xs
xsm
sm
md
lg

ไขปริศนาใครอยู่เบื้องหลัง “หน้ากากวี”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กลายเป็นปรากฏการณ์บนโลกโซเชียลมีเดียเพียงข้ามคืน จากประโยคประกาศเจตจำนงชัดเจนพร้อมสัญลักษณ์ของหน้ากากวี หรือหน้ากากกาย ฟอว์กส์ (Guy Fawkes)

“ขณะนี้กองทัพประชาชนได้ลุกขึ้นมาแล้ว ข้าขอประกาศว่า ข้าจะล้มล้างระบบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย”
 
จุดกระแสให้ชาวเน็ตหลายคนเปลี่ยนรูปโปรไฟล์เป็นหน้ากากวีแสดงถึงเจตจำนงของตนเองในการต่อต้านระบบทักษิณ กลายเป็นประเด็นร้อนกลาง 2 ขั้วการเมือง ถึงขั้นนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลร้อนตัวประกาศเอาผิดผู้ใช้หน้ากากวี พร้อมเร่งไอซีทีเดินหน้าจัดการ

หน้ากากวีในการเมืองไทยนั้นคืออะไร? เหตุใดฝ่ายรัฐบาลจึงต้องร้อนตัว? หรือเบื้องหลังของหน้ากากนั้นมีอะไรมากมายซ่อนอยู่กันแน่

นัยของหน้ากาก

หลังจากสัญลักษณ์หน้ากากวีได้ขับเคลื่อนเจตนารมณ์เคยมีปรากฏมาแล้วจากเหตุการณ์ชุมนุมต่อต้านการตัดจบ หรือแบนละครเรื่องเหนือเมฆ 2 ตอนมือปราบจอมขมังเวทย์ ที่ในเนื้อเรื่องนั้นมีการวิพากษ์วิจารณ์และพูดถึงการเมือง

ทว่าก่อนหน้านั้นหน้ากากวีเคยปรากฏเป็นสัญลักษณ์ในการเรียกร้องทางการเมืองมาแล้วจากการชุมนุมประท้วงตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา หรือที่เรียกกันว่า occupy wallstreet บอกได้ว่า หน้ากากวีนั้นแทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการต่อต้านระบบบางอย่างที่กดขี่ผู้คนจำนวนมากเอาไว้

ในส่วนของความเป็นมานั้นหน้ากากวีมีที่มาจากภาพยนตร์เรื่อง วี ฟอ เวนเดตตา(V for vendetta) ชื่อไทยว่า เพชฌฆาตหน้ากากพยายม ดัดแปลงจากนิยายภาพของอลัน มัวร์ เขียนภาพโดยเดวิด ลอยย์ โดยคำว่า vendetta มาจากภาษาอิตาลีแปลว่า การล้างแค้น

เรื่องราวนั้นเกิดขึ้นในอนาคตของประเทศอังกฤษที่ถูกปกครองโดยรัฐบาลเผด็จการ “วี” คือคนหนึ่งที่รุกขึ้นมาต่อต้านอำนาจรัฐ พร้อมทั้งจุดประกายความเชื่อและความคิดของผู้คนที่ถูกกดขี่ข่มเหง ด้วยบุคลิกที่แปลกประหลาด เต็มไปด้วยความลับ แต่ก็แหลมคมไปด้วยอุดมการณ์ ภายใต้หน้ากากสีขาวซึ่งมีต้นแบบมาจากกบฏคนหนึ่งในประวัติศาสตร์อังกฤษที่มีชื่อว่า กาย ฟอว์กส์

“ประชาชนไม่ควรที่จะเกรงกลัวรัฐบาล...รัฐบาลต่างหากที่ควรจะเกรงกลัวประชาชน” คือประโยคหนึ่งที่พูดในหนัง

ตามท้องเรื่องนั้นวีตัวเอกของเรื่องวางแผนจะระเบิดตึกรัฐสภาโดยมีการอ้างอิงความคิดมาจากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์อังกฤษกาย ฟอว์กส์หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กบฏดินปืน” เขาคือส่วนหนึ่งของแผนการระเบิดอาคารรัฐสภาอังกฤษในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1605 (พ.ศ. 2148 ) โดยมีเป้าหมายในการปลงพระชนม์พระเจ้าเจมส์ที่ 1 ซึ่งเขาเห็นว่ามีการปกครองบ้านเมืองแบบเผด็จการ

แต่แล้วเขากลับทำไม่สำเร็จ กาย ฟอว์กส์ถูกจับตัวพร้อมดินปืนจำนวน 36 ถังและถูกแขวนคอในที่สุด ต่อมาทุกวันที่ 5 พฤษภาคมจึงมีการฉลองที่สามารถจับกาย ฟอว์กส์ได้ ทว่าประชาชนบางส่วนกลับชื่นชนการกระทำของกบฏคนนี้ เพราะมองว่าบ้านเมืองสมัยนั้นเป็นเผด็จการจริงๆ

ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไป หน้ากากกาย ฟอว์กส์กลายเป็นสัญลักษณ์ที่มีความหมายด้วยตัวของมันเอง

