นครศรีธรรมราช - ฝนหลวงเป็นผล บรรเทาไฟป่าพรุควนเคร็งได้บางพื้นที่ ป่าเสม็ดขาวมูลนิธิชัยพัฒนาในสมเด็จพระเทพฯยังเสียหายต่อเนื่อง ขณะที่สายตรวจป่าไม้รวบมือเผาป่าอ้างเผาเพื่อป้องกันแนวสวนปาล์ม ส่วน รมต.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบินลงพื้นที่สำรวจพื้นที่เร่งแก้ปัญหาระดับนโยบาย
สถานการณ์ไฟป่าพรุควนเคร็งใน 5 อำเภอของ จ.นครศรีธรรมราช ยังคงสร้างความเสียหายให้กับป่าพรุผืนนี้อย่างต่อเนื่อง โดยความคืบหน้าล่าสุดในวันนี้ (17ส.ค.) ไฟยังคงลุกลามอยู่ในหลายกลุ่มผืนป่าสำคัญ เช่น ป่าสงวนแห่งชาติป่าท่าช้างข้าม ใน ต.การะเกด อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีแปลงศึกษาพันธุ์ไม้เสม็ดขาวครบวงจรของมูลนิธิชัยพัฒนา ในพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ถูกไฟไหม้ลุกลามมาจากตอนท้ายของผืนป่าสร้างความเสียหายไปไม่น้อยกว่า 700 ไร่ จากทั้งหมดที่อยู่ 1,900 ไร่ และในบางจุดไฟได้ลุกลามเข้าไปในเขตสวนปาล์มน้ำมันซึ่งอยู่ในเขต สปก. สร้างความเสียหายให้กับสวนปาล์มเหล่านี้อย่างกว้างขวางเช่นเดียวกัน
โดยตั้งแต่ช่วงเช้าของวันนี้ (17 ส.ค.) เฮลิคอปเตอร์จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้บินลงไปตักน้ำใส่ถุงผ้าใบจากคลองชะอวดแพรกเมือง ก่อนที่จะบินเข้าไปดับไฟในป่าท่าช้างข้ามที่กำลังลุกลามหลายสิบเที่ยวบิน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากแนวไฟได้ขยายความยาวของแนวเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกันอีกหลายสิบจุดที่กระจายอยู่ในผืนป่าพรุควนเคร็งทั้ง 5 อำเภอ
โดยสถานการณ์จะวิกฤติอย่างหนักอยู่ใน อ.ชะอวด และ อ.เชียรใหญ่ เจ้าหน้าที่ส่งน้ำและบำรุงรักษาที่ 3 สำนักชลประทานที่ 14 กรมชลประทานได้เร่งส่งเครื่องสูบน้ำเข้าพื้นที่ป่าพรุเพื่อเพิ่มระดับน้ำใต้ผิวดิน และให้เจ้าหน้าที่ดับไฟป่าสูบน้ำไปใช้ดับไฟได้สะดวกมากขึ้น แต่ยังมีอุปสรรคที่ต้องเปิดช่องสูบน้ำให้กว้างขึ้น เนื่องจากระดับน้ำในคลองชะอวดแพรกเมืองมีระดับต่ำมากอยู่ที่ -1.60 เมตร ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง
อย่างไรก็ตาม ในช่วงบ่ายเจ้าหน้าที่ควบคุมไฟป่าได้คลายความวิตกกังวลไปได้บ้าง หลังจากที่กลุ่มเมฆฝนซึ่งฝูงบินฝนหลวงภาคใต้ที่ประจำการอยู่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้มาตั้งฐานบินที่ จ.นครศรีธรรมราช เพียรพยายามจนประสบความสำเร็จ ฝนตกลงมาใน ต.การะเกด อย่างหนักเป็นเวลา 20 นาที ทำให้ไฟจุดเล็กจุดน้อยในหลายจุดดับลงไปได้บ้างขณะที่จุดใหญ่นั้นเจ้าหน้าที่ต้องเข้าตรวจสอบและควบคุมอีกครั้ง เนื่องจากความร้อนจากไฟไหม้ได้ส่งผลต่ออุณหภูมิใต้ดิน และน้ำที่ได้จากฝนนั้นยังคงมีไม่เพียงพอ
นายธนากร รักธรรม หัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบไปในหลายจุดที่มีไฟนั้นพบว่าฝนยังไม่ตกในหลายจุด เจ้าหน้าที่ยังคงต้องทำงานอย่างหนักต่อไป ส่วนที่ตกนั้นจะอยู่ใน ต.การะเกิด อ.เชียรใหญ่ แม้ว่าจะได้น้ำลงไปในแนวไฟได้บ้าง ความรุนแรงของไฟลดลงแต่ยังไม่ดับสนิท เจ้าหน้าที่ต้องเข้าเก็บแนวและเฝ้าระวังต่อไป เนื่องจากไฟอาจกลับมาได้อีก โดยเฉพาะการคุกรุ่นขึ้นมาจากไฟใต้ดิน
อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนี้ เจ้าหน้าสายตรวจกรมป่าไม้ นำโดยนายอุธร สุทธิมิตร ผู้อำนวยการส่วนควบคุมไฟป่า กรมป่าไม้ ได้นำกำลังสายตรวจป่าไม้ 4 ชุดปฏิบัติการออกตรวจแนวพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งในหลายกลุ่มป่า และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย โดยเป็นการกระทำความผิดซึ่งหน้า คือนายสมโชค หนูแก้ว อายุ 56 ปี อยู่ 6 หมู่ 6 ต.สวนหลวง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.นครศรีธรรมราช
โดยจุดเกิดเหตุนั้นอยู่แนวหลังสวนปาล์มของนายสมโชคเอง ซึ่งมีอยู่กว่า 50 ไร่ และแนวไฟได้สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองฆ็อง ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบสวนปาล์มของนายสมโชค ระบุว่าไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ แต่ทำกินมานานแล้ว โดยเบื้องต้นนั้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาว่าผิด พรบ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2534 มาตรา 14 ฐานเผาป่าทำให้เสื่อมเสียสภาพ และได้ทำบันทึกจับกุม โดยที่นายสมโชครับสารภาพว่าเป็นผู้เผาจริงแต่เผาเพื่อสร้างแนวไม่ให้ไฟป่าลุกลามเข้ามาในสวนปาล์มน้ำมัน แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากแนวไฟนั้นบ่งชี้ว่ามีเจตนาเป็นอย่างอื่น ก่อนที่นำส่งพนักงานสอบสวนเจ้าของท้องที่ดำเนินคดี
และเมื่อเวลา 16.30 น. นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย พล.ต.กิตติ อินทสร รองแม่ทัพภาคที่ 4 นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้บินสำรวจพื้นที่และลงจอดที่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจดับไฟป่ากรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช หน้าศาลหลวงต้นไทร เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปและรับทราบปัญหาทั้งหมด โดยได้ให้กำลังเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานมอบสิ่งของเพื่อบำรุงขวัญเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นได้รับปากที่จะนำปัญหาในภาพรวมเข้าไปแก้ปัญหาในเชิงนโยบายอย่างเร่งด่วน