xs
xsm
sm
md
lg

สำรวจ “อ่าวทองคำ” เหตุใดชาวบ้านจึงไม่เอา “ท่าเรือเชฟรอนฯ” (2)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รุ่งอรุณที่อ่าวทองคำ
“ศูนย์ข่าวASTVผู้จัดการ” ยังคงอยู่ในพื้นที่ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เพื่อสำรวจ “อ่าวทองคำ” ซึ่งเป็นสมญานามความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติบนบกที่เกื้อกูลให้เกิดความสมบูรณ์ทางทะเล และได้ร่วมลงเรือ (ประมง) ลำเดียวกันกับชาวบ้าน ออกสำรวจวิถีชีวิตประมงชายฝั่งที่เริ่มตั้งแต่หลังเที่ยงคืน เพื่อวางลอบ และอวนในทะเล ก่อนจะติดตามเก็บผลงานในเช้าวันนั้น และส่งต่อให้แม่บ้านของแต่ละครัวเรือนรับช่วงต่อคัดปลาไปจำหน่าย ลำหรับเรือลำเล็กๆ ที่ทำกันเองในครอบครัวแล้วก็สร้างรายได้วันละประมาณ 1,000 บาทมาอย่างต่อเนื่อง และเวลาที่เหลือจากนั้น ยังสามารถไปรับจ้างทำงานอย่างอื่น หรือทำสวนได้อีกด้วย
ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊กในบอร์ดรวมพลคนกินปลา ที่แลกเปลี่ยนภาพถ่ายอาหารทะเลที่ได้จากอ่าวท่าศาลา
ความพิเศษที่สร้างความสมบูรณ์ของพื้นที่อ่าวทองคำนั้น เกิดจากธรรมชาติในฤดูน้ำหลากที่พาแร่ธาตุ เศษหิน ทรายจากภูเขาสู่ทะเล ตัวอ่อนแทบทุกชนิดได้รับสารอาหารทำให้เจริญเติบโตได้ดี และรวดเร็ว สำหรับเศษก้อนหิน ก้อนกรวดที่มีขนาดเล็กจะถูกกระแสน้ำพัดพาลงทะเล และมีการหมุนเวียนทำให้เกิดการทับถม เพราะกระแสน้ำบริเวณทะเลนอกห่างจากชายฝั่ง 3-5 กิโลเมตร มีร่องน้ำที่มีการไหลทางทิศเหนือใต้ ตามการขึ้นลงของกระแสน้ำ ซึ่งน้ำที่ไหลจากเทือกเขาหลวงเมื่อลงสู่ทะเลจะทะปะกับกระแสน้ำในร่องน้ำลึก จนเกิดการหมุนวนของน้ำภายในอ่าวรูปตัวซี พัดเศษวัสดุพวกหิน กรวด ทราย เปลือกหอย เปลือกปู เศษปะการังขึ้นมาทับถมเป็นสันดอนซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “ดอน” จมอยู่ใต้ทะเลชายฝั่ง และเป็นพื้นที่หากินให้แก่ประมงพื้นบ้านนั่นเอง
ขอบคุณภาพจากเฟสบุ๊กที่ร่วมแบ่งปันภาพเศรษฐกิจและวิถีชีวิตชาวประมง
ชาวประมงสามารถจับปลาทูได้โดยทั่วไป แต่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ยังทำให้มีความหลากหลายของสัตว์น้ำอาศัยอยู่ เช่น กุ้ง, กั้งขาว, ปลาอินทรี, ปลาเหลียด, ปลานกเขา, ปลาลิ้นหมา, ปลาเก๋า, ปลากะพงแดง, ปลาจะละเม็ด, ปลาจวดหน้านวล, ปลากุเหรา, ปลาแดง, ปลากระเบน, ปลาดาบเงิน, ปลากะพงขาว, ปลาพรก, ปลาจวดสองซี่, กุ้งแสม, ปู, ปลาจังหม้อง, โลมา, ปลาหางควาย, หอย, ปลาฉลาม, ปลานางยักษ์, หมึก และปลากะพงปาน เป็นต้น
วิถีชีวิตที่เรียบง่ายกลางทะเล แต่สามารถดำรงชีพอยู่ได้โดยไม่เดือดร้อน
ทั้งนี้ ภูมิปัญญาของชาวประมงที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นนั้น ยังอาศัยความรู้ว่าต้องการจับสัตว์ชนิดใดก็จะไปยังที่นั้น เช่น หากต้องการจับปลาหมึกก็ต้องทำประมงตอนบนของอ่าว ซึ่งเป็นบริเวณน้ำใส หรือแหล่งกุ้งชุมก็ต้องบริเวณชายฝั่งของบ้านเราะ ต.ท่าขึ้น เป็นต้น

เช่นเดียวกับการกำหนดเครื่องมือหาปลาตามประเภทของสัตว์น้ำ และฤดูการพัดของลม 8 ทิศนั้น ทำให้ใช้เครื่องมือทำกินที่หลากหลาย เช่น ในช่วงฤดูมรสุม ชาวประมงจะใช้ “อวนกั้ง” สำหรับจับกั้ง ที่ในช่วงนั้นจะจับกั้งได้เต็มลำเรือแล้วจำหน่ายได้กว่า 20,000 บาทเลยทีเดียว หลังจากนั้น กั้งจะถูกส่งต่อไปอนุบาลที่แพปลาชุมชน เพื่อปรับสภาพ และบรรจุใส่กล่องพลาสติกรายตัว เพื่อนำส่งเครื่องบินไปยังพ่อค้าคนกลางในกรุงเทพฯ ส่งออกขายภายใน และต่างประเทศอีกทอดหนึ่ง
ผลงานส่วนหนึ่งของเช้าวันนี้
และนี่คือความสมบูรณ์ของทรัพยากรทั้งบนบก และทะเลของ “อ่าวทองคำ” ที่เป็นหม้อข้าวขนาดใหญ่อีกใบหนึ่งที่ผลิตอาหารเลี้ยงคนไทยอย่างไม่แบ่งแยกชนชั้น




ด้วยภูมิปัญญาของชาวบ้าน ก็สามารถรู้ได้ว่าสัตว์ชนิดใดอยู่บริเวณไหนอย่างชุกชุม

สายๆ ชาวบ้านเริ่มกู้ลอบและอวนที่ดักสัตว์น้ำ

แม้แต่นกนางนวลก็ผูกพันกับทะเลที่นี่ เพราะตลอดเส้นทางที่เรือวิ่งฝ่าเกลียวคลื่น นั่นคือเส้นทางหากินโดยการเฝ้าติดตามโฉบปลาเป็นอาหาร



กำลังโหลดความคิดเห็น