“เราถูกสอนให้จดจำที่แนวความคิด ไม่ใช่ตัวบุคคล เพราะบุคคลล้มเหลวได้ ถูกจับกุมได้ ถูกฆ่าได้ และถูกลืมได้ แต่ต่อจากนี้อีก 400 ปี...แนวความคิดจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้” นี่คือประโยคหนึ่งที่วีตัวเอกผู้สวมหน้ากากกาย ฟอว์กส์เอ่ยในหนัง

ตามท้องเรื่องนั้นตึกรัฐสภาได้ถูกระเบิด หนังย้ำหลายครั้งว่า เป็นการระเบิดในเชิงสัญลักษณ์ และประชาชนออกมารวมตัวพร้อมทั้งสวมใส่หน้ากากวี

รัฐบาลต้องกลัวประชาชน

หน้ากากวีส่วนหนึ่งมีต้นกำเนิดจากประวัติศาสตร์ของกาย ฟอว์กส์ หากปรากฏครั้งแรกในนิยายภาพและหนังชื่อเรื่องว่า วี ฟอ เวนเดตตา(V for vendetta) ที่อ้างอิงความคิด และการขับเคลื่อนของแรงระเบิดอันเป็นที่มาของ “กบฏดินปืน” ในทางศิลปะแล้ว จึงเป็นการคลุมโทนหรือคอนเซ็ปต์ของการปฏิวัติให้เนื้อเรื่องมีความเข้มข้น เข้มแข็ง ไม่เลื่อนลอย

ทว่าเมื่อสัญลักษณ์จากโลกของเรื่องเล่าถูกขับเคลื่อนมาสู่โลกแห่งความจริง การถูกนำมาใช้โดยกลุ่มผู้ประท้วงจากทั่วโลก จนมาถึงในประเทศไทย โดยครั้งแรกนั้นจากการเปิดเผยของนายวี (ขอสงวนชื่อและนามสกุล) ผู้ดูแลเพจ “V foe vendeta หน้ากากปฏิวัติ” คือในการชุมนุมหน้ารัฐสภาของกลุ่มแนวร่วมนิสิตนักศึกษาคัดค้านมหาวิทยาลัยนอกระบบเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ปีที่แล้ว

“ที่เราใช้หน้ากากนี้ เพราะเรารู้สึกว่าหน้ากากนี้มีพลังมาก และการนำมาใช้ครั้งนั้น นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นสากลแล้ว ยังได้ประโยชน์โดยตรง 2 อย่าง คือ ทำให้การเคลื่อนไหวมีสีสัน และการที่นักศึกษาใส่หน้ากากแล้วปรากฏภาพเป็นข่าวออกไป ช่วยให้นักศึกษาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระมากขึ้น ไม่ต้องกังวลว่าพ่อแม่จะเห็น หรือแม้แต่ไม่ต้องกลัวผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เมื่อเทียบกับหากต้องเปิดหน้าประท้วง”

ทว่าหลังจากกรณีมีคนนำหน้ากากวีขึ้นเป็นรูปโปรไฟล์แล้วโพสต์ต่อต้านรัฐบาลด้วยข้อความว่า

“ขณะนี้กองทัพประชาชนได้ลุกขึ้นมาแล้ว ข้าขอประกาศว่า ข้าจะล้มล้างระบบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทย”

ทำให้หน้ากากใบนี้กลับมาเป็นที่พูดถึงกันในวงกว้าง ทั้งยังมีพลังถึงขนาดที่ พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยออกโรงกล่าวถึง กรณีดังกล่าวว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย พร้อมทั้งประณามว่า เป็นการกระทำที่ไม่มีจริยธรรมในการใช้คอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ยังเผยว่าได้ประชุมกับทีมกฎหมายของพรรคเพื่อหาทางเอาผิดทางกฎหมายว่าด้วย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการประณามผู้กระทำการดังกล่าวว่า จิตไม่ปกติ

“คนกลุ่มนี้ใช้วิธีการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเป็นพวกจิตไม่ปกติ กลุ่มเหล่านี้เป็นนักรบไซเบอร์ได้ทุนมาส่วนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังตรวจสอบอยู่ว่าโยงไปยังกลุ่มการเมืองหรือไม่ หรือพรรคการเมืองหรือไม่ กลุ่มเหล่านี้นอกจากบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้ว หวังผลทางการเมือง พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคของประชาชนไม่ใช่พรรคของใครคนใดคนหนึ่ง คนเหล่านี้เป็นพวกหนักแผ่นดิน!”

