ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ขายอาหารเจ งานประเพณีถือศีลกินผักหน้าศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย เต้าโบ้เก้ง ถนนระนอง กว่า 50 คน ถือป้ายเรียกร้องขอความเป็นธรรม พบผู้ว่าฯ ภูเก็ต ช่วยหาทางออกกรณีศาลเจ้าฯ ให้สิทธิเจ้าของบ้านเรียกเก็บค่าเช่าจากพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของบนถนน
เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (10 ต.ค.) ที่หน้าศาลากลาง จ.ภูเก็ต บรรดาพ่อค้าแม่ค้าขายอาหารเจที่บริเวณถนนระนอง หน้าศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย อ.เมือง จ.ภูเก็ต ประมาณ 50 คน รวมตัวถือป้ายข้อความต่างๆ เดินทางเข้ามาร้องขอความเป็นธรรมจาก นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ภายหลังได้รับความเดือดร้อนกรณี ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย เต้าโบ้เก้ง ได้ให้สิทธิเจ้าของบ้านที่อยู่บริเวณถนนระนอง หน้าศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย เต้าโบ้เก้ง เป็นผู้เรียกเก็บค่าเช่าจากกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่จะนำของมาวางขายบนถนนในช่วงงานประเพณีถือศีลกินผัก ตั้งแต่วันที่ 15-23 ตุลาคม 2555
โดยในการเดินทางมาร้องเรียนในครั้งนี้ นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ลงไปพบกับชาวบ้านที่มาร้องเรียนพร้อมสอบถามถึงปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ และเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน พร้อมให้พ่อค้าแม่ค้าตั้งตัวแทนจำนวน 5 คน มาประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม เทศบาลนครภูเก็ต และตัวแทนจากคณะกรรมการศาลเจ้าฯ เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
โดย น.ส.ปัทมา ไทยปิยะ หนึ่งในผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน และเป็นตัวแทนของพ่อค้าแม่ค้าที่ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการดังกล่าว กล่าวว่า กลุ่มพ่อค้า แม่ค้าที่ได้รับความเดือดร้อนในครั้งนี้มีประมาณ 100 ราย แต่ที่มายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมในครั้งนี้มีประมาณ 30 ราย ซึ่งที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าก็ได้ขายอาหารเจที่บริเวณถนนระนองหน้าศาลเจ้ามาเป็นเวลานาน และไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าก็จ่ายเงินทำบุญให้แก่ศาลเจ้าเป็นประจำทุกปีมีการเก็บใบเสร็จไว้ตลอด ตั้งแต่ 100 บาท จนถึงปี 2554 ก็จ่ายประมาณ 900 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่ พื้นที่มากก็จ่ายมาก พื้นที่น้อยก็จ่ายน้อย และปีนี้ทางศาลเจ้าเรียกเก็บเพิ่มอีก 1 เท่าตัวก็พร้อมที่จะจ่าย
“แต่มามีปัญหาว่าทางศาลเจ้าได้ให้ทางเจ้าของบ้านเป็นผู้เรียกเก็บค่าเช่าพื้นที่กับทางเจ้าของบ้าน ทั้งๆ ที่พวกตนขายอยู่บนถนนสาธารณะ และเชื่อว่าถ้าปีนี้ให้เจ้าของบ้านเป็นคนเก็บค่าเช่าต่อไปพวกตนก็ไม่สามารถขายของในที่ดังกล่าวได้ เนื่องจากการเรียกเก็บค่าเจ้าขึ้นอยู่กับความพอใจของเจ้าของบ้านที่พร้อมจะขึ้นราคาค่าเช่าทุกปี จึงได้มารวมตัวเพื่อเรียกร้องสิทธิของพ่อค้าแม่ค้ากลับมา” น.ส.ปัทมา กล่าวและว่า
