ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ว่าฯ ภูเก็ตชูธนาคารอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบ้านบางคณฑี ราไวย์ เป็นชุมชนตัวอย่างจัดการขยะต้นแบบ หลังรณรงค์ดึงประชาชนเข้าร่วมขบวนการลดขยะได้สำเร็จ สามารถลดปริมาณขยะเข้าสู่เตาเผาได้เดือนละ 4 ล้านตัน สมาชิกมีเงินสะสมเป็นหมื่น
เมื่อเวลา 11 .00 น. วันนี้ (13 ต.ค.) ที่ธนาคารเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หมู่ที่ 5 บ้านบางคณฑี ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เดินทางเยี่ยมชมการบริหารจัดการโครงการธนาคารสิ่งแวดล้อมของชุมชนบ้านบางคณฑี หมู่ที่ 5 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาขยะในพื้นที่ที่นับวันจะมีปริมาณมากขึ้น และนำไปสู่ปัญหาขยะล้นเมือง โดยมีนายสมหมาย เนาว์ไพร ประธานเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์สิ่งแวดล้อม จ.ภูเก็ต คณะกรรมการเครือข่าย เด็กและเยาวชนบ้านบางคณฑีให้การต้อนรับ และบรรยายสรุปถึงแนวทางการบริหารจัดการธนาคารเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
นายสมหมาย กล่าวว่า ธนาคารเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้จัดตั้งมาเมื่อวันที่ 29 มี.ค.2554 ซึ่งขณะนี้ ธนาคารมีเงินหมุนเวียนประมาณ 160,000 บาท และมีผลกำไรประมาณ 60,000 บาท มีสมาชิกจำนวน 189 คน สมาชิกแต่ละคนมีเงินฝากเป็นหลักหมื่นซึ่งเป็นเงินที่ได้มาจากการนำขยะที่ผ่านการคัดแยกมาขายให้แก่ทางธนาคาร ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการเปิดธนาคาร และรับซื้อขยะจากสมาชิก ทางกลุ่มชาวบ้านได้ร่วมตัวกันรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่ให้ความสำคัญกับการคัดแยกขยะ เพื่อลดปริมาณขยะที่จะนำไปสู่การกำจัด โดยการขอรับบริจาคขยะจากชาวบ้านในชุมชนและนำเงินไปทำบุญ และบริจาคให้แก่การกุศลต่างๆ ซึ่งหลังจากได้รับความร่วมมือจากประชาชนในชุมชนช่วยกันคัดแยกขยะ จึงได้จัดตั้งธนาคารเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมขึ้น ซึ่งขณะนี้ก็เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว
ซึ่งการจัดตั้งธนาคารเพื่อให้คนในชุมชนนำขยะมีฝากขายนั้น เป็นอีกจุดหนึ่งที่รณรงค์ให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการคัดแยกขยะรีไซเคิล โดยทางธนาคารเปิดรับรับขยะจากสมาชิกเดือนละ 2 ครั้ง คือ สัปดาห์แรกของเดือน และสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน โดยสมาชิกจะนำขยะที่ผ่านการคัดแยกมาฝากขายที่ธนาคารรวมแล้วเดือนละประมาณ 4 ล้าน และตั้งแต่เปิดดำเนินการพบว่า มีขยะที่ชาวบ้านในชุมชนคัดแยกและนำมาขายฝากกับทางธนาคารมากถึง 70 ตันแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คนบ้านบางคณฑีทั้งหมู่ 4 และหมู่ 5 สามารถลดปริมาณขยะเข้าสู่เตาเผาได้สูงถึง 70 ตันแล้ว
นายสมหมาย กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินงานของชาวบ้านบางคณฑีถือว่าประสบความสำเร็จ และเป็นพื้นที่ต้นแบบ ประชาชนร่วมกันคัดแยกขยะ 100% และเตรียมที่จะขยายไปในพื้นที่ ต.กมลา อ.กะทู้ และพื้นที่ ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง ภายในต้นปี 2556 หลังจากนั้น แต่ละพื้นที่ก็จะดำเนินการขยายโครงกา รและสร้างจิตสำนึกในการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด โดยดำเนินการผ่านทางเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์สิ่งแวดล้อม จ.ภูเก็ต ที่ขณะนี้มีอยู่ประมาณ 2,000 คน ซึ่งจะทำให้สามารถลดปริมาณขยะที่จะเข้าสู่เตาเผาได้มากขึ้นอย่างแน่นอน
ขณะที่นายไมตรี กล่าวว่า ขอชื่นชนการทำงานของเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์สิ่งแวดล้อม บ้านบางคณฑี ต.ราไวย์ ที่ร่วมมือกันรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนในพื้นที่เห็นความสำคัญของการคัดแยกขยะ ซึ่งตนจะนำตัวอย่างการทำงานของชาวบ้านในพื้นที่ไปขยายผลต่อเพื่อให้เกิดความความร่วมมือ เกิดความตื่นตัวในการแก้ไขปัญหาขยะทั้งเกาะภูเก็ต ซึ่งการแก้ไขปัญหาขยะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้นต้องทำทั้ง 2 แนวทาง คือ การดำเนินการในระดับประชาชนซึ่งจะต้องมีการรณรงค์ให้เห็นความสำคัญของการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง และการดำเนินการในการสร้างเตาเผาขยะที่มีศักยภาพในการกำจัดขยะ ซึ่งเรื่องนี้ตนพร้อมที่จะเข้าไปผลักดัน และดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเวลา 11 .00 น. วันนี้ (13 ต.