมณฑลโลก ด้านใต้ของเกาะหม้อ ม.4 ต.เกาะพยาม อ.เมืองระนอง
เมื่อลาดตระเวนค้นหาไปถึงจุดดังกล่าวพบเรือหางยาว จำนวน 1 ลำ กำลังสาวอวนซึ่งเป็นอวนผิดประเภท ผิดกฎหมายของไทยเพื่อนำสัตว์น้ำขึ้นมา โดยในเรือมีชาวประมงจำนวน 2 คน กำลังตั้งหน้าตั้งตาจับปลาขึ้นจากทะเลโดยไม่ได้สนใจว่าเจ้าหน้าที่นำเรือเข้ามาเทียบ จึงแสดงตัวขอตรวจค้น จากการตรวจค้น และสอบถามเบื้องต้นทราบว่าบุคคลทั้ง 2 เป็นชาวจังหวัดเกาะสองประเทศพม่า ไม่มีหนังสือเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย
ซึ่งจากการสอบถามทราบว่า ทั้ง 2 คน ได้รับการติดต่อว่าจ้างจากนายทุนชาวไทยให้นำเรือมาทำการประมงในบริเวณดังกล่าว โดยจะรับซื้อสัตว์น้ำในราคาที่สูงกว่ารายอื่นๆ พร้อมทั้งบอกว่าหากมีปัญหาจะทำการช่วยเหลือเอง พวกตนจึงนำเรือจากจังหวัดเกาะสองเข้ามาทำการประมงในบริเวณดังกล่าว ตั้งแต่เวลาประมาณ 01.30 น.ที่ผ่านมา จนมาเจอเจ้าหน้าที่ ตรวจสอบภายในเรือพบสัตว์น้ำหลากหลายชนิดจำนวนหนึ่ง เครื่องมือทำการประมงประเภทอวนตาเสือ โพงพาง เบื้องต้น จึงได้แจ้งข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวร่วมกันลักลอบทำการประมงในเขตการประมงไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.2482 และข้อหาใช้เครื่องมือต้องห้ามในการทำประมง ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำดำเนินคดี พร้อมทั้งสอบสวนถึงนายทุนรายดังกล่าวเพื่อนำตัวดำมาดำเนินคดีเช่นกัน
นายศักดา กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้เนื่องจากมีพี่น้องชาวประมงพื้นบ้านที่มีใจอนุรักษ์แจ้งข้อมูลต่างๆ เข้ามาว่า มีชาวต่างด้าวนำเครื่องมือต้องห้ามลักลอบเข้ามาทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำในเขตน่านน้ำจังหวัดระนอง ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อนุรักษ์ เพื่อให้สัตว์น้ำได้ทำการแพร่พันธุ์สัตว์น้ำ ซึ่งชาวประมงพื้นบ้านเดือดร้อนจากการลักลอบการกระทำดังกล่าว เนื่องจากกลัวว่าสัตว์น้ำจะไม่มีให้จับอีก เพราะการจับของชาวพม่าที่ใช้เครื่องมือต้องห้ามจับสัตว์น้ำทุกประเภท ทุกขนาด โดยไม่มีการเลือก เป็นการทำลายทรัพยากรสัตว์น้ำเป็นอย่างมาก อีกทั้งปัจจุบันมีการจ้างชาวพม่ามาทำการประมงผิดกฎหมายมากขึ้น โดยให้สิ่งล่อใจคือ รับซื้อในราคาสูงกว่าท้องตลาด เพราะสัตว์น้ำมีคุณภาพ และสดทุกวัน