ศูนย์ข่าวภูเก็ต - มติ ครม.สั่งม้วนเสื่อปิดตำนานโครงการศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ตแล้ว ผู้ประกอบการ ส.ส. ขอรัฐบาลทบทวน เหตุทำให้ภูเก็ตเสียโอกาสในการพัฒนาการท่องเที่ยวสำหรับรองรับตลาดประชุมสัมมนา
นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2555 ยกเลิกงบประมาณในการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต จำนวนประมาณ 2,600 ล้านบาท โดยไม่ให้เหตุผลที่ชัดเจน แจ้งเพียงแต่ว่าจะนำไปรวมไว้กับงบประมาณสาขาเศรษฐกิจอื่นๆ ซึ่งไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจึงทำเช่นนั้น เนื่องจากงบประมาณดังกล่าวไม่ได้ไปกระทบกับงบประมาณส่วนอื่น เพราะเป็นงบที่ตั้งไว้จากเงินกู้ในโครงการไทยเข้มแข็งระยะที่ 2 สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรี และในคราวที่มาประชุม ครม.นอกสถานที่ที่ จ.ภูเก็ตเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ครม.ยังให้ความเห็นชอบในโครงการดังกล่าว
หลังจากมีมติดังกล่าวออกมา ได้มีผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.ภูเก็ตได้เข้ามาหารือ และพูดคุยเพื่อหาแนวทางในการที่จะดึงโครงการดังกล่าวกลับมาให้ได้ เบื้องต้น จะได้มีการเชิญรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และอธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะเจ้าของเรื่องมาชี้แจงเหตุผลของการยกเลิกโครงการดังกล่าวในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้”
นางอัญชลี กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการศูนย์ประชุมมีความคืบหน้าไปมาก โดยผ่านความเห็นชอบในส่วนของไออีอีไปแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาในส่วนของอีไอเอซึ่งทางคณะกรรมการฯ ให้มาแก้ไขครั้งสุดท้าย และหากแล้วเสร็จก็จะสามารถดำเนินการต่อไปได้ ดังนั้น จึงไม่เข้าใจว่าทำไมจึงยกเลิก ทั้งๆ ที่การสร้างศูนย์ประชุมฯ มีความจำเป็นสำหรับภูเก็ต และจังหวัดอันดามันเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้เข้ามามากขึ้น รวมทั้งรัฐบาลได้แถลงนโยบายในการจะเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท และมีนักท่องเที่ยว 30 ล้านคน ซึ่งภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ทำรายได้อันดับ 2 ของประเทศจากการท่องเที่ยว รองจากกรุงเทพมหานคร ดังนั้น ศูนย์ประชุมจึงมีความจำเป็นในการที่จะมาช่วยเพิ่มนักท่องเที่ยว และรายได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องชี้แจงเหตุผลลความจำเป็นในการยกเลิกโครงการดังกล่าวให้ชัดเจน
ขณะที่นายสมบูรณ์ จิรายุส ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต อดีตนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงกรณีที่ ครม.มีมติยกเลิกโครงการสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า การยกเลิกโครงการดังกล่าวทำให้จังหวัดภูเก็ตเสียโอกาสอีกครั้งในการพัฒนาศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยว ซึ่งการท่องเที่ยวของภูเก็ตนั้นเป็นการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนทั้งสิ้น การมีศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติที่จังหวัดภูเก็ตจะช่วยพัฒนาศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวทั้งในส่วนของภูเก็ต พังงา และกระบี่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการดึงตลาดกลุ่มประชุมสัมมนา MICE เข้ามาในพื้นที่ และจะทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามามีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับการสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติที่จังหวัดภูเก็ตนั้น จะเป็นการเพิ่มศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวให้แก่จังหวัดภูเก็ตได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งตลาดกลุ่ม MICE เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไปสูงถึง 3-4 เท่า และปัจจุบันนี้ เมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ ทั่วโลกจะมีศูนย์ประชุมระดับนานาชาติรองรับตลาดกลุ่มนี้เกือบทั้งหมด เช่น ที่บาหลีก็มีการสร้างศูนย์ประชุมขนาดใหญ่แล้ว โดยสร้างเสร็จเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาเพื่อรองรับตลาดกลุ่ม MICE ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่สำคัญมาก
