ตรัง - พ่อเมืองตรัง เรียกคณะทำงานแก้ไขปัญหาสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน สั่งรวบรวมข้อมูลให้มากพอ แล้วชี้แจงประชาชนรอบด้าน ลดความขัดแย้ง ด้าน กฟผ.หวั่นเปิดเวทีแล้วถูกฝ่ายต้านล้มเวที
นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า ตนได้เรียกคณะทำงานการแก้ไขปัญหาการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ขนาด 800 เมกะวัตต์ ในพื้นที่อำเภอกันตัง โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ทั้งภาคส่วนราชการ และส่วนท้องถิ่น ทั้ง 19 คน ที่จังหวัดแต่งตั้งขึ้นมาประชุมหารือเพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ แล้วชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนทุกฝ่ายอย่างรอบด้าน และครอบคลุม เพื่อลดความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้น โดยยึดหลักความถูกต้อง และเป็นจริง
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทางคณะทำงานชุดนี้กลับพบว่า ข้อมูลที่ได้รับจาก กฟผ.ยังไม่เพียงพอสำหรับชี้แจงประชาชน ดังนั้น น่าจะจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเพื่อให้เกิดความสะดวกในการชี้แจงประชาชน รวมทั้งเปิดเวทีระดมความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ที่ กฟผ.ควรจะเป็นเจ้าภาพดำเนินการ เพื่อเปิดกว้างให้มีการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายจากทุกภาคส่วน และที่สำคัญก็คือ บริษัทที่ปรึกษาที่ กฟผ.จ้างมานั้น ต้องเป็นกลางน่าเชื่อถือได้
ขณะที่ นายชวการ โชคคำสีลา หัวหน้าศูนย์พลังงานไฟฟ้า กฟผ. จังหวัดตรัง ระบุว่า ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ลงไปให้ความรู้ชี้แจงทำความเข้าใจแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง แต่ได้ถูกคนในพื้นที่ขึ้นป้ายขับไล่ จึงไม่สามารถเข้าไปในพื้นที่บางแห่งได้อีก ดังนั้น หาก กฟผ.จะเข้าไปเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นในพื้นที่ เกรงว่าจะถูกโจมตี และล้มเวทีขึ้นได้ และไม่อยากให้เกิดข้อขัดแย้งขึ้นกับประชาชน
ด้าน นายเสน่ห์ หมื่นโพธิ์ ตัวแทนกลุ่มองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) กล่าวว่า ขณะนี้ ภาคประชาชนอยากเห็นการแก้ปัญหาอย่างมีระบบของทางจังหวัด โดยไม่ใช้เหตุผล และความรู้สึกส่วนตัวมาแก้ปัญหา เพื่อลดความขัดแย้งกัน จึงจะเป็นไปตามเจตนารมร์ที่แท้จริง แต่ที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือ การวางตัวเป็นกลางของส่วนราชการ และผู้นำท้องถิ่น ต้องมีคำนิยามที่ชัดเจน และต้องเปิดโอกาสให้ทั้ง 2 ฝ่าย ได้รับข้อมูลที่เป็นจริงรอบด้าน
นอกจากนั้น จะต้องอำนวยความสะดวกให้แก่ภาคประชาชนในการลงพื้นที่ให้ความรู้แก่ส่วนราชการที่เป็นโรงเรียน หรือประชาชนที่ไม่ใช่ลักษณะกีดกัน จนทำให้รู้สึกว่าได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียว ซึ่งหาก กฟผ.สามารถให้ความรู้ ความเข้าใจ และมีกระบวนการที่โปร่งใส โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม ยืนยันได้ว่า การล้มเวทีจะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน หากทุกฝ่ายเป็นมิตรกัน และแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างถูกต้อง โปร่งใส รอบด้าน และเป็นธรรม
