นราธิวาส - บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.นราธิวาส ได้รับมอบเยาวชนเพศชายชาวโรฮิงญา อายุระหว่าง 9-12 ปี จำนวน 18 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้จากพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา มาพักอาศัยชั่วคราวที่เรือนนอนในระหว่างที่รอการดำเนินการช่วยเหลือตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ทางการไทย
วันนี้ (15 ม.ค.) เมื่อเวลา 13.40 น. นายโมหามัส ซากี หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.นราธิวาส ได้รับมอบเยาวชนเพศชายชาวโรฮิงญา อายุระหว่าง 9-12 ปี จำนวน 18 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้จากพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา มาพักอาศัยชั่วคราวที่เรือนนอนในระหว่างที่รอการดำเนินการช่วยเหลือตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ทางการไทย
ซึ่งบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.นราธิวาส มีงบประมาณจำกัด ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือได้เต็มรูปแบบ จึงวิงวอนผู้ใจบุญสนับสนุนในเรื่องของเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เพราะเยาวชนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีเพียงเสื้อผ้าที่สวมใส่เพียงชุดเดียว และสามารถติดต่อรับบริจาคได้ที่สำนักงานบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.นราธิวาส ซึ่งตั้งอยู่ศูนย์ราชการ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส หมายเลขโทรศัพท์สายด่วน 1300
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ ด.ช.นูรฮาซิม อายุ 10 ปี 1 ใน 18 เยาวชนผ่านล่าม ซึ่งตามร่างกายมีรอยถูกตี และถูกฟันเป็นแผลเป็นตามลำตัวหลายแห่ง ทราบว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ตนและครอบครัวรวม 5 คน อาศัยอยู่ที่รัฐยะไข่ ประเทศพม่า ถูกทางการพม่าใช้ความโหดเหี้ยมทำร้ายพลเรือนด้วยการข่มขืน และฆ่า เพื่อให้ชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่ในรัฐยะไข่หลบหนีออกจากนอกประเทศ พ่อแม่ และพี่รวม 4 คน ถูกทางการสังหารโหดจนเสียชีวิต พวกตนจำนวน 140 คน ที่รวมตัวกันได้ไปขอความช่วยเหลือจากคนรวยคนหนึ่งที่รัฐยะไข่ เขาได้ให้เรือมา 1 ลำ และทั้งหมดได้ลงเรือลอยลำอยู่ในทะเลนาน 2 เดือน โดยอาศัยกินน้ำทะเลประทังชีวิต เพื่อต้องการเดินทางไปลี้ภัยในประเทศที่ 3 ซึ่งเป็นโลกมุสลิม
จนกระทั่งถึงประเทศไทยโดยทั้งหมดไม่ทราบว่าขึ้นฝั่งที่ไหน ได้พบกับบุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ทหารจะให้การช่วยเหลือโดยได้เรียกเงินคนละ 1 แสน 5 หมื่นบาท แล้วจะนำไปส่งอยู่ในประเทศมาเลเซีย พวกตนหลงกลถูกคนที่อ้างตัวว่าเป็นทหารได้ไปขายพวกตนแก่นายหน้าอีกทอดหนึ่ง แล้วก็ถูกนำไปพักอาศัยอยู่ในโรงเรือนขนาดใหญ่ โดยนายหน้าอ้างว่ารอการเดินทาง แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่บุกจับกุมตัวได้ในที่สุด
โดย ด.ช.นูรฮาซิม ได้พูดคุยผ่านล่ามอีกด้วยว่า ชาวโรฮิงญาทุกคนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยต้องการหาผู้อุปการะแลกกับการทำงาน เพราะขณะนี้ รัฐยะไข่ ประเทศพม่า มีแต่ความรุนแรงผู้มีอำนาจในรัฐต้องการที่จะควบคุมคนมุสลิมให้น้อยลง หรือเป็นไปได้ก็ไม่ขอให้มีเลยสักคนเดียว ถ้าทางการส่งตัวกลับประเทศ พวกตนทั้งหมดต้องตายแน่นอน
ซึ่งการหลบหนีออกนอกประเทศพม่าในครั้งนี้ คนรวยแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐยะไข่เองยังสนับสนุน และให้การช่วยเหลือเพื่อเดินทางไปลี้ภัยในประเทศที่ 3 พ่อแม่ของตนเองยังเคยพูดคุยสมัยที่มีชีวิตว่า ชาวโรฮิงญาทั้งหมดที่ลี้ภัยต้องการความช่วยเหลือจากสหประชาชาติ และโอไอซี พวกตนที่รอดตายมาได้ถือว่าโชคดีที่เรือลอยลำมาขึ้นฝั่งที่ประเทศไทย แต่น้อยใจอยู่อย่างหนึ่งคือ ถูกคนที่อ้างตัวว่าเป็นทหารมาขูดรีดเงินพวกตนว่าจะนำไปอยู่ที่ประเทศมาเลเซียแต่กลับมาขายให้แก่นายหน้าเป็นทอดๆ