และต่อมาก็ปรากฏหน้ากากวีสีแดงออกมาคัดค้านการขับเคลื่อนของหน้ากากวีสีขาว โดยเริ่มจากเข้าไปก่อกวนเอาคืนกับพรรคขั่วตรงข้ามทางการเมืองอย่างเฟซบุ๊คของ ศิริโชค โสภา ส.ส.ประชาธิปัตย์ทั้งยังมีการรวบรวมกลุ่มที่เห็นด้วยและเปลี่ยนรูปโปไฟล์เป็นหน้ากากวีสีแดงเหมือนกัน มีการนัดแนะกันไปโจมตีเฟซบุ๊คของอีกฝ่าย แม้แต่เพจ “พี่คนดี” ที่แต่งกลอนวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของรัฐบาลก็ถูกโจมตีเช่นกัน

สุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน มองความเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งนี้ว่า มาจากการกระทำของรัฐบาลที่ไม่สนใจฟังเสียงของประชาชนเท่าที่ควร

“กระแสหน้ากาก v for vendetta เล่นเอาพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล หงุดหงิด โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ทั้งที่ปากบอกจุดไม่ติด แต่กลับเตรียมให้ฝ่ายกฎหมายพรรค หาช่องดำเนินคดี ซึ่งถ้าจะฟ้อง หรือจับเข้าคุก สงสัยต้องไปยืมคุกเขมรกับพม่าฝากขัง เพราะมันลามไปเร็วและกว้างไกลมากทีเดียว”

และเหตุที่กระแสนี้จุดติดฉับพลัน ไม่ใช่เพราะหน้ากากที่มีคำอธิบายอ้างอิงที่มา หรือตำนานเรื่องเล่าของ "การโค่นล้มอำนาจที่ฉ้อฉล" และเผด็จการผูกขาดเท่านั้น แต่เพราะคำอธิบายภายใต้หน้ากากไปโดนใจกับความรู้สึกของผู้คนในสยามประเทศ ที่รู้สึกว่า กำลังตกอยู่ในอาณาจักรแห่งความหวาดกลัว ผู้คนอึดอัด เบื่อหน่าย และไร้ความหวังกับสังคมการเมือง แต่ด้านหนึ่งก็เริ่มและลุกขึ้นมา คิดว่าเราจะฝ่าข้ามมันได้อย่างไร

ท้ายที่สุดเขาทิ้งท้ายเตือนว่า หน้ากากวีที่มีท่าทีตรงไปตรงมาของการไม่เอาระบบทักษิณนั้น ยังไม่หน้ากลัวเท่ากับหน้ากากที(ทักษิณ) ที่สวมให้กลุ่มเสื้อแดงแบบลับ ลวง พราง

“ดูอย่างกฎหมายนิรโทษกรรมและปรองดองที่พวกเขาใส่หน้ากากหลายแบบเข้าหากัน จนไม่รู้ใครเป็นใคร”

เบื้องหลังหน้ากาก

“เบื้องหลังหน้ากากนี้มีมากกว่าเลือดเนื้อ เบื้องหลังหน้ากากนี้มีความคิด และความคิดกันกระสุนได้...” นี่คือประโยคเด็ดประโยคหนึ่งที่ปรากฏในหนังเรื่องวี ฟอร์ เวนเดตตา หากลองตีความคงบอกได้ว่าภายใต้หน้ากากนั้นไม่ใช่บุคคล แต่คือความคิด เมื่อมองถึงการปรากฏตัวในโลกไซเบอร์ของหน้ากากใบเดิม เบื้องหน้ากากเหล่านั้นคือใคร

ผู้ดูแลเพจ “V foe vendetta หน้ากากปฏิวัติ” มองปรากฏการณ์ที่ผู้คนนำหน้ากากวีไปตั้งเป็นรูปโปรไฟล์แล้วโพสต์โจมตีรัฐบาลว่า เป็นเสรีภาพในการแสดงออกอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่น่าจะผิดอะไร เขาบอกว่า กลุ่มคนที่ใช้หน้ากากนี้เป็นสัญลักษณ์คงจะตระหนักดีว่า มันเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านเผด็จการ ซึ่งพวกเขาอาจจะมองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองไทยตอนนี้ก็เป็นเผด็จการรูปแบบหนึ่ง

“วันที่พวกเราเอาหน้ากากนี้มาใช้ เราคิดกันแบบสุดโต่งว่า อยากให้คนไทยใส่หน้ากากนี้ออกมาบอกเล่าปัญหาของพวกเขากันให้มากๆ ต้องการให้คนไทยลุกขึ้นต่อสู้ ในทางสากลจะใช้หน้ากากนี้เป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหวต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบศักดินา ทหาร หรือระบบรัฐสภา”

มาวันนี้ท่ามกลางการเมืองแบ่งฝักแบ่งฝ่าย มีฉกชิงนิยามของหน้ากากวี บ้างก็มองว่าแนวคิดของวีคือซ้ายสุดขั้วที่ต้องการจะโค่นล้มปลงพระชนม์กษัตริย์ บ้างก็มองว่าเป็นขวาคลั่งศาสนา แต่ท้ายที่สุดแล้วเมื่อหน้ากากมีชีวิตและมีความหมายด้วยตัวของมันเอง

“ถึงวันนี้ก็ถือว่าพวกผมประสบความสำเร็จในการนำหน้ากากนี้มาใช้ในเมืองไทยแล้ว ภายใต้หน้ากากนี้ คือแววตาอันเศร้าหมองจากความไม่เป็นธรรมในสังคม เราจึงเลือกใช้หน้ากากนี้เพื่อสะท้อนความไม่เป็นธรรมของสังคมออกมา”






กำลังโหลดความคิดเห็น