ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นายกสมาคมสุกรภาคใต้ยื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมปศุสัตว์ สมาคมสุกรแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัด ชี้หลังมีการขอโควตานำสุกรภาคอื่นรุกใต้อื้อ ทำให้กระทบต่อผู้เลี้ยงในพื้นที่มูลค่ากว่า 50 ล้านบาทต่อเดือน ย้ำสั่นคลอนเสถียรภาพอาชีพเกษตรกร
นายเกรียงศักดิ์ เสรีรัตน์ยืนยง นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ เปิดเผยว่า ทางสมาคมได้ทำหนังสือเรื่องโควตาสุกรภาคกลางเข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ภาคใต้ถึงอธิบดีกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส โดยเข้ามาภาคใต้ประมาณกว่า 10,000 ตัว/เดือน จนส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงมาตลอดโดยไม่เกิดเสถียรภาพต่ออาชีพ
“โดยบางจังหวัดในการนำเข้าตามโควตามาไม่ได้หารือกับผู้เลี้ยงสุกรในพื้นที่ และสมาคมเพื่อหาแนวทางแก้ไขในการนำเข้าแต่อย่างใด ทั้งที่สุกรในภาคใต้อยู่ในภาวะโอเวอร์ซัปพลาย ภาคใต้ต้องรอบคอบในการนำเข้าสุกร เพราะภาคใต้เป็นพื้นที่ปลอดโรคด้วย”
นายเกรียงศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า สุกรภาคใต้สามารถสนองตอบต่อผู้บริโภคได้อย่างพอเพียง โดยไม่ต้องนำเข้ามาจากภาคอื่นๆ การทำโควตามาจากภาคอื่นทำให้ไม่สามารถบริหารจัดการดูแลเกษตรกรได้จึงไม่ก่อเกิดเสถียรภาพ ภาคใต้ถ้าได้บริโภคสุกรในภาคใต้ก็ได้ดูแลเกษตรกรผู้เลี้ยงได้อย่างมั่นคงตลอดจนถึงผู้บริโภค และราคาก็จะมีเสถียรภาพ
“สุกรที่นำเข้าตามโควตามีจังหวัดสุราษฎร์ธานี 4,500 ตัว นครศรีธรรมราช 1,000 ตัว ภูเก็ต 5,000 ตัว และนราธิวาส 2,000 ตัว/เดือน แต่ทางสมาคมได้มีการพูดคุยทางสุราษฎร์ธานีจึงเหลือประมาณ 2,000 ตัว จึงหันมาเอาสุกรทางภาคใต้เป็น 2,500 ตัว โดยสรุปแล้วขณะนี้ ได้นำเอาสุกรจากต่างพื้นที่นำเข้ามาประมาณกว่า 10,000 ตัว”
นายเกรียงศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า การนำเข้าสุกรจากภาคอื่นเข้ามากว่า 10,000 ตัว/เดือน เป็นเงินมูลค่ากว่า 56 ล้านบาท/เดือน และในขณะเดียวกัน ยังไม่นับถึงซูเปอร์มาร์เกต ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่ยังไม่ได้รับการสนับสนุนซื้อสุกรในพื้นที่ที่มีมูลค่าจำนวนมากเช่นกัน ส่วนตรงนี้มีผลกระทบโดยตรงต่อผู้เลี้ยงสุกรในภาคใต้ กระทบต่ออาชีพเกษตรรายย่อยมาตลอดจนผู้เลี้ยงสุกรได้หดหายไป
“ขอยืนยันว่า สุกรในพื้นที่ภาคใต้มีเพียงพอต่อเขียงหมู ผู้บริโภค ผู้ค้าสุกรในภาคใต้จึงเห็นควรเอาสุกรในภาคใต้ เพื่อเป็นการดูแลภาคใต้ และขอยืนยันว่าเอาสุกรในภาคใต้ทางสมาคมสุกรจะเข้าไปการันตีเองว่าสามารถส่งมอบสุกรตามที่ต้องการ และตามคุณภาพที่ต้องการ เนื่องจากสมาคมมีความพร้อมของสมาคมที่ผู้เลี้ยงทั้งรายใหญ่ รายขนาดกลาง และขนาดเล็ก”
นายเกรียงศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า กว่า 800 วัน ประชาคมอาเชียนก็จะเกิดขึ้น ดังนั้น ภายในประเทศแต่ละภาคจะต้องบริหารจัดการสุกรให้เป็นระบบเกิดประสิทธิภาพ คุณภาพ จึงจะสามารถรองรับการหลั่งไหลของสุกรจากต่างชาติได้
ในส่วนเวลานี้ ผู้เลี้ยงสุกรจะมีผลกระทบเกิดขึ้นอีกระลอกที่จะทำให้ยอดขายตกต่ำลง เนื่องจากโรงเรียนปิดเทอม เทศกาลกินเจ และเป็นฤดูกาลอาหารตามธรรมชาติ ส่วนราคาประกาศของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ ขณะนี้ราคาที่หาดใหญ่ 56 บาท/กก. ฝั่งอันดามัน 55 บาท/กก. ภาคใต้ตอนล่าง 59 บาท/กก.
