กระบี่ - “ชวน ภูเก้าล้วน” นักธุรกิจชื่อดังเมืองกระบี่ ให้น้องชาย “กีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน” นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ แจงแทนกรณีเก็บเงินนักท่องเที่ยวขึ้นปอดะไม่ผิด อ้างถึงแม้ศาลฎีกาพิพากษาให้แพ้คดี แต่ก็ยังทำประโยชน์ได้ โดยอาศัย ส.ค.1 ทำประโยชน์ พร้อมเตรียมฟ้องกรมที่ดินที่เพิกถอนเอกสารสิทธิ
จากกรณีที่นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่เกาะปอดะ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ร้องเรียนต่อสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ ให้มีการตรวจสอบกลุ่มบุคคลเรียกเก็บค่าขึ้นเกาะปอดะ เขตอุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี คนละ 20 บาท โดยอ้างว่าเป็นเกาะส่วนตัว ทั้งที่ได้จ่ายค่าธรรมเนียมให้แก่เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ไปแล้ว แต่ต้องมาจ่ายเพิ่มอีก สร้างความสับสนแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ จึงได้ร้องเรียนผ่านสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบ
ซึ่งทางนายไชยธัช บุญภูพันธุ์ตันติ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ของอุทยานฯ เอกชนไม่สามารถจัดเก็บเงินค่าธรรมเนียม หรือเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ได้ เพราะที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้ตัดสินคดีไปแล้ว เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.54 ว่าเอกสาร น.ส.3 ก.จำนวน 4 ฉบับ รวมเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ ที่เอกชนใช้อ้างสิทธิในการครอบครองพื้นที่นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และจะต้องออกจากพื้นที่ หากยังถือครองทำประโยชน์อยู่ก็จะถือว่ากระทำผิด พ.ร.บ.อุทยานฯ และจะต้องถูกจับกุมดำเนินคดี แต่ขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ เพื่อรอหนังสือบังคับคดีก่อน
ล่าสุด วันนี้ ( 8 ก.พ.) นายกีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ ในฐานะน้องชายของ นายชวน ภูเก้าล้วน นักธุรกิจชื่อดังของจังหวัดกระบี่ ผู้อ้างสิทธิครอบครองที่ดินในเกาะปอดะ ม.2 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ ได้ออกมาชี้แจงว่า กรณีที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายแก่นายชวนเป็นอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมา พี่ชายทำงานรับใช้สังคมมาโดยตลอด และเป็นบุคคลสำคัญของจังหวัดกระบี่ “เป็นคนดีศรีกระบี่” จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องออกมาชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน ว่า น.ส.3 ที่ถูกเพิกถอนไปนั้น พี่ชายซื้อมาจากเจ้าของที่ดิน เมื่อปี พ.ศ.2528 ในราคา 2.2 ล้านบาท แต่ต่อมาก็ถูกอุทยานฯ ฟ้องว่า น.ส.3 ที่ออกมาไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมีการฟ้องศาลจนในที่สุดศาลฎีกาตัดสินให้พี่ชายแพ้คดี ซึ่งพี่ชายก็ยอมรับในคำตัดสิน
นากีรติศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนกรณีที่ยังมีการเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวที่ขึ้นเกาะปอดะภายหลังศาลฎีกาตัดสินแล้วด้วยว่า ทางพี่ชาย ยังยึดถือสิทธิในเอกสาร ส.ค.1 ที่ยังมีสิทธิครอบครองอยู่ และกำลังอยู่ระหว่างการยื่นขอออกเอกสารสิทธิใหม่อีกครั้ง พี่ชายจึงยังมีสิทธิที่จะทำประโยชน์ต่อไป ส่วนเงินที่เก็บได้ก็จะนำไปเป็นค่ากำจัดขยะในพื้นที่เกาะปอดะทั้งหมด เพราะแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวขึ้นเกาะจำนวนมาก และกำลังเตรียมที่จะฟ้องร้องกรมที่ดินด้วย ที่เพิกถอนสิทธิ น.ส.3 ของพี่ชายตน โดยไม่ชอบ ทั้งที่การออกเอกสารสิทธิมีก่อนที่กรมอุทยานฯ จะประกาศเกาะปอดะให้เป็นพื้นที่อุทยานฯ ด้วยซ้ำไป