สภาเกษตรกรแปดริ้วขับเคลื่อนแล้ว แม้ไร้เม็ดเงินหนุน

ฉะเชิงเทรา - สภาเกษตรกรแปดริ้ว เดินหน้านำร่องเริ่มโครงการรับจำนำข้าวเป็นภารกิจแรก แม้ไร้เงินอุดหนุนจากภาครัฐ มีเพียงหน่วยงานพี่เลี้ยงช่วยประสานให้ความร่วมมือเท่านั้น

วันนี้ (11 ต.ค.) ที่ห้องประชุมสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัดฉะเชิงเทรา (อบจ.) ต.บางแก้ว อ.เมืองฉะเชิงเทรา นายประทีป เทพพนม ประธานสภาเกษตรกร จ.ฉะเชิงเทรา (องค์กรตามรัฐธรรมนูญ) พร้อมด้วยสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งจากทุกอำเภอได้จัดให้มีการประชุมสมาชิกสภา และให้ความรู้แก่ตัวแทนเกษตรกรที่จะทำการจัดส่งให้ไปทำหน้าที่เฝ้าประจำยังจุดรับจำนำข้าว เพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริตในการรับจำนำข้าวตามโครงการของรัฐบาล

ภายในที่ประชุมนั้น ได้รับความร่วมจากเกษตรกร และสมาชิกพร้อมด้วยตัวแทนเจ้าหน้าที่รัฐประจำจุดรับจำนำเป็นอย่างดี จนเต็มแน่นห้องประชุม โดยมี นางสุมิตรา ศรีสมบัติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยนายบำรุง เจียรมาศ การค้าภายใน จ.ฉะเชิงเทรา และผู้แทนจากสำนักงานเกษตรจังหวัด ซึ่งเป็นหน่วยงานพี่เลี้ยงเข้าร่วมเปิดเวทีการประชุมสัมมนาชี้แจง และทำความเข้าใจ

นายประทีป กล่าวว่า สภาเกษตรกรนั้นถือเป็นองค์กรที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ในวันนี้ ทางคณะอนุกรรมการข้าวระดับจังหวัด ได้เข้ามาจัดอบรมให้ความรู้สร้างความเข้าใจให้แก่ผู้แทนเกษตรกรที่จะเข้าไปประจำยังจุดรับจำนำข้าวตามโรงสีต่างๆ เพื่อดูแลความถูกต้อง และเป็นธรรมให้เกิดขึ้น และป้องกันการทุจริต ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินการนั้นมีตัวแทนเพียง 1 คน แต่ขณะนี้ได้เพิ่มผู้แทนเกษตรกรขึ้นมาเป็นจุดละ 3 คน คาดว่าทั้ง 3 คน ที่จะไปประจำยังจุดนั้นจะสามารถดูแลพี่น้องเกษตรกรด้วยกันเป็นอย่างดี เช่น ดูแลตรวจสอบการชั่งน้ำหนัก ดูแลทะเบียนเกษตรกรเข้ามาจำนำ โดยจะใช้ผู้แทนจากเกษตรกรเป็นผู้คอยกำกับดูแลการดำเนินการทั้งหมด ซึ่งต่อไปนี้การจะสวมสิทธิใดๆ ก็ตามนั้นจะทำได้ยากขึ้น เนื่องจากจะต้องผ่านผู้แทนเกษตรกรของเราในการตรวจสอบ

การดำเนินการในครั้งนี้ เชื่อว่าน่าจะเป็นจังหวัดแรกนำร่องที่มีการดำเนินการในลักษณะนี้ขึ้นมา เนื่องจากเป็นมติของคณะอนุกรรมการข้าวระดับจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ได้ทำการขับเคลื่อนผ่านไปยังรัฐบาล และทางรัฐบาลได้เห็นชอบมอบหมายให้ดำเนินการได้ ทั้งที่งบประมาณไม่มีจนต้องจัดการตนเองด้วยการมาขอใช้สถานที่ห้องของทาง อบจ.ในการดำเนินการ

