xs
xsm
sm
md
lg

ชาวบ้านสุราษฎร์ฯ ร้องอีกถูกเจ้าหน้าที่อุทยานตัดต้นยางทิ้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุราษฎร์ธานี - ฉาวอีก เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็น บุกตัดโค่นต้นยางอายุกว่า 20 ปี เสียหายกว่า 50 ต้น ในพื้นที่ทับซ้อนการประกาศเขตทับที่ชาวบ้าน ผู้นำชุมชนพาชาวสวนเข้าร้องสื่อขอความเป็นธรรม ด้านเจ้าของสวนระบุ ติดคุกอยู่กว่า 10 ปี เพิ่งพ้นโทษออกคุกมา เข้าไปทำกินได้ไม่ถึงเดือนก็ถูกเจ้าหน้าที่ตัดโค่นต้นยางทิ้ง

นายสหัส แก้วเพ่ง อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 249/1 ม.10 ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี พร้อม นายชุมพล ชำนาญจิต ผู้ใหญ่บ้าน ม.10 ได้เข้าร้องเรียนสื่อถึงกรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติใต้ร่มเย็นจำนวนหนึ่ง ได้บุกเข้าตัดโค่นต้นยาง อายุ 20 ปี ที่ปลูกบนเนื้อที่ 20 ไร่ บ้านหนอง 30 ม.10 ต.บ้านส้อง เสียหายไปกว่า 50 ต้น พร้อมนำสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบในพื้นที่เกิดเหตุ

นายชุมพล ผู้ใหญ่บ้าน ระบุว่า ตนเข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่ปี 2548 แปลงยางพาราแปลงนี้ไม่เคยได้รับแจ้งว่ามีคดีความ หรือปิดประกาศ ณ ที่ทำการกำนันผู้ใหญ่บ้านแต่อย่างใด จึงเรียกร้องขอให้ทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ชี้แจงข้อเท็จจริง เพราะในขณะนี้ มีข่าวในหมู่บ้านว่า เกษตรกรชาวสวนยางพารารายใดจ่ายเงินให้แก่เจ้าหน้าที่ก็สามารถกรีดยาง หรือ ตัดต้นยาง และปลูกต้นยางใหม่ในพื้นที่ที่ถูกอุทยานฯ ประกาศทับที่ของเกษตรกรมาตั้งแต่ปี 2534

ซึ่งขณะนี้ได้มีประกาศของผู้ว่าราชการจังหวัด ขอให้ชะลอการตัดทำลายพืชผลอาสินในพื้นที่ทับซ้อนไปจนกว่าการพิสูจน์สิทธิ์จะแล้วเสร็จ แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็มาดำเนินการตัดทำลายต้นยางพาราดังกล่าว จนขณะนี้เกิดความตึงเครียดระหว่างชาวบ้านกับเจ้าหน้าที่ หากปล่อยปัญหาต่อไป คาดว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงได้ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาโดยด่วน

ด้านนายสหัส แก้วเพ่ง ผู้เสียหายกล่าวว่า ที่ดินแปลงดังกล่าว นายสมหมาย นิ่มน้อย พ่อตาของตน ได้เข้ามาบุกเบิกอยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2502 ซึ่งต่อมาประมาณปลายปี 2527 พ่อตาได้ยกให้พร้อมได้ปลูกต้นยางพารา ในพื้นที่ 20 ไร่ เมื่อประมาณปี 2528 ตนได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่น ถูกจำคุกตลอดชีวิต ต่อมา ได้อภัยโทษถึง 5 ครั้ง ก็ได้ออกจากคุกมาเมื่อไม่กี่ปี จึงได้ออกรับจ้างกรีดยางเพื่อหาทุนปลูกบ้าน และเข้าไปดำเนินการกรีดยางในพื้นที่เกิดเหตุ มีรายได้วันละ 650 บาท

เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา ก็พบว่าเจ้าหน้าที่ได้ตัดโค่นตัดยางพาราไปกว่า 50 ต้น ส่วนที่ไม่ได้ตัดโค่นก็ใช้ของมีคมสับโคนต้นยางแล้วนำน้ำยาฆ่าตอราดเพื่อทำไห้ต้นยางยืนต้นตาย ส่งผลตนเองไม่มีรายได้มาจุนเจือครอบครัว จึงได้ไปแจ้งต่อผู้ใหญ่บ้านเพื่อตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ เนื่องจากตนต้องอยู่ในคุกมานานจึงไม่รู้ว่ามีคดีความหรือไม่ หรือมีการปิดประกาศคำเตือนจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ หรือไม่ แต่ก็ได้รับการยืนยันจากผู้นำในชุมชนว่า แปลงยางพาราของตนดังกล่าวไม่มีคดีความ จึงไม่เข้าใจว่าทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ มาดำเนินการตัดโค่นทิ้งด้วยสาเหตุใด

 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น