ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต นำหมายศาลจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจค้นที่ดิน น.ส.3 ก เลขที่ 76 เนื้อที่ 8 ไร่ ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ที่สร้างเป็นบ้านพักตากอากาศหรู ระบุ การออกเอกสารสิทธิไม่ชอบด้วยกฎหมาย ออกโดยการเดินสำรวจเฉพาะรายปี 2527 หลังประกาศเขตอุทยานฯ แล้ว พร้อมหอบเอกสารแจ้งความที่ สภ.ท่าฉัตรไชย เอาผิดเจ้าหน้าที่ที่ออกเอกสารสิทธิที่ดินแปลงดังกล่าว ส่วนแปลงรีสอร์ตหรูอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
วันนี้ (26 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการตรวจสอบเอกสารสิทธิและปราบปรามการบุกรุก ยึดถือ ครอบครองที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต กว่า 15 นาย นำโดยนายเสริมยศ สมมั่น ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 (เชียงใหม่) นายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต และนายสุนทร วัชระกุลดิลก ที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ด้านปราบปราม ได้นำหมายค้นของศาลจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจค้นที่ดิน น.ส.3 ก เลขที่ 76 เนื้อที่ประมาณ 8 ไร่ ตั้งอยู่หมู่ 6 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต พบมีสิ่งปลูกสร้าง เป็นบ้านพักตากอากาศหรู จำนวน 1 หลัง ด้านหน้ามองเห็นวิวทะเลสวยงาม ปัจจุบันมีชาวต่างชาติเป็นผู้ถือครอง
ทั้งนี้ การลงตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว สืบเนื่องจากมีการตรวจสอบพบว่ามีการออกเอกสารสิทธิในพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งออกเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือ น.ส.3 ก โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ออกเมื่อ พ.ศ.2527 หลังการประกาศเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ พ.ศ.2524
อย่างไรก็ตาม หลังการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรท่าฉัตรไชย เพื่อดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ที่ออกเอกสาร น.ส.3 ก ในพื้นที่อุทยานดังกล่าวต่อไป ส่วนการเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในเร็วๆ นี้
นายสุนทรกล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าที่ดินแปลงดังกล่าวออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพราะออกเป็น น.ส.3 ก เมื่อ พ.ศ.2527 หลังการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ พ.ศ.2524 ซึ่งการที่จะออกหลักฐานโฉนดที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ถ้าหากไม่มีหลักฐานเดิม เช่น ส.ค.1 ที่ถูกต้องตามกฎหมายจะออกไม่ได้ และปรากฏว่า ที่ดินแปลงนี้ออกโดยการเดินสำรวจเฉพาะราย ตามมาตรา 58 ซึ่งตามมาตรา 58 ประมวลกฎหมายที่ดิน ออกไม่ได้ ถ้ามีการออกเอกสารสิทธิก็ถือว่าผิดกฎหมาย เพราะว่าที่ตรงนี้เป็นพื้นที่อนุรักษ์
ด้านนายเสริมยศ กล่าวถึงการเอาผิดผู้ที่ออกเอกสารสิทธิในที่ดินแปลงดังกล่าวว่า ในที่อนุรักษ์การออกเอกสารสิทธิต่างๆ ต้องมีที่ไปที่มา ต้องมี ส.ค.1 หรือ น.ส.3 ก แต่ที่ดินแปลงนี้เป็นการเดินสำรวจเฉพาะราย ซึ่งผู้ครอบครองในขณะนี้ไม่ผิด แต่เราจะเอาผิดผู้ที่ออกเอกสารสิทธิแปลงดังกล่าว โดยวันนี้ (26 ส.ค.) จะเข้าแจ้งความเพื่อเอาผิดผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการออกเอกสารสิทธิแปลงดังกล่าวต่อไป
ส่วนการเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินแปลงดังกล่าว ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน เนื่องจากได้มีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไว้แล้วในการดำเนินการเรื่องนี้ โดยเฉพาะทางฝ่ายปกครอง และฝ่ายยุติธรรมของจังหวัดภูเก็ต และในส่วนของสิ่งปลูกสร้างถ้าศาลสั่งว่าผิดจะต้องรื้อถอน ตามมาตรา 22 ต่อไป
นายเสริมยศ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบพื้นที่โรงแรมตรีสรา บริษัท ทรีดอลฟินซ์ จำกัด เลขที่ 60/1 หมู่ 6 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานฯ ด้วยว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีการทำประโยชน์เท่าไหร่ และถ้าพบส่วนไหนที่เกินจากเอกสารสิทธิที่ดิน ต้องดำเนินคดี เพราะถือว่าเป็นที่อุทยานฯ ส่วนที่เป็นเอกสารสิทธิก็ต้องตรวจลึกลงไปว่า มาจาก ส.ค.1 แปลง แต่เท่าที่ทราบ ส.ค.1 ใบเดียว มีเนื้อที่ 20 ไร่ แต่ปัจจุบันกลายมาเป็นโฉนดเกือบ 200 ไร่ เพราะฉะนั้น ความไม่ชอบมาพากลตรงนี้ต้องตรวจสอบ ซึ่งตรงส่วนนี้คงเป็นขั้นตอนระหว่างกรมอุทยานฯ กับกรมที่ดิน ที่จะหาความกระจ่างให้ชัดเจนต่อไป
“ในปี 2508 มีการสำรวจ และชดเชยผู้ที่ถือครองที่มีหลักฐาน ส.ค.1 ในพื้นที่ป่าสงวนในภูเก็ต ทั้งหมด 5 ราย ได้มีการจ่ายเงินชดเชยไปแล้ว และอีก 35 รายเป็นผู้บุกรุกที่ไม่มีเอกสาร ซึ่งก็ได้ดำเนินคดีไปเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งศาลสั่งให้ออกจากพื้นที่ตั้งแต่วันนั้นแล้ว โดยข้อสมมติฐานหลังจากปี 2508 ไม่ควรมีหลักฐานใดๆ ทั้งสิ้นแล้ว แต่มาวันนี้ มีเอกสารสิทธิที่ดินเป็นพันๆ แปลงโผล่ขึ้นมา รวมทั้งโรงแรมตรีสราด้วย”