ค.) ที่ธนาคารเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หมู่ที่ 5 บ้านบางคณฑี ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เดินทางเยี่ยมชมการบริหารจัดการโครงการธนาคารสิ่งแวดล้อมของชุมชนบ้านบางคณฑี หมู่ที่ 5 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาขยะในพื้นที่ที่นับวันจะมีปริมาณมากขึ้น และนำไปสู่ปัญหาขยะล้นเมือง โดยมีนายสมหมาย เนาว์ไพร ประธานเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์สิ่งแวดล้อม จ.ภูเก็ต คณะกรรมการเครือข่าย เด็กและเยาวชนบ้านบางคณฑีให้การต้อนรับ และบรรยายสรุปถึงแนวทางการบริหารจัดการธนาคารเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
นายสมหมาย กล่าวว่า ธนาคารเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้จัดตั้งมาเมื่อวันที่ 29 มี.ค.2554 ซึ่งขณะนี้ ธนาคารมีเงินหมุนเวียนประมาณ 160,000 บาท และมีผลกำไรประมาณ 60,000 บาท มีสมาชิกจำนวน 189 คน สมาชิกแต่ละคนมีเงินฝากเป็นหลักหมื่นซึ่งเป็นเงินที่ได้มาจากการนำขยะที่ผ่านการคัดแยกมาขายให้แก่ทางธนาคาร ซึ่งก่อนหน้าที่จะมีการเปิดธนาคาร และรับซื้อขยะจากสมาชิก ทางกลุ่มชาวบ้านได้ร่วมตัวกันรณรงค์ให้ประชาชนในพื้นที่ให้ความสำคัญกับการคัดแยกขยะ เพื่อลดปริมาณขยะที่จะนำไปสู่การกำจัด โดยการขอรับบริจาคขยะจากชาวบ้านในชุมชนและนำเงินไปทำบุญ และบริจาคให้แก่การกุศลต่างๆ ซึ่งหลังจากได้รับความร่วมมือจากประชาชนในชุมชนช่วยกันคัดแยกขยะ จึงได้จัดตั้งธนาคารเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมขึ้น ซึ่งขณะนี้ก็เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว
ซึ่งการจัดตั้งธนาคารเพื่อให้คนในชุมชนนำขยะมีฝากขายนั้น เป็นอีกจุดหนึ่งที่รณรงค์ให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของการคัดแยกขยะรีไซเคิล โดยทางธนาคารเปิดรับรับขยะจากสมาชิกเดือนละ 2 ครั้ง คือ สัปดาห์แรกของเดือน และสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน โดยสมาชิกจะนำขยะที่ผ่านการคัดแยกมาฝากขายที่ธนาคารรวมแล้วเดือนละประมาณ 4 ล้าน และตั้งแต่เปิดดำเนินการพบว่า มีขยะที่ชาวบ้านในชุมชนคัดแยกและนำมาขายฝากกับทางธนาคารมากถึง 70 ตันแล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คนบ้านบางคณฑีทั้งหมู่ 4 และหมู่ 5 สามารถลดปริมาณขยะเข้าสู่เตาเผาได้สูงถึง 70 ตันแล้ว
นายสมหมาย กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินงานของชาวบ้านบางคณฑีถือว่าประสบความสำเร็จ และเป็นพื้นที่ต้นแบบ ประชาชนร่วมกันคัดแยกขยะ 100% และเตรียมที่จะขยายไปในพื้นที่ ต.กมลา อ.กะทู้ และพื้นที่ ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง ภายในต้นปี 2556 หลังจากนั้น แต่ละพื้นที่ก็จะดำเนินการขยายโครงกา รและสร้างจิตสำนึกในการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทางให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด โดยดำเนินการผ่านทางเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์สิ่งแวดล้อม จ.ภูเก็ต ที่ขณะนี้มีอยู่ประมาณ 2,000 คน ซึ่งจะทำให้สามารถลดปริมาณขยะที่จะเข้าสู่เตาเผาได้มากขึ้นอย่างแน่นอน
ขณะที่นายไมตรี กล่าวว่า ขอชื่นชนการทำงานของเครือข่ายอาสาสมัครพิทักษ์สิ่งแวดล้อม บ้านบางคณฑี ต.ราไวย์ ที่ร่วมมือกันรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้ประชาชนในพื้นที่เห็นความสำคัญของการคัดแยกขยะ ซึ่งตนจะนำตัวอย่างการทำงานของชาวบ้านในพื้นที่ไปขยายผลต่อเพื่อให้เกิดความความร่วมมือ เกิดความตื่นตัวในการแก้ไขปัญหาขยะทั้งเกาะภูเก็ต ซึ่งการแก้ไขปัญหาขยะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้นต้องทำทั้ง 2 แนวทาง คือ การดำเนินการในระดับประชาชนซึ่งจะต้องมีการรณรงค์ให้เห็นความสำคัญของการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง และการดำเนินการในการสร้างเตาเผาขยะที่มีศักยภาพในการกำจัดขยะ ซึ่งเรื่องนี้ตนพร้อมที่จะเข้าไปผลักดัน และดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