นายเกรียงศักดิ์ เสรีรัตน์ยืนยง นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ เปิดเผยว่า ทางสมาคมได้ทำหนังสือเรื่องโควตาสุกรภาคกลางเข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ภาคใต้ถึงอธิบดีกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส โดยเข้ามาภาคใต้ประมาณกว่า 10,000 ตัว/เดือน จนส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงมาตลอดโดยไม่เกิดเสถียรภาพต่ออาชีพ
“โดยบางจังหวัดในการนำเข้าตามโควตามาไม่ได้หารือกับผู้เลี้ยงสุกรในพื้นที่ และสมาคมเพื่อหาแนวทางแก้ไขในการนำเข้าแต่อย่างใด ทั้งที่สุกรในภาคใต้อยู่ในภาวะโอเวอร์ซัปพลาย ภาคใต้ต้องรอบคอบในการนำเข้าสุกร เพราะภาคใต้เป็นพื้นที่ปลอดโรคด้วย”
นายเกรียงศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า สุกรภาคใต้สามารถสนองตอบต่อผู้บริโภคได้อย่างพอเพียง โดยไม่ต้องนำเข้ามาจากภาคอื่นๆ การทำโควตามาจากภาคอื่นทำให้ไม่สามารถบริหารจัดการดูแลเกษตรกรได้จึงไม่ก่อเกิดเสถียรภาพ ภาคใต้ถ้าได้บริโภคสุกรในภาคใต้ก็ได้ดูแลเกษตรกรผู้เลี้ยงได้อย่างมั่นคงตลอดจนถึงผู้บริโภค และราคาก็จะมีเสถียรภาพ
“สุกรที่นำเข้าตามโควตามีจังหวัดสุราษฎร์ธานี 4,500 ตัว นครศรีธรรมราช 1,000 ตัว ภูเก็ต 5,000 ตัว และนราธิวาส 2,000 ตัว/เดือน แต่ทางสมาคมได้มีการพูดคุยทางสุราษฎร์ธานีจึงเหลือประมาณ 2,000 ตัว จึงหันมาเอาสุกรทางภาคใต้เป็น 2,500 ตัว โดยสรุปแล้วขณะนี้ ได้นำเอาสุกรจากต่างพื้นที่นำเข้ามาประมาณกว่า 10,000 ตัว”
นายเกรียงศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า การนำเข้าสุกรจากภาคอื่นเข้ามากว่า 10,000 ตัว/เดือน เป็นเงินมูลค่ากว่า 56 ล้านบาท/เดือน และในขณะเดียวกัน ยังไม่นับถึงซูเปอร์มาร์เกต ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่ยังไม่ได้รับการสนับสนุนซื้อสุกรในพื้นที่ที่มีมูลค่าจำนวนมากเช่นกัน ส่วนตรงนี้มีผลกระทบโดยตรงต่อผู้เลี้ยงสุกรในภาคใต้ กระทบต่ออาชีพเกษตรรายย่อยมาตลอดจนผู้เลี้ยงสุกรได้หดหายไป
“ขอยืนยันว่า สุกรในพื้นที่ภาคใต้มีเพียงพอต่อเขียงหมู ผู้บริโภค ผู้ค้าสุกรในภาคใต้จึงเห็นควรเอาสุกรในภาคใต้ เพื่อเป็นการดูแลภาคใต้ และขอยืนยันว่าเอาสุกรในภาคใต้ทางสมาคมสุกรจะเข้าไปการันตีเองว่าสามารถส่งมอบสุกรตามที่ต้องการ และตามคุณภาพที่ต้องการ เนื่องจากสมาคมมีความพร้อมของสมาคมที่ผู้เลี้ยงทั้งรายใหญ่ รายขนาดกลาง และขนาดเล็ก”
นายเกรียงศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า กว่า 800 วัน ประชาคมอาเชียนก็จะเกิดขึ้น ดังนั้น ภายในประเทศแต่ละภาคจะต้องบริหารจัดการสุกรให้เป็นระบบเกิดประสิทธิภาพ คุณภาพ จึงจะสามารถรองรับการหลั่งไหลของสุกรจากต่างชาติได้
ในส่วนเวลานี้ ผู้เลี้ยงสุกรจะมีผลกระทบเกิดขึ้นอีกระลอกที่จะทำให้ยอดขายตกต่ำลง เนื่องจากโรงเรียนปิดเทอม เทศกาลกินเจ และเป็นฤดูกาลอาหารตามธรรมชาติ ส่วนราคาประกาศของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ ขณะนี้ราคาที่หาดใหญ่ 56 บาท/กก. ฝั่งอันดามัน 55 บาท/กก. ภาคใต้ตอนล่าง 59 บาท/กก.