ทั้งนี้ ด้วยชาวบ้านเกรงว่าจะเสียสิทธิให้แก่กลุ่มพ่อค้าแม่ค้ารายใหม่หากมีการเรียกเก็บค่าเช่า ซึ่งกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเดิมอาจจะไม่สามารถสู้ราคาได้ หากพ่อค้าแม่ค้า รายใหม่เข้ามาเสนอค่าเช่าในราคาที่สูงกว่าแล้วได้สิทธิไป จึงได้รวมตัวกันขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต โดยกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าต้องการที่จะขอสิทธิคืน โดยให้ทางศาลเจ้าเป็นผู้กำหนดคาเช่า และนำค่าเช่าไปทำบุญให้แก่ทางศาลเจ้าเหมือนเดิม แทนที่จะต้องมาจ่ายให้แก่เจ้าของบ้าน ประกอบกับพื้นที่ถนนระนองที่กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าจะใช้เป็นที่ขายของนั้น ก็เป็นถนนของหลวงด้วย ไม่ได้เป็นที่ดินของเจ้าของบ้าน กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าจึงมองว่าไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเช่าให้แก่ทางเจ้าของบ้าน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 14.00 น.วันเดียวกัน นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้มอบหมายให้นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ประชุมร่วมกับตัวแทนของเทศบาลนครภูเก็ต นำโดยนายแพทย์โกศล แตงอุทัย รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ตัวแทนศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย เต้าโบ้เก้ง และ5 ตัวแทนกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า เพื่อหาทางออกร่วมกัน
โดยนายแพทย์โกศล กล่าวชี้แจงว่า ถนนระนองตั้งแต่หน้าตลาดสดภูเก็ต ไปจนกระทั่งถึงบริเวณหน้าศาลเจ้าฯ ซึ่งส่วนหนึ่งจะติดหน้าบ้านของชุมชนที่อยู่บริเวณถนนระนอง ส่วนอีกฝั่งจะไม่เกี่ยวข้องเพราะติดกับวัดขจรเกียรติ ซึ่งทางศาลเจ้าได้จัดสรรที่ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 วันที่ผ่านมาได้มีผู้ค้า ประมาณ 30-40 คนมาร้องเรียนที่เทศบาลนครภูเก็ตในกรณีดังกล่าว ด้วยผู้ค้าเกรงว่าจะไม่ได้สิทธิในการขายในปีนี้ และปีต่อๆ ไป เนื่องจากว่าปีนี้ ทางศาลเจ้าได้ให้สิทธิเจ้าของบ้านในการให้ผู้ค้าเช่าขายของ ซึ่งก็จะผิดธรรมเนียมกับทุกปี ทุกปีผู้ค้าแผงลอยล้อเลื่อนจะมาทำสัญญากับทางศาลเจ้า และในปีนี้เห็นทางศาลเจ้าก็ได้กำหนดค่าเช่าพื้นที่แผงละ 1,200 บาท ทั้ง 9 วัน
“ที่ผ่านมา เทศบาลไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับการจัดสรรพื้นที่ เพียงแค่ทางเทศบาลอนุญาตให้ทางศาลเจ้าใช้พื้นที่ถนนระนอง ใช้ เป็นที่ขายของให้ผู้ค้ามาเช่า เพื่อที่จะนำเงินส่วนนี้ไปทำบุญแก่ศาลเจ้า ทางเทศบาลก็คิดแค่นั้น แล้วอนุญาตให้ใช้พื้นที่ โดยเราแค่ไปจัดระเบียบ ความเรียบร้อย สุขาภิบาล เรื่องการป้องกันอันตรายให้ แต่ว่าความขัดแย้งครั้งนี้จะเป็นความขัดแย้งในเชิงทำธุรกิจ เพราะว่าตอนนี้ทางผู้ร้องๆ ว่าเจ้าของบ้านพอได้สิทธิก็จะเอาพื้นที่ให้ผู้ค้ารายใหม่มาขายของ และทางเจ้าของบ้านก็มีการเรียกเงินค่าเช่าสูงมากเกินกว่าที่ทางศาลเจ้าได้กำหนดไว้ นี้ก็เป็นสิ่งที่ทางเทศบาลได้รับฟังข้อเท็จจริงจากผู้ค้ารายเดิม แต่อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าส่วนใหญ่แล้วเจ้าของบ้านยังให้สิทธิแก่ผู้ค้าเดิมอยู่ มีบางหลังที่ไม่อยากให้ผู้ค้ารายเดิม
