พัทลุง - กระแสข่าวลือการจับจองพื้นที่สวนปาล์ม กระบี่ สุราษฎร์ฯ นครศรีธรรมราช กว่า 200,000 ไร่ ซึ่งหมดสัญญาเช่าจากเอกชนแล้วเปิดให้ประชาชนเข้าจับจองได้ ส่งผลให้คนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างแห่เข้าจับจองสวนปาล์มกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะประชากรจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า ขณะนี้ประชาชนในพื้นที่พัทลุง สงขลา นราธิวาส ยะลา ปัตตานี ต่างมีการตื่นตัวกับข่าวการจับจองพื้นที่ทำกินโดยการทำสวนปาล์มที่จังหวัดนครศรีธรรมราช กระบี่ และสุราษฎร์ธานี ที่เปิดให้ประชาชนผู้ไม่มีที่ทำกินกว่า 200,000 ไร่ ให้เข้าไปจับจองถือกรรมสิทธิ์ทำสวนปาล์ม โดยให้รายละเอียดว่าไม่เกินรายละ 15 ไร่ โดยใช้สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียน รูปถ่าย 3 รูป ค่าสมัครรายละ 40 บาท เข้าไปลงทะเบียนจับจอง และจะได้บัตรประจำกลุ่มพกพาเดินทางเข้าออก
เมื่อลงทะเบียนจับจองแล้ว ก็จะต้องมีการสร้างบ้านที่อยู่อาศัยในพื้นที่แล้วแต่ขนาด และห้ามเดินทางออกนอกพื้นที่เกินกำหนด จะต้องถูกปรับ จำนวน 700 บาท/ครั้ง ส่วนผู้ไปดูแลพื้นที่จับจองมีเป้าหมายเพื่อบุคคลไร้ที่ทำกิน โดยขณะนี้มีเป็นจำนวนมาก คือที่ จ.กระบี่
แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะนี้คนในพื้นที่จังหวัดพัทลุงได้เดินทางไปลงทะเบียนจับจองกันเป็นจำนวนมาก โดยให้รายละไม่เกิน 15 ไร่ ผู้จับจองได้จะต้องไม่มีที่ทำกิน โดยระยะแรกให้จำนวน 1.5 ไร่ก่อน โดยในจำนวน 1.5 ไร่ จะให้ผู้จับจองได้ก่อสร้างที่อยู่อาศัยไว้ก่อน
“แต่การที่จะเข้าไปภายในบริเวณได้นั้น จะมีกลุ่มรักษาความปลอดภัยแต่งชุดดำทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้ตรวจสอบ และเข้มงวดมาก และการแต่งกายจะต้องแต่งกายแบบชาวบ้านจึงจะได้เข้าไปได้ หากแต่งตัวภูมิฐาน รปภ. ก็จะไม่ให้เข้าไป เมื่อมีการลงทะเบียนจับจองแล้ว ก็จะมีการจัดประชุมกันภายในเป็นครั้งคราว”
สวนปาล์มที่ประชาชนจากหลายพื้นที่เข้าไปจับจองนั้น แหล่งข่าวกล่าวว่า เป็นพื้นที่สวนปาล์มที่หมดสัญญาเช่าของกลุ่ม และบริษัทต่างๆ และอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรมที่ได้ดำเนินการเช่ามาหลายสิบปีจนหมดอายุและสัญญาแล้ว ไม่อนุญาตต่อสัญญาให้ ทำให้พื้นที่ว่างลงจึงมีกลุ่มบุคคลเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าไปจับจองที่
แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า ผู้ที่เดินทางจะเข้าไปจับจองเท่าที่ทราบจะเป็นคนจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นอันดับ 1 รองลงมา พัทลุง และสงขลา ตลอดจนคนในพื้นที่ โดยบางรายได้นำเข้าไปจับจองกันเป็นกลุ่ม บางกลุ่มจับจองจำนวนนับร้อยไร่ ลักษณะเป็นการสร้างชุมชนกลุ่มเครือญาติกันขึ้นมา
