xs
xsm
sm
md
lg

เร่งเพิกถอนเอกสารสิทธิบุกรุกเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยกว่า 1,000 ไร่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พัทลุง - เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยแจ้งความดำเนินคดีผู้ถือครองที่ดินซึ่งบุกรุกเขตห้ามล่าฯ หลายราย ไม่เว้นแม้แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมส่งเรื่องให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินแล้วประมาณ 1,000 ไร่ คาดว่ากรมที่ดินจะเพิกถอนเอกสารสิทธิในเร็วๆ นี้

วันนี้ (1 ก.พ.) นายชาย ชาติสุวรรณ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง แถลงข่าวถึงปัญหาการบุกรุกพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยว่า กลุ่มนายทุนหลายกลุ่มได้อ้างเอกสารสิทธิที่ดินครอบครองพื้นที่ในเขตห้ามล่าฯ โดยเฉพาะกลุ่มทุนที่อ้างว่ารับซื้อที่ดินมาจากชาวบ้านในเขต จ.พัทลุง และเขต อ.ระโนด จ.สงขลา เมื่อเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่ก็พบว่า มีการบุกรุกที่ดินที่อยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จึงได้แจ้งความดำเนินคดีต่อผู้ที่ถือครองที่ดินหลายราย และได้ส่งเรื่องให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินแล้วประมาณ 1,000 ไร่

ส่วนกรณีที่กลุ่มทุนที่ถือครองที่ดินในรูปของบริษัทจำนวน 2,000 ไร่ และเป็นพื้นที่สร้างรังวางไข่ของฝูงนก กรมที่ดินก็ได้รับเรื่องไปดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ ทางกรมอุทยานแห่งชาติก็ติดตามเรื่องมาโดยตลอด ซึ่งคาดว่ากรมที่ดินจะเพิกถอนเอกสารสิทธิในเร็วๆ นี้

สำหรับคดีที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยได้แจ้งความดำเนินคดีต่อเทศบาลตำบลทะเลน้อย ในข้อกล่าวหาถมที่ล้ำเขตห้ามล่าฯ นั้น ทางเขตได้แจ้งความดำเนินคดีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไว้แล้ว 3 คดี ก่อนหน้านี้ ศาลได้ตัดสินให้จำคุกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นเวลา 2 ปี ศาลสั่งให้รอลงอาญา ส่วนเทศบาลตำบลทะเลน้อยต้องจ่ายค่าปรับ 5 หมื่นบาท และยังค้างอยู่อีก 2 คดี ที่อยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน สภ.ทะเลน้อย ในความผิดที่คล้ายกัน ส่วนผลการสอบสวนจะออกมาอย่างไรก็อยู่ที่พยานหลักฐาน แต่ก็มั่นใจว่า โครงการพัฒนาของเทศบาลตำบลทะเลน้อยรุกเขตห้ามล่าฯ ต้องแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้บุกรุกทุกราย ไม้เว้นแม้แต่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

ทางด้านนายนาคิน แก้วบุญส่ง ประธานชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและดูนกจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ปีนี้ฝูงนกอพยพ และนกประจำถิ่นจำนวนมากได้สร้างรังวางไข่อยู่ที่คลองราโพในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ในแต่ละวันก็มีนักท่องเที่ยวล่องเรือเข้าไปชมแหล่งสร้างรังวางไข่ของฝูงนกเป็นจำนวนมาก แต่ก็ทราบว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวมีนายทุนใหญ่จาก จ.สงขลา ครอบครองที่ดิน โดยอ้างเอกสารสิทธิ น.ส.3 ครองที่ดินนับพันไร่ และถ้าหากมีการจุดไฟเผาป่าเพื่อพัฒนาที่ดินปลูกปาล์มน้ำมัน ฝูงนกก็จะไม่มีที่อยู่ เพราะเป็นผืนป่าแปลงสุดท้ายที่ฝูงนกได้อยู่อาศัย จึงอยากเรียกร้องให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบเอกสารสิทธิที่ดินว่าผู้ที่แอบอ้างได้มาชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะถ้าดูด้วยสายตาก็จะเห็นว่าเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ และมีน้ำท่วมขังตลอดปี
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น