ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ดูแลชาวโรฮิงญาทั้ง 704 คนอย่างดี ระหว่างที่รอส่งตัวกลับภูมิลำเนา พบมีทั้งกลุ่มที่สมัครใจ และถูกล่อลวง ปัญหาสำคัญคือ ขาดแคลนนมผงสำหรับเด็ก พร้อมเร่งเชิญตัวนักการเมืองท้องถิ่นเจ้าของสวนยางบริเวณที่ใช้กักขังมาสอบสวน
วันนี้ (11 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีการช่วยเหลือกลุ่มมุสลิมโรฮิงญา ทั้ง 704 คน ที่ถูกขบวนการค้ามนุษย์นำมากักตัวไว้ในพื้นที่ ต.สำนักขาม และ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อรอส่งไปยังประเทศที่ 3 และขายเป็นแรงงานประมง
ล่าสุด พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้บังคับการกองแผนงานอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่เพื่อดูแล และให้การช่วยเหลือมุสลิมโรฮิงญาทั้ง 2 กลุ่มอย่างดีที่สุดในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวในประเทศไทยเพื่อรอส่งกลับภูมิลำเนา ทั้งในเรื่องของอาหารการกิน และสภาพความเป็นอยู่ โดยทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้จัดงบประมาณเข้ามาช่วยเหลือส่วนหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาร่วมทำงานกับตำรวจในพื้นที่ เพื่อขยายผลไปยังเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติกลุ่มนี้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเครือข่ายใหญ่ที่เชื่อมโยงกันใน 3 ประเทศ ทั้งพม่า ไทย และมาเลเซีย
ขณะที่การช่วยเหลือมุสลิมโรฮิงญาทั้ง 704 คนนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการคัดแยกออกเป็น 2 กลุ่ม โดยผู้หญิง และเด็กจำนวน 105 คน ได้ถูกส่งตัวไปดูแลที่บ้านพักเด็ก และครอบครัว จ.สงขลา ส่วนผู้ชายจะกระจายไปดูแลทั้งที่ ตม.สะเดา ตม.ปาดังเบซาร์ และสถานีตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อลดความแออัด อย่างไรก็ตาม ปัญหาขณะนี้คือยังขาดแคลนนมผงสำหรับเด็กเล็ก ซึ่งผู้ใจบุญสามารถบริจาคได้ที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.สงขลา
สำหรับความคืบหน้าการสอบสวนขยายผลในทางคดีนั้น ในส่วนของกลุ่มโรฮิงญาที่ถูกกักตัวไว้ในพื้นที่ ต.สำนักขาม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กทราบว่า เตรียมเดินทางเข้าไปในประเทศมาเลเซียเพื่อไปหาสามี และญาติที่เดินทางเข้าไปก่อนหน้านี้ ไม่ได้ถูกบังคับหรือขู่เข็ญ ส่วนกลุ่มโรงฮิงญาที่ถูกกักตัวอยู่ในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ พบว่ามีทั้งสมัครใจมาเอง และตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ที่ล่อลวงมา เพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 และเป็นแรงงานประมง
อย่างไรก็ตาม สำหรับเจ้าของสวนยางที่ใช้เป็นสถานที่กักขังซึ่งเป็นของนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งใน ต.ปาดังเบซาร์นั้น เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวมาสอบสวนซึ่งคาดว่าจะเข้าให้การภายใน 1-2 วันนี้ หากมีส่วนรู้เห็นก็จะแจ้งข้อหาให้การช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และให้ที่พักพิง หรืออาจจะกันตัวไว้เป็นพยาน
วันนี้ (11 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีการช่วยเหลือกลุ่มมุสลิมโรฮิงญา ทั้ง 704 คน ที่ถูกขบวนการค้ามนุษย์นำมากักตัวไว้ในพื้นที่ ต.สำนักขาม และ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อรอส่งไปยังประเทศที่ 3 และขายเป็นแรงงานประมง
ล่าสุด พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้บังคับการกองแผนงานอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่เพื่อดูแล และให้การช่วยเหลือมุสลิมโรฮิงญาทั้ง 2 กลุ่มอย่างดีที่สุดในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวในประเทศไทยเพื่อรอส่งกลับภูมิลำเนา ทั้งในเรื่องของอาหารการกิน และสภาพความเป็นอยู่ โดยทางกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้จัดงบประมาณเข้ามาช่วยเหลือส่วนหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาร่วมทำงานกับตำรวจในพื้นที่ เพื่อขยายผลไปยังเครือข่ายขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติกลุ่มนี้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเครือข่ายใหญ่ที่เชื่อมโยงกันใน 3 ประเทศ ทั้งพม่า ไทย และมาเลเซีย
ขณะที่การช่วยเหลือมุสลิมโรฮิงญาทั้ง 704 คนนั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการคัดแยกออกเป็น 2 กลุ่ม โดยผู้หญิง และเด็กจำนวน 105 คน ได้ถูกส่งตัวไปดูแลที่บ้านพักเด็ก และครอบครัว จ.สงขลา ส่วนผู้ชายจะกระจายไปดูแลทั้งที่ ตม.สะเดา ตม.ปาดังเบซาร์ และสถานีตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อลดความแออัด อย่างไรก็ตาม ปัญหาขณะนี้คือยังขาดแคลนนมผงสำหรับเด็กเล็ก ซึ่งผู้ใจบุญสามารถบริจาคได้ที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.สงขลา
สำหรับความคืบหน้าการสอบสวนขยายผลในทางคดีนั้น ในส่วนของกลุ่มโรฮิงญาที่ถูกกักตัวไว้ในพื้นที่ ต.สำนักขาม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กทราบว่า เตรียมเดินทางเข้าไปในประเทศมาเลเซียเพื่อไปหาสามี และญาติที่เดินทางเข้าไปก่อนหน้านี้ ไม่ได้ถูกบังคับหรือขู่เข็ญ ส่วนกลุ่มโรงฮิงญาที่ถูกกักตัวอยู่ในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ พบว่ามีทั้งสมัครใจมาเอง และตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ที่ล่อลวงมา เพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 และเป็นแรงงานประมง
อย่างไรก็ตาม สำหรับเจ้าของสวนยางที่ใช้เป็นสถานที่กักขังซึ่งเป็นของนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งใน ต.ปาดังเบซาร์นั้น เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวมาสอบสวนซึ่งคาดว่าจะเข้าให้การภายใน 1-2 วันนี้ หากมีส่วนรู้เห็นก็จะแจ้งข้อหาให้การช่วยเหลือแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง และให้ที่พักพิง หรืออาจจะกันตัวไว้เป็นพยาน