“การทำธุรกิจสวนปาล์มที่ผ่านมา บางบริษัทที่ได้รับสัญญาเช่าจากรัฐบาลเป็นเวลาระยะหลายปี โดยสัญญาเช่าต่อปีประมาณ 100,000 บาท จากจำนวนประมาณ 40,000 ไร่ ซึ่งเป็นราคาที่ไม่สูง”
แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า โดยผู้ประสงค์จะจับจองพื้นที่จะต้องไปลงทะเบียนกับธนารักษ์จังหวัด ในแต่ละจังหวัด นอกจากที่ดินของกรมธนารักษ์แล้ว ขณะนี้กรมป่าไม้เองก็ยังมีนโยบายให้เช่าที่ดินด้วย โดยมีประมาณ 2.5 ล้านไร่ด้วย เพราะขณะนี้ เกิดปัญหามากกรณีที่บรรดานักลงทุนเข้าไปลงทุนสร้างรีสอร์ต โรงแรม บ้านพักตากอากาศ ซึ่งบางรายลงทุนไปอย่างมหาศาล
นายกฤษณชน เทพเกลี้ยง หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมการพัฒนาการผลิตการเกษตร สำนักงานเกษตรจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า กรณีชาวบ้านเดินทางไปลงทะเบียนจับจองที่ดินสวนปาล์มในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และกระบี่ ซึ่งสวนปาล์มดังกล่าวเป็นพื้นที่เอกชนเช่าหมดสัญญา ซึ่งที่ไม่มีการต่อสัญญาจึงเปิดโอกาสให้แก่ประชาชนได้เข้าไปเช่าทำกิน เป็นต้น
ทางด้าน นายโอภาส หนูชิต กรรมการสมาคมปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย และประธานชุมนุมสหกรณ์ปาล์มน้ำมันจังหวัดพัทลุง (สงขลา นครศรีธรรมราช พัทลุง) เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหมือนกันว่ามีการจัดสรรจับจองสวนปาล์มกัน แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า ขณะนี้ประชาชนในพื้นที่พัทลุง สงขลา นราธิวาส ยะลา ปัตตานี ต่างมีการตื่นตัวกับข่าวการจับจองพื้นที่ทำกินโดยการทำสวนปาล์มที่จังหวัดนครศรีธรรมราช กระบี่ และสุราษฎร์ธานี ที่เปิดให้ประชาชนผู้ไม่มีที่ทำกินกว่า 200,000 ไร่ ให้เข้าไปจับจองถือกรรมสิทธิ์ทำสวนปาล์ม โดยให้รายละเอียดว่าไม่เกินรายละ 15 ไร่ โดยใช้สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียน รูปถ่าย 3 รูป ค่าสมัครรายละ 40 บาท เข้าไปลงทะเบียนจับจอง และจะได้บัตรประจำกลุ่มพกพาเดินทางเข้าออก
เมื่อลงทะเบียนจับจองแล้ว ก็จะต้องมีการสร้างบ้านที่อยู่อาศัยในพื้นที่แล้วแต่ขนาด และห้ามเดินทางออกนอกพื้นที่เกินกำหนด จะต้องถูกปรับ จำนวน 700 บาท/ครั้ง ส่วนผู้ไปดูแลพื้นที่จับจองมีเป้าหมายเพื่อบุคคลไร้ที่ทำกิน โดยขณะนี้มีเป็นจำนวนมาก คือที่ จ.กระบี่
แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะนี้คนในพื้นที่จังหวัดพัทลุงได้เดินทางไปลงทะเบียนจับจองกันเป็นจำนวนมาก โดยให้รายละไม่เกิน 15 ไร่ ผู้จับจองได้จะต้องไม่มีที่ทำกิน โดยระยะแรกให้จำนวน 1.5 ไร่ก่อน โดยในจำนวน 1.5 ไร่ จะให้ผู้จับจองได้ก่อสร้างที่อยู่อาศัยไว้ก่อน
