ยะลา - แม่ทัพภาค 4 ยัน “เจะอาลี” แกนนำอดีตค่าหัว 1 ล้าน พร้อมพลพรรคบีอาร์เอ็นฯ เข้ารายงานตัว เพราะมวลชนเริ่มไม่ยอมรับวิธีการใช้ความรุนแรง และต้องการพูดคุยเพื่อสันติภาพแทน ยกประชาชนคือผู้ชนะ หากทุกอย่างยุติ และสงบลงได้
วันนี้ (12 ก.ย.) เวลา 13.20 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาค 4 เปิดเผยก่อนเข้าร่วมประชุมชี้แจงแนวทางการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ให้แก่บรรดาคณะอาจารย์ และบุคลากรของ ม.ราชภัฎยะลา ว่า กรณีการพบกับกลุ่มผู้ก่อเหตุความไม่สงบ 84 รายที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลาม จ.นราธิวาส เมื่อวานนี้ ไม่ได้ถือว่าเป็นการเจรจา แต่เป็นเพียงแผนการปฎิบัติของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าในเรื่องของการเปิดพื้นที่ให้มีการพูดคุยเพื่อสันติภาพ
โดยกลุ่มพี่น้องที่เคยต่อสู้ด้วยอาวุธกับฝ่ายรัฐ ได้ออกมาปฎิเสธความรุนแรงที่เคยได้ทำไปนั้นว่าไม่ถูกกับสถานการณ์ในปัจจุบัน จึงออกมาพูดคุยกับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนราธิวาสวานนี้ โดยมีความคาดหวังว่าจะเกิดความสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในเร็ววันนี้ โดยกลุ่มคนเหล่านี้ทราบแล้วว่าสิ่งที่เคยปฏิบัติมาในอดีตนั้นไม่ได้เป็นประโยชน์แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่แต่อย่างใด
พล.ท.อุดมชัย ยังกล่าวต่อว่า ทาง กอ.รมน.ภาค 4 เปิดโอกาสให้แก่ทุกกลุ่มที่อยากจะออกมาพูดคุย และขณะนี้ก็มีการพูดคุยกับหลายกลุ่มอยู่ในช่วงนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่พวกเราจะได้มาพูดคุยกัน ตนเองขอเชิญชวนทุกท่านที่คิดว่าความรุนแรงนั้นไม่มีประโยชน์แก่บ้านเมืองให้กลับมาพูดคุยสันติภาพร่วมกัน ไม่มีแพ้ไม่มีชนะ เพราะผู้ที่ชนะก็คือ ประชาชนในพื้นที่
ส่วนการดูแลกลุ่มบุคคลที่ออกมานั้น ก็จะให้การดูแลอย่างเต็มที่ตามความต้องการ สำหรับเงื่อนไขที่มีความเกี่ยวข้องกับกฎหมาย ป.วิ อาญา นั้น ตนเองก็ได้ชี้แจงไปว่า ทางกองทัพจะอำนวยความสะดวกในการนำตัวไปเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนกรณี พ.ร.ก.นั้นก็อยู่ในอำนาจที่สามารถดำเนินการได้อยู่แล้ว สำหรับคดีที่ยังไม่สามารถเยียวยาได้ก็คงจะต้องรอ ซึ่งตนเองกำลังพยายามเสนอให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเมื่อยกเลิก พ.ร.ก.ก็จะมีกฎหมายที่จะเปิดช่องทางให้แก่ผู้ที่ทำผิดกฎหมาย ได้ออกมารายงานตัวเข้าสู่กระบวนการของศาล ซึ่งจะมีทางออกให้
พล.ท.อุดมชัย กล่าวว่า สำหรับคนที่เห็นประโยชน์ของมวลชนก็จะเห็นว่าเมื่อมวลชนของเขาเองปฏิเสธความรุนแรง กลุ่มคนที่ยังก่อเหตุก็จะอยู่ไม่ได้คนกลุ่มนี้ เมื่อไม่มีมวลชนรองรับก็จะอยู่ไม่ได้ การออกมาพูดคุยในครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสที่ดี ตนเองเห็นด้วยกับการต่อสู้ตามกระบวนการทางประชาธิปไตยทุกรูปแบบ ยกเว้นการต่อสู้ด้วยอาวุธ ถ้าใครยังต่อสู้ด้วยอาวุธก็มีความจำเป็นที่จะต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และเด็ดขาด การใช้ ม.21 ก็จะเป็นกฎหมายที่สามารถดำเนินการได้ โดยขณะนี้ในพื้นที่ที่ประกาศใช้ ม.21 ก็ดำเนินการไปแล้วจำนวน 2 ราย เป็นช่องทางที่จะสามารถยุติความรุนแรงได้