สำหรับจังหวัดภูเก็ตนั้น ที่ผ่านมา มีตลาดกลุ่ม MICE เข้ามา แต่เป็นกลุ่มที่ไม่ใหญ่มากนัก เนื่องจากกลุ่มใหญ่ๆ ไม่สามารถเข้ามาจัดประชุมที่จังหวัดภูเก็ตได้ เพราะเราไม่มีสถานที่จัดประชุมรองรับ ทำให้จังหวัดภูเก็ตเสียโอกาสในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งๆ ที่โครงการสร้างศูนย์ประชุมน่าจะเกิดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ตมานานแล้ว และในอนาคตอีกไม่เกิน 3 ปี การปรับปรุงสนามบินนานาชาติจังหวัดภูเก็ตก็จะเสร็จ ซึ่งจะทำให้รองรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 12.6 ล้านคน รวมทั้งห้องพักในพื้นที่ภูเก็ต พังงา กระบี่ก็ได้มีการขยายตัวมากขึ้น นักท่องท่องเที่ยวกลุ่มนี้ก็โตขึ้นแต่เราไม่สามารถที่จะมีสถานที่ในการจัดประชุมรองรับได้ การยกเลิกโครงการสร้างศูนย์ประชุมที่จังหวัดภูเก็ตจึงทำให้ภูเก็ตเสียโอกาสเป็นอย่างมาก
นายสมบูรณ์ กล่าวต่อไปว่า โครงการสร้างศูนย์ประชุมที่ภูเก็ตช้ามาหลายปีแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการโยกงบที่จะใช้สำหรับการสร้างศูนย์ประชุมฯ ที่ภูเก็ต ไปจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งการสร้างศูนย์ประชุมที่เชียงใหม่ก็ถือว่าเป็นหัวเมืองที่สำคัญที่ควรจะต้องมี แต่ในส่วนของภูเก็ตก็มีความสำคัญไม่น้อยในการที่จะสร้างศูนย์ประชุมขึ้นมารองรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม MICE จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนใหม่ในเรื่องของการสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติที่จังหวัดภูเก็ต และให้คำนึงถึงผลเสียที่ตามมาจากการยกเลิกโครงการดังกล่าว รวมถึงคำนึงถึงการเสียโอกาสทางด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นจากตลาดกลุ่ม MICE ที่เดินทางเข้ามา รวมถึงการเสียโอกาสในการสร้างงานให้แก่คนในพื้นที่ที่จะมีโอกาสในการทำงานเพิ่มมากขึ้น
ด้านนายสุชาติ หิรัญกนกกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวว่า การยกเลิกโครงการดังกล่าวทำให้จังหวัดภูเก็ตเสียโอกาสเป็นอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันนี้กลุ่มประชุมสัมมนามีจำนวนมาก และต้องการที่จะเดินทางมาจัดประชุมที่จังหวัดภูเก็ต แต่ไม่สามารถมาจัดการประชุมได้เนื่องจากไม่มีสถานที่จัดประชุมรองรับ ในส่วนของภาคเอกชนเอกก็ไม่สามารถที่จะลงทุนโครงการขนาดใหญ่ายได้ จึงอยากให้รัฐบาลหันมาทบทวนโครงการดังกล่าว และผลักดันให้เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ในส่วนของต่างประเทศก็มีศูนย์ประชุมเกิดขึ้นทุกแห่ง หรือแม้แต่ในประเทศไทยเองก็มีศูนย์ประชุมที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ซึ่งในส่วนของภูเก็ตก็เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่ควรจะมีโครงการนี้เกิดขึ้น และที่สำคัญ โครงการนี้มีการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว ไม่น่าที่จะมายกเลิกโครงการดังกล่าวเลย จึงอยากให้เอากลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด
ขณะที่นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย สมาชิกวุฒิสภา จ.ภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับโครงการสร้างศูนย์ประชุมนิทรรศการนานาชาติ ถ้าภูเก็ตได้มาก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะเข้ามาเสริมตลาดท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซัน จะทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มประชุมสัมมนาเดินทางเข้ามาในภูเก็ตเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำภูเก็ตเป็นสถานที่จัดประชุมระดับโลก และโครงการนี้ก็จะส่งผลดีทั้งภูเก็ต พังงา กระบี่ ซึ่งเรื่องนี้ก็อยากให้รัฐบาลทบทวนอีกครั้ง
สำหรับโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรสการนานาชาติภูเก็ตนั้นเป็นโครงการที่มีความพยายามผลักดันกันมาเป็นเวลากว่า 10 แล้ว จนกระทั่งล่าสุด มีการคัดเลือกที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ภกง153 บริเวณหาดไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 150 ไร่ และในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีมติให้ก่อสร้างศูนย์ประชุมที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2553 และกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ได้รับการจัดสรรวงเงินกู้ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เพื่อดำเนินการออกแบบก่อสร้าง จำนวน 2,600 บาท และทำอีไอเอแล้วโดยรอผลการอนุญาตจากสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อก่อสร้างให้เสร็จในปี 2558
นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ส.ส.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2555 ยกเลิกงบประมาณในการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต จำนวนประมาณ 2,600 ล้านบาท โดยไม่ให้เหตุผลที่ชัดเจน แจ้งเพียงแต่ว่าจะนำไปรวมไว้กับงบประมาณสาขาเศรษฐกิจอื่นๆ ซึ่งไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมจึงทำเช่นนั้น เนื่องจากงบประมาณดังกล่าวไม่ได้ไปกระทบกับงบประมาณส่วนอื่น เพราะเป็นงบที่ตั้งไว้จากเงินกู้ในโครงการไทยเข้มแข็งระยะที่ 2 สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรี และในคราวที่มาประชุม ครม.นอกสถานที่ที่ จ.ภูเก็ตเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ครม.ยังให้ความเห็นชอบในโครงการดังกล่าว
หลังจากมีมติดังกล่าวออกมา ได้มีผู้ประกอบการในพื้นที่ จ.ภูเก็ตได้เข้ามาหารือ และพูดคุยเพื่อหาแนวทางในการที่จะดึงโครงการดังกล่าวกลับมาให้ได้ เบื้องต้น จะได้มีการเชิญรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง และอธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะเจ้าของเรื่องมาชี้แจงเหตุผลของการยกเลิกโครงการดังกล่าวในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้”
นางอัญชลี กล่าวว่า ปัจจุบันโครงการศูนย์ประชุมมีความคืบหน้าไปมาก โดยผ่านความเห็นชอบในส่วนของไออีอีไปแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาในส่วนของอีไอเอซึ่งทางคณะกรรมการฯ ให้มาแก้ไขครั้งสุดท้าย และหากแล้วเสร็จก็จะสามารถดำเนินการต่อไปได้ ดังนั้น จึงไม่เข้าใจว่าทำไมจึงยกเลิก ทั้งๆ ที่การสร้างศูนย์ประชุมฯ มีความจำเป็นสำหรับภูเก็ต และจังหวัดอันดามันเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้เข้ามามากขึ้น รวมทั้งรัฐบาลได้แถลงนโยบายในการจะเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท และมีนักท่องเที่ยว 30 ล้านคน ซึ่งภูเก็ตเป็นจังหวัดที่ทำรายได้อันดับ 2 ของประเทศจากการท่องเที่ยว รองจากกรุงเทพมหานคร ดังนั้น ศูนย์ประชุมจึงมีความจำเป็นในการที่จะมาช่วยเพิ่มนักท่องเที่ยว และรายได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ต้องชี้แจงเหตุผลลความจำเป็นในการยกเลิกโครงการดังกล่าวให้ชัดเจน
ขณะที่นายสมบูรณ์ จิรายุส ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต อดีตนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงกรณีที่ ครม.มีมติยกเลิกโครงการสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติภูเก็ต เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า การยกเลิกโครงการดังกล่าวทำให้จังหวัดภูเก็ตเสียโอกาสอีกครั้งในการพัฒนาศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยว ซึ่งการท่องเที่ยวของภูเก็ตนั้นเป็นการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนทั้งสิ้น การมีศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติที่จังหวัดภูเก็ตจะช่วยพัฒนาศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวทั้งในส่วนของภูเก็ต พังงา และกระบี่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการดึงตลาดกลุ่มประชุมสัมมนา MICE เข้ามาในพื้นที่ และจะทำให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามามีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับการสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติที่จังหวัดภูเก็ตนั้น จะเป็นการเพิ่มศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวให้แก่จังหวัดภูเก็ตได้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งตลาดกลุ่ม MICE เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูงกว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไปสูงถึง 3-4 เท่า และปัจจุบันนี้ เมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ ทั่วโลกจะมีศูนย์ประชุมระดับนานาชาติรองรับตลาดกลุ่มนี้เกือบทั้งหมด เช่น ที่บาหลีก็มีการสร้างศูนย์ประชุมขนาดใหญ่แล้ว โดยสร้างเสร็จเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมาเพื่อรองรับตลาดกลุ่ม MICE ซึ่งถือว่าเป็นตลาดที่สำคัญมาก