ด้าน น.ส.ปัทมา ไทยปิยะ ตัวแทนผู้ค้ากล่าวว่า สิ่งที่ทางผู้ค้าต้องการ คือ 1.อยากให้ทางศาลเจ้าฯ คืนสิทธิให้ผู้ค้า ทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม ทางผู้ค้าไม่ต้องการเดินไปขอเจ้าของบ้านว่าปีนี้ขอไปขายของหน้าบ้าน ซึ่งทุกปีไม่เคยเดินไปขอกับเจ้าของบ้าน ทุกปีจะขึ้นตรงกับทางศาลเจ้า 2.เมื่อเกิดข้อพิพาทอย่างนี้แล้ว อยากให้ทางศาลเจ้า และทางเทศบาลทำเป็นลายลักษณ์อักษรออกมาว่า ปีนี้ผู้ค้ารายนั้นรายนี้ได้พื้นที่ขายของเท่าใด ขายบริเวณหน้าบ้านเลขที่เท่าใด ให้ทำเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งขอให้ให้สิทธิแก่ผู้ค้ารายเก่าก่อน
3.ขอให้ทางผู้ค้าได้ชำระเงินกับทางศาลเจ้า โดยค่าใช้จ่ายตามที่ศาลเจ้าเห็นสมควร และ 4.ปีนี้ทางผู้ค้าไม่ต้องการพ่วงตู้ไฟกับเจ้าของบ้าน ซึ่งเรื่องตู้ไฟทุกปีจะพ่วงกับเจ้าของบ้าน แต่ปีนี้คิดว่าคงจะพ่วงกับเจ้าของบ้านไม่ได้แล้ว เพราะว่าได้มีปัญหาเกิดขึ้นแล้วกับทางผู้ค้าและเจ้าของบ้าน ขอให้ทางเทศบาล และทางศาลเจ้า ทำตู้ไฟขึ้นต่างหาก แล้วทางผู้ค้าจะไปจ่ายค่าไฟให้แก่ทางศาลเจ้า
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการพูดคุยหาข้อสรุปกันนานร่วม 2 ชั่วโมง นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ให้ทางเทศบาล ตัวแทนศาลเจ้า และผู้ค้า หารือร่วมกันอีกครั้งในประเด็นต่างๆ ที่ผู้ค้าเสนอมา ส่วนเรื่องของการจ่ายเงินค่าเช่านั้น ก็ให้ทางผู้ค้าจ่ายกับทางศาลเจ้าเหมือนเดิม เนื่องจากโดยอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายแล้วเจ้าบ้านไม่สามารถเก็บค่าเช่าพื้นที่บริเวณถนนสาธารณะได้ โดยให้ทางเทศบาลไปทำความเข้าใจกับเจ้าบ้านว่าไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้
ขณะที่ในส่วนของกลุ่มผู้ค้า รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ให้ถือปฏิบัติในเรื่องของการอำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าของบ้าน ซึ่งทางผู้ค้าต้องเว้นทางเข้า-ออกให้เจ้าของบ้านสามารถเข้า-ออกได้ ต้องดูแลรักษาความสะอาดบริเวณหน้าบ้านที่ผู้ค้าได้วางของขาย และให้คำนึงในเรื่องของความปลอดภัยด้วย
เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (10 ต.ค.) ที่หน้าศาลากลาง จ.ภูเก็ต บรรดาพ่อค้าแม่ค้าขายอาหารเจที่บริเวณถนนระนอง หน้าศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย อ.เมือง จ.ภูเก็ต ประมาณ 50 คน รวมตัวถือป้ายข้อความต่างๆ เดินทางเข้ามาร้องขอความเป็นธรรมจาก นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ภายหลังได้รับความเดือดร้อนกรณี ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย เต้าโบ้เก้ง ได้ให้สิทธิเจ้าของบ้านที่อยู่บริเวณถนนระนอง หน้าศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย เต้าโบ้เก้ง เป็นผู้เรียกเก็บค่าเช่าจากกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่จะนำของมาวางขายบนถนนในช่วงงานประเพณีถือศีลกินผัก ตั้งแต่วันที่ 15-23 ตุลาคม 2555
โดยในการเดินทางมาร้องเรียนในครั้งนี้ นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ลงไปพบกับชาวบ้านที่มาร้องเรียนพร้อมสอบถามถึงปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ และเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมารับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน พร้อมให้พ่อค้าแม่ค้าตั้งตัวแทนจำนวน 5 คน มาประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม เทศบาลนครภูเก็ต และตัวแทนจากคณะกรรมการศาลเจ้าฯ เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