นายประทีป กล่าวว่า ในการกำกับดูแลจุดรับจำนำข้าวนั้น ตัวแทนเกษตรกรทั้ง 3 คนจะแบ่งหน้าที่กันเข้าไปดูในเรื่องของการตรวจใบรับรองสิทธิ การตรวจสอบคุณภาพข้าว การชั่งน้ำหนัก การวัดความชื้น เพื่อป้องกันปัญหาความไม่เป็นธรรมในการรับจำนำข้าว ที่อาจเกิดขึ้นได้เหมือนที่ผ่านมา เช่น กรณีโครงการประกาศให้ราคารับจำนำ 15,000 บาทต่อตัน แต่เมื่อชาวนานำข้าวเข้าไปจำนำจริงๆ กลับได้ราคาแค่ 12,000 บาท ทำนองนี้ ซึ่งผู้แทนเกษตรกรจะต้องสร้างความเข้าใจให้แก่เกษตรกรให้ได้ว่าราคาที่ได้นั้นถูกตัดความชื้นไปเท่าใด หรือถูกโกงความชื้นหรือไม่

นอกจากนี้ ยังต้องดูแลรถบรรทุกที่เข้ามาก่อนหลังให้เป็นไปตามกระบวนการโดยคิดว่าการมีผู้แทนประจำจุดทั้ง 3 คนนั้นน่าจะเพียงพอแล้ว โดยจะมีการทำรายงานในแต่ละวัน เพื่อรายงานเข้ามายังสภาเกษตรกรของจังหวัดในแต่ละสัปดาห์เพื่อสรุปผลเสนอต่ออนุกรรมการข้าวของจังหวัด ซึ่งทั้ง 3 คนที่ไปประจำจุดจะต้องคอยดูแลให้เกษตรกรได้รับความสะดวก ความเป็นธรรมอย่างถูกต้องที่สุด และยังเป็นการป้องกันการเสียสิทธิการสวมสิทธิ หรือการทุจริตอื่นๆ อีกด้วย

ขณะที่ นายบำรุง กล่าวว่า การจัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้แทนเกษตรกรตัวแทนข้าราชการ ผู้ช่วยประจำจุดโครงการรับจำนำข้าวนี้ เพื่อไปทำหน้าที่ในการอำนวยความสะดวก ความยุติธรรมให้แก่เกษตรกร ซึ่งผู้แทนเกษตรกรในพื้นที่ส่วนใหญ่จะรู้จักคุ้นเคยกับชาวนาเกือบทุกๆ คนว่า อยู่ตรงจุดใด จำนวนเท่าใด จึงเป็นการป้องปราม และป้องกันการทุจริตในระดับหนึ่ง หากผู้ที่นำข้าวมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำไม่ใช่เกษตรกร ก็จะทราบได้ในทันที

สำหรับการรับจำนำข้าวรอบใหม่ตั้งแต่ 1 ต.ค.55-30 ก.ย.56 นั้น ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขหลักเกณฑ์ แต่จะมีการตรวจสอบชาวนาบางรายที่มีปริมาณข้าวสูงกว่าอัตราเฉลี่ยตามหนังสือรับรองเกษตรกร บวกด้วย 20 เปอร์เซ็นต์ หรือมีราคามากกว่า 5 แสนบาทขึ้นไปในแต่ละราย จะต้องส่งไปให้ทางคณะอนุกรรมการข้าวทำการตรวจสอบว่าข้าวเหล่านั้นเป็นของเกษตรกรที่แท้จริงหรือไม่ ก่อนที่จะออกใบประทวนให้ ซึ่งโครงการนี้เป็นการป้องกันเงินงบประมาณของแผ่นดินรั่วไหลเป็นการทำความเข้าใจให้แก่ตัวแทนจากส่วนต่างๆ ที่จะเข้าไปประจำจุดให้มีความเข้าใจในหลักเกณฑ์วิธีการมากขึ้น และสามารถอำนวยความสะดวกให้แก่เกษตรกรได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจุบัน จ.ฉะเชิงเทรา มีจุดรับจำนำข้าวอยู่ในพื้นที่จำนวน 25 จุดและยังอยู่ระหว่างการพิจารณาเปิดเพิ่มอีก 5 จุด