สำหรับจังหวัดภูเก็ตนั้น ที่ผ่านมา มีตลาดกลุ่ม MICE เข้ามา แต่เป็นกลุ่มที่ไม่ใหญ่มากนัก เนื่องจากกลุ่มใหญ่ๆ ไม่สามารถเข้ามาจัดประชุมที่จังหวัดภูเก็ตได้ เพราะเราไม่มีสถานที่จัดประชุมรองรับ ทำให้จังหวัดภูเก็ตเสียโอกาสในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งๆ ที่โครงการสร้างศูนย์ประชุมน่าจะเกิดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ตมานานแล้ว และในอนาคตอีกไม่เกิน 3 ปี การปรับปรุงสนามบินนานาชาติจังหวัดภูเก็ตก็จะเสร็จ ซึ่งจะทำให้รองรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็น 12.6 ล้านคน รวมทั้งห้องพักในพื้นที่ภูเก็ต พังงา กระบี่ก็ได้มีการขยายตัวมากขึ้น นักท่องท่องเที่ยวกลุ่มนี้ก็โตขึ้นแต่เราไม่สามารถที่จะมีสถานที่ในการจัดประชุมรองรับได้ การยกเลิกโครงการสร้างศูนย์ประชุมที่จังหวัดภูเก็ตจึงทำให้ภูเก็ตเสียโอกาสเป็นอย่างมาก
นายสมบูรณ์ กล่าวต่อไปว่า โครงการสร้างศูนย์ประชุมที่ภูเก็ตช้ามาหลายปีแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการโยกงบที่จะใช้สำหรับการสร้างศูนย์ประชุมฯ ที่ภูเก็ต ไปจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งการสร้างศูนย์ประชุมที่เชียงใหม่ก็ถือว่าเป็นหัวเมืองที่สำคัญที่ควรจะต้องมี แต่ในส่วนของภูเก็ตก็มีความสำคัญไม่น้อยในการที่จะสร้างศูนย์ประชุมขึ้นมารองรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม MICE จึงอยากให้รัฐบาลทบทวนใหม่ในเรื่องของการสร้างศูนย์ประชุมและนิทรรศการนานาชาติที่จังหวัดภูเก็ต และให้คำนึงถึงผลเสียที่ตามมาจากการยกเลิกโครงการดังกล่าว รวมถึงคำนึงถึงการเสียโอกาสทางด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรายได้จากการท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นจากตลาดกลุ่ม MICE ที่เดินทางเข้ามา รวมถึงการเสียโอกาสในการสร้างงานให้แก่คนในพื้นที่ที่จะมีโอกาสในการทำงานเพิ่มมากขึ้น
ด้านนายสุชาติ หิรัญกนกกุล นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวว่า การยกเลิกโครงการดังกล่าวทำให้จังหวัดภูเก็ตเสียโอกาสเป็นอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันนี้กลุ่มประชุมสัมมนามีจำนวนมาก และต้องการที่จะเดินทางมาจัดประชุมที่จังหวัดภูเก็ต แต่ไม่สามารถมาจัดการประชุมได้เนื่องจากไม่มีสถานที่จัดประชุมรองรับ ในส่วนของภาคเอกชนเอกก็ไม่สามารถที่จะลงทุนโครงการขนาดใหญ่ายได้ จึงอยากให้รัฐบาลหันมาทบทวนโครงการดังกล่าว และผลักดันให้เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้ในส่วนของต่างประเทศก็มีศูนย์ประชุมเกิดขึ้นทุกแห่ง หรือแม้แต่ในประเทศไทยเองก็มีศูนย์ประชุมที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ซึ่งในส่วนของภูเก็ตก็เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่ควรจะมีโครงการนี้เกิดขึ้น และที่สำคัญ โครงการนี้มีการจัดสรรงบประมาณไว้แล้ว ไม่น่าที่จะมายกเลิกโครงการดังกล่าวเลย จึงอยากให้เอากลับมาให้ได้โดยเร็วที่สุด
ขณะที่นางธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย สมาชิกวุฒิสภา จ.ภูเก็ต กล่าวว่า สำหรับโครงการสร้างศูนย์ประชุมนิทรรศการนานาชาติ ถ้าภูเก็ตได้มาก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะเข้ามาเสริมตลาดท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซัน จะทำให้นักท่องเที่ยวกลุ่มประชุมสัมมนาเดินทางเข้ามาในภูเก็ตเพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะทำภูเก็ตเป็นสถานที่จัดประชุมระดับโลก และโครงการนี้ก็จะส่งผลดีทั้งภูเก็ต พังงา กระบี่ ซึ่งเรื่องนี้ก็อยากให้รัฐบาลทบทวนอีกครั้ง
สำหรับโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรสการนานาชาติภูเก็ตนั้นเป็นโครงการที่มีความพยายามผลักดันกันมาเป็นเวลากว่า 10 แล้ว จนกระทั่งล่าสุด มีการคัดเลือกที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ภกง153 บริเวณหาดไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 150 ไร่ และในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้มีมติให้ก่อสร้างศูนย์ประชุมที่ จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2553 และกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ได้รับการจัดสรรวงเงินกู้ตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 เพื่อดำเนินการออกแบบก่อสร้าง จำนวน 2,600 บาท และทำอีไอเอแล้วโดยรอผลการอนุญาตจากสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เพื่อก่อสร้างให้เสร็จในปี 2558