xs
xsm
sm
md
lg

“ดำรงค์ พิเดช” ลงภูเก็ตตามความคืบหน้าดำเนินคดีรุกที่อุทยานฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อธิบดีกรมอุทยานฯ ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้ายุทธการทวงคืนผืนป่าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต แจ้งความดำเนินคดีเจ้าหน้าที่-บุคคลที่เกี่ยวข้องออกเอกสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยานฯ ส่วนอีก 3,000 กว่าไร่ที่บุกรุก แต่งตั้งชุดปฏิบัติการลงมาทำงานตรวจสอบ จำนวน 366 ชุด ในวันที่ 27 ก.ย.นี้
หลักเขตที่ 1 พื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเป็นจุดที่จะระบุได้ว่าส.ค.1ของนางเชยอยู่จุดใหน
เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (25 ก.ย.) ที่ศูนย์อำนวยการตรวจสอบเอกสารสิทธิและปราบปรามการบุกรุกยึดถือครอบครองเอกสารสิทธิในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อมด้วยนายเริงชัย ประยูรเวช รองอธิบดีฯ และคณะ ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าการปฏิบัติงานตามยุทธการทวงคืนผืนป่า ในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต หลังจากที่ได้มีการมอบหมายให้นายสุนทร วัชระกุลดิลก ที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์จำนวน 10 แห่ง จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิ และการก่อสร้างอาคารโรงแรมที่พัก และรีสอร์ตหรูในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ

โดยนายดำรงค์ กล่าวในที่ประชุมว่า สำหรับการดำเนินคดีวันนี้จะแบ่งเป็นลักษณะต่างๆ คือ 1.จากพื้นที่ส่วนที่เกินจากหลักฐานส่วนที่แสดง 2.แจ้งดำเนินคดีออกเอกสารมิชอบ ซึ่งการดำเนินการนั้นส่วนหนึ่งจะทำเรื่องถึง ป.ป.ช.กรณีข้าราชการเกี่ยวข้อง รวมทั้งทำเรื่องการเพิกถอนเอกสารสิทธิถึงกรมที่ดินเพื่อให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ 3.แจ้งความดำเนินคดีตามขั้นตอนพนักงานสอบสวน ตำรวจ อัยการ ศาล เพื่อให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ 4.ผู้ที่ปฏิบัติงานในสนามจะไปแจ้งจับดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ที่ออกเอกสารสิทธิ ซึ่งคาดว่าออกโดยมิชอบ เรื่องการออกเอกสารสิทธิถ้าทางที่ดินบอกว่าออกเอกสารโดยชอบด้วยกฎหมาย ก็ต้องไปพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่ออกหลักฐานหลังประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติ ปี พ.ศ.2507 เป็นต้นมา ก็ไปสู้กันในกระบวนการยุติธรรม

ทั้งนี้ ในที่ประชุมสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ทั้ง 10 เขต ได้รายงานผลการตรวจสอบของแต่ละพื้นที่ที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งประกอบด้วย 1.โรงแรมภูเก็ตอาเคเดียในทอนบีช รีสอร์ท เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 34.6ไร่ 2.โรงแรมภูเก็ตเพนนิซูล่า สปาแอนด์รีสอร์ท เอกสารสิทธิเนื้อที่ 5-2-30 ไร่ 3.บริษัท ลาคอรีน จำกัด เอกสารสิทธิเนื้อที่ 20-3-33 ไร่ ,4.บ้านฝรั่งเนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 7-1-07 ไร่ 5.บริษัท แลนด์สเตรท จำกัด เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 99-0-32 ไร่ 6.บริษัท ทรีดอลฟินซ์ จำกัด เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 121-2-30 ไร่ 7.บริษัท สุรีย์สัมฤทธิ์ จำกัด และมาลัยวนา เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 43-0-0 ไร่ 8.ที่ดินครอบครองโดยบุคคลธรรมดา 1 ราย (นางสุชาดา สังข์สุวรรณ) เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 0-2-00 ไร่ 9.บริษัท อันดามันไวท์บีช จำกัด เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 96-2-70 ไร่ 10.บริษัท ลายันภูเก็ต จำกัด เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 17-3-32 ไร่ 11.บริษัท เซ็นทรัล แอนด์ ซิตี้ ดีวีลอปเม้นท์ เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 25 ไร่ และ 12.บริษัท พาวิลเลี่ยน บีช รีสอร์ท จำกัด เนื้อที่ตามเอกสารสิทธิ 25-2-49 ไร่ นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่เป้าหมายที่จะต้องตรวจสอบเพิ่มเติมอีกจำนวน 379 แปลง เนื้อที่ประมาณ 3,000 ไร่

