นายกฯ ถกปลัดกระทรวง ชี้ปัญหาส่วนราชการขาดบูรณาการร่วมกัน เซ็งโครงสร้างระบบไม่ตอบสนองแก้วิกฤต หวังทำงานเป็นทีมขึ้น สั่งแต่ละกระทรวงทำฐานข้อมูลภารกิจหลัก รอง ยึดรูปแบบ 3 เอ็ม เน้นการจัดการ, บุคลากร, เงิน ให้เกิดประสิทธิภาพ พร้อมเสนอแนวทางวิเคราะห์ปัญหาภายในองค์กร สร้างความเข้าใจให้ตรงกัน ลั่นเป็นคนจริงจังกับงาน มีอะไรขอให้เปิดใจคุยกัน
วันนี้ (13 ต.ค.) ที่โรงแรมเชอราตัน พัทยา จังหวัดชลบุรี เมื่อเวลา 09.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงวาระพิเศษ เพื่อสร้างวิสัยทัศน์ร่วม และกำหนดกรอบกลยุทธ์การขับเคลื่อนนโยบายการบริหารจัดการภาครัฐร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรี กับหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง โดยมีนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และ น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมด้วย
นายนนทิกร กาญจนจิตรา เลขาธิการ ก.พ. กล่าวชี้แจงวัตถุประสงค์และรูปแบบวิธีการจัดประชุมสัมมนาในภาพรวม โดยสรุปว่าสำนักงาน ก.พ.ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสัมมนาคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงเป็นวาระพิเศษนอกสถานที่ในครั้งนี้ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนการทำงานในรอบปีที่ผ่านมา และหารือเกี่ยวกับการกำหนดแผนยุทธศาสตร์และแนวทางในการทำงานร่วมกันระหว่างนายกรัฐมนตรี กับหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 โดยรูปแบบการประชุมสัมมนาในช่วงเช้า คณะหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงร่วมอภิปรายให้ความเห็น เรื่องความสำเร็จ ข้อปัญหาอุปสรรค ข้อจำกัดของการทำงานในรอบปีที่ผ่านมา และแนวทางการดำเนินการต่อไป สำหรับในช่วงบ่ายจะมีกิจกรรมการระดมความเห็น เรื่อง ยุทธศาสตร์และแนวทางการบริหารจัดการภาครัฐในเชิงบูรณาการ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 โดยเลขาธิการ สศช.จะนำเสนอประเด็นการประชุมเกี่ยวกับบริบทและความเสี่ยงทางด้านเศรษฐกิจสังคมของประเทศ และที่ประชุมจะระดมความเห็นร่วมกันในเรื่องการกำหนดกรอบกลยุทธ์การขับเคลื่อนนโยบายการบริหารจัดการภาครัฐในเชิงบูรณาการ
จากนั้นจะเป็นกิจกรรม “เปิดใจ” โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวนำประเด็นการประชุมสัมมนา พร้อมกล่าวแสดงความเห็นเกี่ยวกับภาพรวมของการทำงานร่วมกันในรอบปีที่ผ่านมา และความคาดหวังของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลต่อการทำงานร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงในปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กล่าวต้อนรับและกล่าวแสดงความยินดีต่อปลัดกระทรวงที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ทั้ง 11 คน ที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ในการทำงาน โดยการประชุมในวันนี้เพื่อเตรียมความพร้อมถึงแผนการทำงานในปีงบประมาณ 2556 ที่ต้องการเห็นการทำงานเป็นทีมซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ วันนี้จึงขอให้ทุกคนช่วยกันแสดงความคิดเห็นท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นกันเอง ให้ช่วยกันนำเสนอแผนการทำงานที่รวมถึงแผนต่อไปในอนาคต พร้อมร่วมกันกำหนดประเด็นยุทธศาสตร์ จัดลำดับความสำคัญของเป้าหมาย ทิศทาง ร่วมผลักดันนโยบาย และวาระสำคัญของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติแบบเชื่อมโยงอย่างบูรณาการ ระหว่างกระทรวง ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น เพื่อประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง
จากนั้นหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงทุกคนได้กล่าวเปิดใจพร้อมแสดงความเห็นต่อภาพรวมของการทำงาน และปัญหาอุปสรรคในการทำงานของรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งภายหลังการรับฟังการแสดงความเห็นของหัวหน้าส่วนราชการฯ แล้ว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ภาพรวมของปัญหาคือการขาดการบูรณาการทำงานร่วมกัน พร้อมกล่าวว่า ตั้งแต่วันแรกที่นายกรัฐมนตรีเข้ามาทำงานก็ประสบกับปัญหาอุทกภัย ซึ่งถือเป็นบทเรียนแรกที่สะท้อนให้เห็นปัญหาโครงสร้างของระบบราชการที่ไม่ตอบสนองต่อการแก้ปัญหาในภาวะวิกฤตได้ รวมไปถึงเรื่องของงบประมาณภาครัฐที่ไม่สามารถเอื้อต่อการใช้จ่ายเงินในภาวะฉุกเฉินได้ โดยรูปแบบการทำงานของภาครัฐยังเป็นแบบแท่ง ซึ่งมีขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อนหลายขั้นตอน ในวันนี้จึงต้องแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยต้องทำงานเป็นแนวนอน ทำงานเป็นทีมมากขึ้น เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนงานในเชิงบูรณาการ
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้แต่ละกระทรวงจัดทำฐานข้อมูลถึงภารกิจหลัก ภารกิจรอง เพื่อแสดงให้เห็นรูปแบบการทำงานและผู้รับผิดชอบ เพื่อลดความซับซ้อนของการทำงานในแต่ละกระทรวง โดยให้ยึดรูปแบบ 3M โดยให้เน้น M แรก คือ Management เน้นการจัดการบริหาร M ที่สองคือ Man บุคลากร และ M ที่สามคือ Money งบประมาณ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการและประสิทธิภาพของการทำงาน นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวเสนอแนวทางการทำงานแบบ Analysis ที่ให้มีการวิเคราะห์ปัญหาภายในองค์กรและภาคนอกองค์กรว่ามีปัญหาอะไรบ้าง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน ช่วยกันแก้ปัญหาและกำหนดวัตถุประสงค์ร่วมกันว่าจะแก้ปัญหาตรงจุดไหนก่อน และจัดลำดับความสำคัญของปัญหาอย่างสัมพันธ์กัน ให้มีการประเมินผล โดยไม่ต้องการเห็นการกล่าวโทษกัน แต่เพื่อให้มีการทบทวน ยอมรับในสิ่งที่ผ่านมา เพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไขให้เกิดการพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวยอมรับว่าตนเป็นคนจริงจังกับงาน หลายกระทรวงอาจจะโดนตำหนิบ้าง แต่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพของงาน พร้อมกับเพื่อให้มีการปรับรูปแบบการทำงาน โดยถ้ามีอะไรขอให้เปิดใจคุยกัน ตนยืนยันพร้อมร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคณะหัวหน้าส่วนราชการและไม่ทอดทิ้งกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกันคือประเทศชาติ และประชาชน