พัทลุง - หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย เผยเบื้องหลังการเผาป่าพรุเพื่อบุกรุกเปลี่ยนสภาพป่าเป็นที่ทำกินทำเป็นขบวนการ เพื่อการออกโฉนดโดยมิชอบ ซึ่งมีนักการเมืองระดับ ส.ส. และท้องถิ่นทั้งระดับ นายก อบจ., นายกเทศมนตรีหนุนหลัง เผยถูกกลุ่มนี้ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลขอให้ย้ายทั้งผู้ว่าฯ และตนออกจากพื้นที่เพื่อรุกป่าได้ง่ายขึ้น
สถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุทะเลน้อยยังคงลุกลามอย่างต่อเนื่อง แม้เจ้าหน้าที่กำลังระดมกำลังเข้าดับไฟ แต่ยังไม่สามารถควบคุมไฟที่ลุกโหมได้ เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด และความแห้งแล้งมานานกว่า 2 เดือน จึงทำให้ยากลำบากต่อการดับไฟ ทำให้พื้นที่ป่าพรุได้รับความเสียหายไปแล้วเกือบ 2,000 ไร่
นายชาย สุวรรณชาติ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง กล่าวถึงกรณีที่ชาวบ้านบุกรุกที่สงวนในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยว่า ปัญหาการรุกก็มีต่อเนื่องมาแล้วหลายปี และเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้นิ่งดูดาย พยายามตรวจสอบ และแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้บุกรุกที่สงวน และเปลี่ยนสภาพป่ามาโดยตลอด แต่ที่ไม่สามารถตรวจยึดที่คืนได้มากนักนั้น เป็นเพราะผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของที่ดินได้มีการแสดงเอกสารเป็น น.ส.3 ก และ ส.ค.1 ทางเขตก็ต้องส่งเอกสารให้สำนักงานที่ดินตรวจสอบว่าเอกสารได้มาโดยชอบหรือไม่
ที่ผ่านมา เขตห้ามล่าฯ ได้ประสานให้ที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิได้แล้ว 33 ฉบับ ที่ดิน 1,269 ไร่ และยังอยู่ระหว่างตรวจสอบอีกจำนวน 606 ฉบับ อยู่ระหว่างเพิกถอน 21 ฉบับ และกำลังส่งเรื่องให้กรมอุทยานฯ ประสานกับกรมที่ดินเพิกถอนอีก 49 ฉบับ รวมพื้นที่อยู่ระหว่างดำเนินการเพิกถอนเอกสารสิทธิ 2,000 กว่าไร่ และที่คดีถึงที่สุดแล้วจำนวน 10 ราย
นอกจากนี้ ทางเขตห้ามล่าฯ ยังได้ฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจากผู้บุกรุกเปลี่ยนสภาพป่าจำนวน 99 คดี โดยเฉพาะรายที่คดีถึงที่สุดแล้ว บางรายถูกฟ้องเรียกค่าเสียหายสูงถึง 20 ล้านบาท และส่วนหนึ่งก็ได้จ่ายเงินแล้ว
นายชาย กล่าวอีกว่า รายชื่อผู้ที่ยื่นเอกสารที่ดินให้ตรวจสอบนั้น มีทั้งที่เป็นชาวบ้านในพื้นที่ กลุ่มนายทุน และยังมีนักการเมืองใหญ่ที่เป็น ส.ส., นายก อบจ.และนายกเทศมนตรี ครอบครองที่ดินโดยอ้างมีเอกสารสิทธิถูกต้องรายละ 300-400 ไร่ คนกลุ่มนี้ จะดำเนินการในรูปแบบบริษัท แต่บางรายได้ตรวจสอบแล้ว เอกสารที่ได้มาไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทางเขตห้ามล่าฯ ก็ได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันเรียบร้อยแล้ว ส่วนแรงงานพม่าที่ทำงานเฝ้าที่ดินของนายทุนอยู่บริเวณคลองราโพ ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยนั้น ก็ได้สั่งให้ออกจากพื้นที่ไปแล้ว แต่ถ้ายังดื้อไม่ยอมออกจากพื้นที่ ก็จะต้องแจ้งความจับกุมดำเนินคดี
ส่วนกรณีที่นักการเมืองนำรถแบ็กโฮลงแพลากไปขุดดินยกร่องในป่าพรุนั้น ทางเขตก็ทราบดี แต่ก็ไม่มีอำนาจจับกุม เนื่องจากเจ้าของที่ดินได้ส่งเอกสารให้ตรวจสอบ เมื่ออยู่ระหว่างตรวจสอบจะไปแจ้งความ หรือจับกุมดำเนินคดีไม่ได้ ก็ยังเป็นปัญหาที่ระบบราชการ บางรายส่งเอกสารที่ดินไปตรวจสอบนานกว่า 3 ปี ผลก็ยังไม่คืบหน้า ก็ไม่รู้ว่าจะไปเอาผิดได้อย่างไร
หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ยังกล่าวด้วยว่า คนกลุ่มนี้เป็นผู้มีอิทธิพล และอยู่ระหว่างวิ่งขอให้ย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด และให้ย้ายตนออกนอกเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย เนื่องจากทำให้นายทุน และนักการเมืองบางคนเดือดร้อน แต่ก็ไม่ได้กังวลใจอะไร เพราะผู้บังคับบัญชาส่งมาแก้ปัญหาการบุกรุกที่ดินและดำเนินการตรวจสอบเอกสารเพื่อนำไปสู่ขั้นตอนของกฎหมาย