ทั้งนี้ ผลการตรวจสอบทางเจ้าหน้าที่พบว่ามีความคืบหน้าไปมาก และจะดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ และบุคคลที่เกี่ยวข้องในการออกเอกสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถวันนี้ (25 ก.ย.) และเสนอเพิกถอนเอกสารสิทธิต่อไป และมี 1 โครงการ คือ บริษัทพาวิลเลี่ยน บีช รีสอร์ท จำกัด พื้นที่อยู่นอกเขตอุทยานฯ ส่งเรื่องให้กรมป่าไม้ดำเนินการต่อไป

อย่างไรก็ตาม หลังจากรับฟังบรรยายสรุปผลการดำเนินงานแล้ว อธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมคณะได้ลงตรวจสอบพื้นที่หลักหมุดที่ 1 และหลักหมุดที่ 193 ระบุแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับ ส.ค.1 เนื้อที่ 2 ไร่ 3 งาน ของนางเชย เพชรกุล เจ้าของ ส.ค.1 ที่ถูกต้อง 1 ใน 2 รายที่ได้รับการรับรองถูกต้อง และเป็นจุดเริ่มต้นในการนำไปออกเอกสารสิทธิต่างๆ ในเขตอุทยานฯ ของที่ดินหลายๆ แปลง เพื่อก่อสร้างโรงแรมที่พัก และรีสอร์ตหรู

นายดำรงค์ กล่าวภายหลังการรับฟังบรรยายสรุป และลงตรวจสอบพื้นที่หลักมุดที่ 1 ว่า เป็นการมาติดตามผลการทำงานของเจ้าหน้าที่บริหารพื้นที่อนุรักษ์ต่างๆ จากทั่วประเทศ ในการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ รวมทั้งดำเนินคดีกับผู้บุกรุกถือครองที่ดินโดยผิดกฎหมาย ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องกรณีการออกเอกสารสิทธิในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้ ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกชุดได้ดำเนินการครบถ้วนทุกขั้นตอน และได้เริ่มมีการแจ้งความดำเนินคดีไปแล้วเกือบทั้งหมด ซึ่งก็จะได้แจ้งข้อกล่าวหาไปยังสำนักงาน ป.ป.ช. กรมที่ดิน และส่วนหนึ่งก็จะแจ้งดำเนินคดีตามขั้นตอนพนักงานสอบสวน รวมทั้งการส่งฟ้องศาล เพื่อให้ดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ ทั้งในส่วนที่มีการออกเอกสารสิทธิส่วนที่เกินเข้ามาในเขตอุทยานฯ ก็เสนอให้มีการเพิกถอน

“จากการที่ได้มาดูหลักเขตที่ 1 ของในการประกาศเขตป่าสงวนแห่งชาติปี 2507 ซึ่งจะเชื่อมโยงตามแนวรังวัด และ ส.ค.1 ของนางเชย เพชรกุล ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในการออกเอกสารสิทธิอื่นๆ จะเกี่ยวโยงกับแนวเขต ส.ค.1 ของนางเชย เพชรกุล ซึ่งมีการนำไปออกเอกสารสิทธิในที่ดินแปลงต่างๆ และพบว่า เป็นที่ดินซึ่งอยู่ในเขตอุทยานฯ โดยจากการตรวจสอบ และมีการแปลภาพถ่ายทำให้มีความชัดเจนว่าพื้นที่ใดเป็นของนางเชย และพื้นที่ได้เป็นแนวเขตของอุทยานฯ”

นายดำรงค์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า ในส่วนของการตรวจสอบพื้นที่อีกประมาณ 3,000 กว่าไร่ที่ถูกบุกรุก ก็จะตั้งชุดปฏิบัติการลงมาทำงาน จำนวน 366 ชุด ชุดละ 6 คน โดยจะออกคำสั่งในวันที่ 27 ก.ย.นี้ และจะใช้ชุดปฏิบัติการดังกล่าวดำเนินการตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่อุทยานฯ ทั่วประเทศ โดยเริ่มจากอุทยานฯ สิรินาถ เป็นแห่งแรก คาดว่าจะเริ่มทำงานได้ประมาณกลางเดือนตุลาคมนี้ เพราะจะต้องมีการอบรมความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนการทำงาน และกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อน มั่นใจว่าอธิบดีคนใหม่ก็น่าจะสานต่อ เพราะไม่เช่นนั้นก็ต้องตอบคำถามของสังคม
กำลังโหลดความคิดเห็น