นครศรีธรรมราช - กองทัพภาคที่ 4 ส่งกำลังพลเข้าสนับสนุนการดับไฟป่าอีก 200 นาย รถบรรทุกน้ำสำหรับเติมชุดปฏิบัติการตามแนวดับไฟอีก 15 คัน โดยมีเป้าหมายในเขตอำเภอเชียรใหญ่ อำเภอชะอวด นครศรีธรรมราช และพื้นที่ไฟป่าในทะเลน้อย พัทลุง ส่วนช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่เฮฝนหลวงโปรยต่อเนื่องทำสถานการณ์คลี่คลายตามลำดับ
สถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง ซึ่งลุกลามในหลายจุด ทั้งในกลุ่มป่ากุมแป กลุ่มป่าควนเคร็ง ใน ต.บ้านตูล และ ต.เคร็ง อ.ชะอวด กลุ่มป่าท่าช้างข้าม ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ กลุ่มป่าคลองฆ็อง ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ
ความคืบหน้าวันนี้ (18 ส.ค.) มีรายงานว่า สถานการณ์ในพื้นที่นั้นไฟได้อ่อนกำลังลง สืบเนื่องจากวานนี้ฝนหลวงที่เกิดจากการปฏิบัติการของสำนักฝนหลวง ประสบความสำเร็จมีฝนตกลงมาในพื้นที่ โดยเฉพาะในกลุ่มป่าท่าช้างข้าม ทำให้ไฟที่กำลังโหมอยู่ในแปลงป่าศึกษาพันธุ์ไม้เสม็ดขาวครบวงจรของมูลนิธิชัยพัฒนา ในพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ อ่อนกำลังลงแต่ยังประสบปัญหากับไฟที่มุดลงใต้ดิน เจ้าหน้าที่ต้องใช้วิธีสูบน้ำเข้าไปอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันไฟปะทุคุกรุ่นขึ้นซ้ำ
และเมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกัน พล.ต.กิตติ อินทสร รองแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ทำการปล่อยแถวรถบรรทุกน้ำ และกำลังพล โดยได้จัดรถบรรทุกน้ำอีก 15 คัน สนับสนุนรถน้ำของกองทัพภาคที่ 4 ที่ปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่แล้ว 15 คัน กำลังพลอีก 200 นาย เข้าสนับสนุนกำลังพลที่มีอยู่ในพื้นที่แล้ว 120 นาย ส่งผลให้มีกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ทำการอยู่ในพื้นที่รวม 320 นาย รถบรรทุกน้ำอีก 30 คัน
ส่วนแผนการปฏิบัติการนั้น พล.ต.กิตติ อินทสร รองแม่ทัพภาคที่ 4 ระบุว่า รถบรรทุกน้ำจะทำหน้าที่ในการบรรทุกน้ำเข้าสนับสนุนแนวดับไฟ โดยที่รถน้ำในแนวดับไฟไม่ต้องถอนกำลังออกมาเติมน้ำแล้วย้อนกลับไปใหม่ แนวดับไฟจะได้รับการเติมน้ำตลอดเวลาจากทหาร ซึ่งจะทำให้การปฏิบัติการดับไฟของทุกหน่วยคล่องตัวขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกัน กำลังอีกส่วนหนึ่งได้เดินทางเข้าพื้นที่ในเขตทะเลน้อย จ.พัทลุง ล่วงหน้าไปแล้ว เพื่อการสนับสนุนดับไฟในพื้นที่ดังกล่าวด้วยและยังเรียกร้องให้ผู้ที่ลักลอบเผาป่าหยุดการกระทำเนื่องจากผลของการกระทำนั้นจะส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งชาวบ้านในพื้นที่ และสิ่งแวดล้อมที่เสียหายไปอีกด้วย
และในเวลาไล่เลี่ยกัน นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เข้าเยี่ยมและแสดงความชื่นชม และให้กำลังใจแก่ฝูงบินฝนหลวงที่มาตั้งฐานปฏิบัติการที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช หลังจากประสบความสำเร็จ
ด้านความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในคดีเผาป่าคือ นายสมโชค หนูแก้ว อายุ 56 ปี อยู่ 6 หมู่ 6 ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.ศักดิ์สุราษฎร์ ตลับนาค ผกก.สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนผู้ต้องหา และได้ยื่นขออำนาจศาลฝากขังผู้ต้องหาเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้ จะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งการสอบสวนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเพื่อส่งสำนวนไปยังชั้นอัยการอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ รวมทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับป่านั้นมีเป็นวงกว้าง
สถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง ซึ่งลุกลามในหลายจุด ทั้งในกลุ่มป่ากุมแป กลุ่มป่าควนเคร็ง ใน ต.บ้านตูล และ ต.เคร็ง อ.ชะอวด กลุ่มป่าท่าช้างข้าม ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ กลุ่มป่าคลองฆ็อง ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ
ความคืบหน้าวันนี้ (18 ส.ค.) มีรายงานว่า สถานการณ์ในพื้นที่นั้นไฟได้อ่อนกำลังลง สืบเนื่องจากวานนี้ฝนหลวงที่เกิดจากการปฏิบัติการของสำนักฝนหลวง ประสบความสำเร็จมีฝนตกลงมาในพื้นที่ โดยเฉพาะในกลุ่มป่าท่าช้างข้าม ทำให้ไฟที่กำลังโหมอยู่ในแปลงป่าศึกษาพันธุ์ไม้เสม็ดขาวครบวงจรของมูลนิธิชัยพัฒนา ในพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ อ่อนกำลังลงแต่ยังประสบปัญหากับไฟที่มุดลงใต้ดิน เจ้าหน้าที่ต้องใช้วิธีสูบน้ำเข้าไปอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันไฟปะทุคุกรุ่นขึ้นซ้ำ
และเมื่อช่วงเช้าของวันเดียวกัน พล.ต.กิตติ อินทสร รองแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ทำการปล่อยแถวรถบรรทุกน้ำ และกำลังพล โดยได้จัดรถบรรทุกน้ำอีก 15 คัน สนับสนุนรถน้ำของกองทัพภาคที่ 4 ที่ปฏิบัติการอยู่ในพื้นที่แล้ว 15 คัน กำลังพลอีก 200 นาย เข้าสนับสนุนกำลังพลที่มีอยู่ในพื้นที่แล้ว 120 นาย ส่งผลให้มีกำลังทหารจากกองทัพภาคที่ทำการอยู่ในพื้นที่รวม 320 นาย รถบรรทุกน้ำอีก 30 คัน
ส่วนแผนการปฏิบัติการนั้น พล.ต.กิตติ อินทสร รองแม่ทัพภาคที่ 4 ระบุว่า รถบรรทุกน้ำจะทำหน้าที่ในการบรรทุกน้ำเข้าสนับสนุนแนวดับไฟ โดยที่รถน้ำในแนวดับไฟไม่ต้องถอนกำลังออกมาเติมน้ำแล้วย้อนกลับไปใหม่ แนวดับไฟจะได้รับการเติมน้ำตลอดเวลาจากทหาร ซึ่งจะทำให้การปฏิบัติการดับไฟของทุกหน่วยคล่องตัวขึ้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกัน กำลังอีกส่วนหนึ่งได้เดินทางเข้าพื้นที่ในเขตทะเลน้อย จ.พัทลุง ล่วงหน้าไปแล้ว เพื่อการสนับสนุนดับไฟในพื้นที่ดังกล่าวด้วยและยังเรียกร้องให้ผู้ที่ลักลอบเผาป่าหยุดการกระทำเนื่องจากผลของการกระทำนั้นจะส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งชาวบ้านในพื้นที่ และสิ่งแวดล้อมที่เสียหายไปอีกด้วย
และในเวลาไล่เลี่ยกัน นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เข้าเยี่ยมและแสดงความชื่นชม และให้กำลังใจแก่ฝูงบินฝนหลวงที่มาตั้งฐานปฏิบัติการที่ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช หลังจากประสบความสำเร็จ
ด้านความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาในคดีเผาป่าคือ นายสมโชค หนูแก้ว อายุ 56 ปี อยู่ 6 หมู่ 6 ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.ศักดิ์สุราษฎร์ ตลับนาค ผกก.สภ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวนผู้ต้องหา และได้ยื่นขออำนาจศาลฝากขังผู้ต้องหาเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนหลังจากนี้ จะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งการสอบสวนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเพื่อส่งสำนวนไปยังชั้นอัยการอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ รวมทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับป่านั้นมีเป็นวงกว้าง
