นครศรีธรรมราช - ชุดเสือไฟจากนครราชสีมาลงพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งสนับสนุนปฏิบัติการดับไฟป่า โดยมีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่คอยเป็นพี่เลี้ยงเข้าควบคุมวงไฟ เนื่องจากยังไม่คุ้นสภาพผืนป่าพรุ ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ รับคดีบุกรุกป่าพรุควนเคร็งเป็นคดีพิเศษแล้ว เตรียมลงพื้นที่สอบสวนหาผู้กระทำผิดในช่วงปลายเดือนนี้
วันนี้ (10 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ป่าพรุควนเคร็งว่า เจ้าหน้าที่สถานีควบคุมไฟป่าพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้กระจายกำลังปฏิบัติการควบคุมแนวไฟในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็ง ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มป่าสงวนแห่งชาติป่ากุมแป ป่าสงวนแห่งชาติป่าดอนทราย ป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองฆ็อง ป่าสงวนแห่งชาติป่าท่าช้างข้าม และป่าสงวนแห่งชาติป่าควนเคร็ง ที่กระจายอยู่ใน 5 อำเภอ ของจังหวัดนครศรีธรรมราชอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในช่วงบ่าย ที่มีกระแสลมกระโชก อากาศแห้ง และร้อนจัด เป็นแรงส่งที่ให้ไฟเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น และลุกลามอย่างต่อเนื่อง โดยยังไม่สามารถควบคุมจุดใหญ่ได้ เช่น ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ากุมแป อยู่ในท้องที่บ้านตลาดปลา ม.3 และ ม.4 ต.บ้านตูล อ.ชะอวด และในพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งใน ต.เคร็ง อ.ชะอวด
ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ดับไฟป่าของชุดปฏิบัติการเสือไฟจากจังหวัดนครราชสีมานั้น ได้ลงปฏิบัติการในพื้นที่บ้านตลาดปลาที่ไฟกำลังลุกลามอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เสือไฟซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ต้องเข้าไปเป็นพี่เลี้ยงในการดับไฟ เนื่องจากชุดเสือไฟจากนครราชสีมาจะคุ้นเคยกับป่าเบญจพรรณ และมีประสบการณ์ในการดับไฟพื้นที่ป่าพรุน้อย เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นจากวงไฟเข้าล้อมเจ้าหน้าที่
นายสุทิน ชำนาญแป้น ผู้ช่วยหัวหน้าสถานีควบคุมไฟป่าลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เปิดเผยว่า ไฟป่าทั้งสองระลอกขณะนี้ มีความเสียหายของพื้นที่ป่าพรุมากกว่า 6 พันไร่แล้ว จากยอดรวมการลักลอบเผาจุดใหญ่ตั้งแต่ต้นปี รวม 93 ครั้ง ขณะที่รายเล็กรายน้อยเกิดขึ้นมากกว่า 10 จุดต่อวัน ซึ่งเจ้าหน้าที่มีกำลังไม่เพียงพอ เนื่องจากต้องทุ่มกำลังลงไปควบคุมในจุดใหญ่ๆ เกือบทั้งหมด และยังต้องแบ่งกำลังออกไปสกัดในจุดที่เกิดขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม มีรายเพิ่มเติมด้วยว่า ขณะนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ได้รับเรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งเป็นคดีพิเศษแล้ว ขณะนี้ เตรียมส่งพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษลงพื้นที่ในช่วงปลายเดือน โดยมีเป้าหมายการสอบสวนในพื้นที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ และ อ.เชียรใหญ่ ที่มีการร้องเรียนการบุกรุกทำลายสภาพป่าพรุเพื่อปลุกปาล์มของนายทุน และผู้กว้างขวางอย่างน้อยประมาณ 30,000 ไร่