โดย น.ส.ปัทมา ไทยปิยะ หนึ่งในผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน และเป็นตัวแทนของพ่อค้าแม่ค้าที่ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการดังกล่าว กล่าวว่า กลุ่มพ่อค้า แม่ค้าที่ได้รับความเดือดร้อนในครั้งนี้มีประมาณ 100 ราย แต่ที่มายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมในครั้งนี้มีประมาณ 30 ราย ซึ่งที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลาหลายปีมานี้ กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าก็ได้ขายอาหารเจที่บริเวณถนนระนองหน้าศาลเจ้ามาเป็นเวลานาน และไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าก็จ่ายเงินทำบุญให้แก่ศาลเจ้าเป็นประจำทุกปีมีการเก็บใบเสร็จไว้ตลอด ตั้งแต่ 100 บาท จนถึงปี 2554 ก็จ่ายประมาณ 900 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่ พื้นที่มากก็จ่ายมาก พื้นที่น้อยก็จ่ายน้อย และปีนี้ทางศาลเจ้าเรียกเก็บเพิ่มอีก 1 เท่าตัวก็พร้อมที่จะจ่าย
“แต่มามีปัญหาว่าทางศาลเจ้าได้ให้ทางเจ้าของบ้านเป็นผู้เรียกเก็บค่าเช่าพื้นที่กับทางเจ้าของบ้าน ทั้งๆ ที่พวกตนขายอยู่บนถนนสาธารณะ และเชื่อว่าถ้าปีนี้ให้เจ้าของบ้านเป็นคนเก็บค่าเช่าต่อไปพวกตนก็ไม่สามารถขายของในที่ดังกล่าวได้ เนื่องจากการเรียกเก็บค่าเจ้าขึ้นอยู่กับความพอใจของเจ้าของบ้านที่พร้อมจะขึ้นราคาค่าเช่าทุกปี จึงได้มารวมตัวเพื่อเรียกร้องสิทธิของพ่อค้าแม่ค้ากลับมา” น.ส.ปัทมา กล่าวและว่า
ทั้งนี้ ด้วยชาวบ้านเกรงว่าจะเสียสิทธิให้แก่กลุ่มพ่อค้าแม่ค้ารายใหม่หากมีการเรียกเก็บค่าเช่า ซึ่งกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าเดิมอาจจะไม่สามารถสู้ราคาได้ หากพ่อค้าแม่ค้า รายใหม่เข้ามาเสนอค่าเช่าในราคาที่สูงกว่าแล้วได้สิทธิไป จึงได้รวมตัวกันขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต โดยกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าต้องการที่จะขอสิทธิคืน โดยให้ทางศาลเจ้าเป็นผู้กำหนดคาเช่า และนำค่าเช่าไปทำบุญให้แก่ทางศาลเจ้าเหมือนเดิม แทนที่จะต้องมาจ่ายให้แก่เจ้าของบ้าน ประกอบกับพื้นที่ถนนระนองที่กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าจะใช้เป็นที่ขายของนั้น ก็เป็นถนนของหลวงด้วย ไม่ได้เป็นที่ดินของเจ้าของบ้าน กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าจึงมองว่าไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเช่าให้แก่ทางเจ้าของบ้าน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 14.00 น.วันเดียวกัน นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้มอบหมายให้นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ประชุมร่วมกับตัวแทนของเทศบาลนครภูเก็ต นำโดยนายแพทย์โกศล แตงอุทัย รองนายกเทศมนตรีนครภูเก็ต ตัวแทนศาลเจ้าจุ้ยตุ่ย เต้าโบ้เก้ง และ5 ตัวแทนกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า เพื่อหาทางออกร่วมกัน
โดยนายแพทย์โกศล กล่าวชี้แจงว่า ถนนระนองตั้งแต่หน้าตลาดสดภูเก็ต ไปจนกระทั่งถึงบริเวณหน้าศาลเจ้าฯ ซึ่งส่วนหนึ่งจะติดหน้าบ้านของชุมชนที่อยู่บริเวณถนนระนอง ส่วนอีกฝั่งจะไม่เกี่ยวข้องเพราะติดกับวัดขจรเกียรติ ซึ่งทางศาลเจ้าได้จัดสรรที่ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 วันที่ผ่านมาได้มีผู้ค้า ประมาณ 30-40 คนมาร้องเรียนที่เทศบาลนครภูเก็ตในกรณีดังกล่าว ด้วยผู้ค้าเกรงว่าจะไม่ได้สิทธิในการขายในปีนี้ และปีต่อๆ ไป เนื่องจากว่าปีนี้ ทางศาลเจ้าได้ให้สิทธิเจ้าของบ้านในการให้ผู้ค้าเช่าขายของ ซึ่งก็จะผิดธรรมเนียมกับทุกปี ทุกปีผู้ค้าแผงลอยล้อเลื่อนจะมาทำสัญญากับทางศาลเจ้า และในปีนี้เห็นทางศาลเจ้าก็ได้กำหนดค่าเช่าพื้นที่แผงละ 1,200 บาท ทั้ง 9 วัน