“แต่การที่จะเข้าไปภายในบริเวณได้นั้น จะมีกลุ่มรักษาความปลอดภัยแต่งชุดดำทำหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้ตรวจสอบ และเข้มงวดมาก และการแต่งกายจะต้องแต่งกายแบบชาวบ้านจึงจะได้เข้าไปได้ หากแต่งตัวภูมิฐาน รปภ. ก็จะไม่ให้เข้าไป เมื่อมีการลงทะเบียนจับจองแล้ว ก็จะมีการจัดประชุมกันภายในเป็นครั้งคราว”
สวนปาล์มที่ประชาชนจากหลายพื้นที่เข้าไปจับจองนั้น แหล่งข่าวกล่าวว่า เป็นพื้นที่สวนปาล์มที่หมดสัญญาเช่าของกลุ่ม และบริษัทต่างๆ และอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรมที่ได้ดำเนินการเช่ามาหลายสิบปีจนหมดอายุและสัญญาแล้ว ไม่อนุญาตต่อสัญญาให้ ทำให้พื้นที่ว่างลงจึงมีกลุ่มบุคคลเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าไปจับจองที่
แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า ผู้ที่เดินทางจะเข้าไปจับจองเท่าที่ทราบจะเป็นคนจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นอันดับ 1 รองลงมา พัทลุง และสงขลา ตลอดจนคนในพื้นที่ โดยบางรายได้นำเข้าไปจับจองกันเป็นกลุ่ม บางกลุ่มจับจองจำนวนนับร้อยไร่ ลักษณะเป็นการสร้างชุมชนกลุ่มเครือญาติกันขึ้นมา
“การทำธุรกิจสวนปาล์มที่ผ่านมา บางบริษัทที่ได้รับสัญญาเช่าจากรัฐบาลเป็นเวลาระยะหลายปี โดยสัญญาเช่าต่อปีประมาณ 100,000 บาท จากจำนวนประมาณ 40,000 ไร่ ซึ่งเป็นราคาที่ไม่สูง”
แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า โดยผู้ประสงค์จะจับจองพื้นที่จะต้องไปลงทะเบียนกับธนารักษ์จังหวัด ในแต่ละจังหวัด นอกจากที่ดินของกรมธนารักษ์แล้ว ขณะนี้กรมป่าไม้เองก็ยังมีนโยบายให้เช่าที่ดินด้วย โดยมีประมาณ 2.5 ล้านไร่ด้วย เพราะขณะนี้ เกิดปัญหามากกรณีที่บรรดานักลงทุนเข้าไปลงทุนสร้างรีสอร์ต โรงแรม บ้านพักตากอากาศ ซึ่งบางรายลงทุนไปอย่างมหาศาล
นายกฤษณชน เทพเกลี้ยง หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมการพัฒนาการผลิตการเกษตร สำนักงานเกษตรจังหวัดพัทลุง เปิดเผยว่า กรณีชาวบ้านเดินทางไปลงทะเบียนจับจองที่ดินสวนปาล์มในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และกระบี่ ซึ่งสวนปาล์มดังกล่าวเป็นพื้นที่เอกชนเช่าหมดสัญญา ซึ่งที่ไม่มีการต่อสัญญาจึงเปิดโอกาสให้แก่ประชาชนได้เข้าไปเช่าทำกิน เป็นต้น
ทางด้าน นายโอภาส หนูชิต กรรมการสมาคมปาล์มน้ำมันแห่งประเทศไทย และประธานชุมนุมสหกรณ์ปาล์มน้ำมันจังหวัดพัทลุง (สงขลา นครศรีธรรมราช พัทลุง) เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหมือนกันว่ามีการจัดสรรจับจองสวนปาล์มกัน แต่ยังไม่ทราบรายละเอียด
