xs
xsm
sm
md
lg

เลขาธิการ ศอ.บต. รุดเดินหน้าโครงการฟื้นฟูนาร้างปัตตานี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัตตานี - เลขาธิการ ศอ.บต. รุดเดินหน้าโครงการฟื้นฟูนาร้างในจังหวัดชายแดนใต้ นำคณะเกษตรกรจังหวัดชายแดนภาคใต้ กว่า 120 ชีวิต ศึกษาดูงานโรงเรียนนาข้าวจังหวัดสุพรรณบุรี ชาวปัตตานีรู้สึกยินดีกับโครงการนี้ และฝากขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง

วันนี้ (23 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายว่า ที่ศูนย์เรียนรู้หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมด้วย นายขวัญชาติ วงศ์ศุภรานันต์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี นายนายวุฒิศักดิ์ สุวรรณ ผู้อำนวยการส่วนประสานการพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักประสานนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม นำคณะเกษตรกร กลุ่มสตรี และเยาวชน จาก จ.ปัตตานี กว่า 120 คน ศึกษาดูงาน ณ ศูนย์เรียนรู้หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ตามโครงการฟื้นฟูนาร้างเป็นนาข้าวแก่เกษตรกรพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมี นายประภัตร โพธสุธน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะรวม 20 คน ให้เกียตริเป็นวิทยากรในการให้ความรู้

โครงการฟื้นฟูนาร้างเป็นนาข้าวแก่เกษตรกรพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เกิดขึ้นตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ร่วมกับโรงเรียนชาวนาสุพรรณบุรี โดยนายประภัตร โพธสุธน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะรวม 20 คน ได้ร่วมจัดทำโครงการฟื้นฟูนาร้างในปี 2556 มีพื้นที่เป้าหมายดำเนินการ จำนวน 20,000 ไร่ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยโรงเรียนชาวนาสุพรรณบุรีได้ดำเนินการจัดส่งเครื่องจักรขนาดใหญ่ และขนาดเล็กลงในพื้นที่เป้าหมายเพื่อนำร่องก่อน โดยมีหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงมหาดไทย ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการฝึกอบรมชาวนาที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 3 รุ่นๆ ละ 120 คน โดยจะเริ่มรุ่นที่ 1 ของ จ.ปัตตานี ระหว่างวันที่ 20-29 ม.ค.2556

ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2556 ที่ผ่านมา นายประภัตร โพธสุธน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะ ได้สำรวจพื้นที่ และชี้แจงวิธีการทำนาที่ถูกต้อง พร้อมสอบถามวิธีการทำงานของพื้นที่มีผลผลิตเท่าไหร่ต่อไร่ และได้ชี้แจงการทำนาให้ได้ผลดี จะต้องทราบถึงวิธีปฏิบัติตลอดฤดูกาล ทำนาในแต่ละช่วงควรปฏิบัติอย่างไรเพื่อให้ได้ผลผลิตต่อไร่สูงสุด และเสนอให้เกษตรกรไปเรียนวิธีการทำนาที่ จ.สุพรรณบุรี ซึ่งมีเกษตรกรตอบรับเข้าร่วมอย่างมากมาย

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า การเร่งพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ การเร่งพัฒนาด้านการเกษตร เพราะประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม นอกจากให้ความรู้ ส่งเสริมให้ทำการเกษตรกันแล้ว ต้องหาตลาดเพื่อรองรับสินค้าด้วย งบประมาณในการพัฒนาที่รัฐบาลจัดสรรให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง แต่สำคัญที่สุดคือ การให้ความรู้ควบคู่กับการส่งเสริมการตลาด ในวันนี้ตนเองเชื่อว่า เราต้องหันมาเปลี่ยนจากซื้ออาวุธ เครื่องกระสุน เป็นการซื้อใจคน และต้องให้เขาสามารถอยู่ได้ด้วยตนเองในระยะยาวด้วย เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้กล่าวทิ้งท้าย

ทางด้าน นางวาลือเมาะ เงาะ กำนัน ต.สะกำ อ.มายอ จ.ปัตตานี กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่โครงการนี้เป็นรูปธรรม ทำให้ชาว จ.ปัตตานี สมัครใจเข้ารับการอบรมเพื่อเรียนรู้ขั้นตอนการทำนา นำไปประกอบเป็นอาชีพนอกเหนือจากการทำสวยยางพารา สำหรับในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งแต่ จ.ปัตตานี จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส พบมีพื้นที่นาถูกปล่อยทิ้งร้าง จำนวน 30,000 ไร่ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้เข้าไปส่งเสริมให้เกษตรกรรื้อฟื้นพื้นที่นาร้างกลับมาทำนาใหม่ โดยสนับสนุนเครื่องจักรกลหนักทางการเกษตร และแนะนำให้ทำการเกษตรปลอดสารพิษ ผลิตข้าวอินทรีย์ และข้าวกึ่งอินทรีย์ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายเรื่องปุ๋ยเคมีซึ่งมีราคาแพง

โครงการฟื้นฟูนาร้างเป็นนาข้าวจะช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีช่องทางในการประกอบอาชีพที่สอดคล้องกับเศรษฐกิจปัจจุบัน และส่งเสริมให้ประชาชนใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ภายใต้การสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลกว่า 50 ล้านบาท ตนเองจึงอยากฝากขอบคุณทางรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ได้อย่างแท้จริง

โครงการฟื้นฟูนาร้างในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่ 6 การเสริมสร้างความเชื่อมั่น และเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่วิถีชีวิต และความต้องการของประชาชน เห็นควรสนับสนุนโครงการดังกล่าว เพราะจะทำให้เกษตรกรชาวนาไม่ต่ำกว่า 5,000 ครัวเรือน ได้รับการฟื้นฟูนาร้าง สามารถกลับมาทำนาเพื่อปลูกข้าวได้ผลผลิตประมาณ 80 ถังต่อไร่ รวม 16,000,000 ถัง คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,600,000,000 บาท (ราคาข้าวเปลือกเกวียนละ 10,000 บาท) เดิมในพื้นที่เกษตรกรทำนาได้ประมาณ 40 ถังต่อไร่ เพื่อให้เกษตรกรได้มีผลผลิตข้าวตลอดทั้งปี



 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น