“ที่ผ่านมา เทศบาลไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับการจัดสรรพื้นที่ เพียงแค่ทางเทศบาลอนุญาตให้ทางศาลเจ้าใช้พื้นที่ถนนระนอง ใช้ เป็นที่ขายของให้ผู้ค้ามาเช่า เพื่อที่จะนำเงินส่วนนี้ไปทำบุญแก่ศาลเจ้า ทางเทศบาลก็คิดแค่นั้น แล้วอนุญาตให้ใช้พื้นที่ โดยเราแค่ไปจัดระเบียบ ความเรียบร้อย สุขาภิบาล เรื่องการป้องกันอันตรายให้ แต่ว่าความขัดแย้งครั้งนี้จะเป็นความขัดแย้งในเชิงทำธุรกิจ เพราะว่าตอนนี้ทางผู้ร้องๆ ว่าเจ้าของบ้านพอได้สิทธิก็จะเอาพื้นที่ให้ผู้ค้ารายใหม่มาขายของ และทางเจ้าของบ้านก็มีการเรียกเงินค่าเช่าสูงมากเกินกว่าที่ทางศาลเจ้าได้กำหนดไว้ นี้ก็เป็นสิ่งที่ทางเทศบาลได้รับฟังข้อเท็จจริงจากผู้ค้ารายเดิม แต่อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่าส่วนใหญ่แล้วเจ้าของบ้านยังให้สิทธิแก่ผู้ค้าเดิมอยู่ มีบางหลังที่ไม่อยากให้ผู้ค้ารายเดิม
ด้าน น.ส.ปัทมา ไทยปิยะ ตัวแทนผู้ค้ากล่าวว่า สิ่งที่ทางผู้ค้าต้องการ คือ 1.อยากให้ทางศาลเจ้าฯ คืนสิทธิให้ผู้ค้า ทำทุกอย่างให้เหมือนเดิม ทางผู้ค้าไม่ต้องการเดินไปขอเจ้าของบ้านว่าปีนี้ขอไปขายของหน้าบ้าน ซึ่งทุกปีไม่เคยเดินไปขอกับเจ้าของบ้าน ทุกปีจะขึ้นตรงกับทางศาลเจ้า 2.เมื่อเกิดข้อพิพาทอย่างนี้แล้ว อยากให้ทางศาลเจ้า และทางเทศบาลทำเป็นลายลักษณ์อักษรออกมาว่า ปีนี้ผู้ค้ารายนั้นรายนี้ได้พื้นที่ขายของเท่าใด ขายบริเวณหน้าบ้านเลขที่เท่าใด ให้ทำเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งขอให้ให้สิทธิแก่ผู้ค้ารายเก่าก่อน
3.ขอให้ทางผู้ค้าได้ชำระเงินกับทางศาลเจ้า โดยค่าใช้จ่ายตามที่ศาลเจ้าเห็นสมควร และ 4.ปีนี้ทางผู้ค้าไม่ต้องการพ่วงตู้ไฟกับเจ้าของบ้าน ซึ่งเรื่องตู้ไฟทุกปีจะพ่วงกับเจ้าของบ้าน แต่ปีนี้คิดว่าคงจะพ่วงกับเจ้าของบ้านไม่ได้แล้ว เพราะว่าได้มีปัญหาเกิดขึ้นแล้วกับทางผู้ค้าและเจ้าของบ้าน ขอให้ทางเทศบาล และทางศาลเจ้า ทำตู้ไฟขึ้นต่างหาก แล้วทางผู้ค้าจะไปจ่ายค่าไฟให้แก่ทางศาลเจ้า
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีการพูดคุยหาข้อสรุปกันนานร่วม 2 ชั่วโมง นายสมเกียรติ สังข์ขาวสุทธิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ให้ทางเทศบาล ตัวแทนศาลเจ้า และผู้ค้า หารือร่วมกันอีกครั้งในประเด็นต่างๆ ที่ผู้ค้าเสนอมา ส่วนเรื่องของการจ่ายเงินค่าเช่านั้น ก็ให้ทางผู้ค้าจ่ายกับทางศาลเจ้าเหมือนเดิม เนื่องจากโดยอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายแล้วเจ้าบ้านไม่สามารถเก็บค่าเช่าพื้นที่บริเวณถนนสาธารณะได้ โดยให้ทางเทศบาลไปทำความเข้าใจกับเจ้าบ้านว่าไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้
ขณะที่ในส่วนของกลุ่มผู้ค้า รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้ให้ถือปฏิบัติในเรื่องของการอำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าของบ้าน ซึ่งทางผู้ค้าต้องเว้นทางเข้า-ออกให้เจ้าของบ้านสามารถเข้า-ออกได้ ต้องดูแลรักษาความสะอาดบริเวณหน้าบ้านที่ผู้ค้าได้วางของขาย และให้คำนึงในเรื่องของความปลอดภัยด้วย
