ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เจ้าหน้าที่ป่าไม้จังหวัดอันดามันสนธิกำลัง กว่า 150 นาย บุกเข้าภูเก็ตตรวจปัญหาการบุกรุกทำลายป่าไม้ประเดิมตรวจสอบ 3 จุด สวนป่าบางขนุน ป่าเทือกเขานากเกิด ป่าเทือกเขากมลา เบื้องต้นมีการกระทำความผิดผิด รุกป่าสร้างบ้านพักตากอากาศ-ร้านอาหารระบุปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าในภูเก็ตมีความรุนแรงมากขึ้น
เมื่อเวลา 9.00 น. วันนี้ ( 28 ก.ค.) ที่สวนป่าบางขนุน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายอำนาจ สร้อยเกียว ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ พร้อมด้วยนายสมชาย จิตรหลัง ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า และนายเจริญ ปลอดชูแก้ว รักษาการหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการยุทธการแก้ไขปัญหาวิกฤตป่าไม้ของชาติ (ศปย.) ที่ 6 กระบี่ ร่วมกันปล่อยกำลังพลเจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้จังหวัดกระบี่ พังงา และภูเก็ต เจ้าหน้าที่หน่วยป่องกันรักษาป่าในสังกัดสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ ทุกหน่วย และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาวิกฤตป่าไม้ของชาติ (ศปย.) ที่ 6 กระบี่ รวมกว่า 150 นาย เข้าตรวจสอบจับกุมผู้บุกรุกทำลายป่าไม้ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
นายอำนาจ กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์การบุกรุกพื้นที่ป่าในท้องที่จังหวัดภูเก็ตในปัจจุบัน มีความรุนแรงมากขึ้น มีการบุกรุกทำเส้นทาง และเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าโดยผิดกฎหมาย อย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้เกิดความเสียหายต่อพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญของชาติ และเป็นต้นเหตุของความไม่สมดุลของธรรมชาติ จนเกิดเหตุภัยพิบัติรุนแรงหลายครั้งในอดีตที่ผ่านมา และเพื่อเป็นการหยุดยั้งไม่ให้เกิดความเสียหายต่อไปในอนาคต สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ และศูนย์ปฏิบัติการยุทธการแก้ไขปัญหาวิกฤตป่าไม้ ของชาติ (ศปย) ที่ 6 กระบี่ ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบป่าพื้นที่ จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ร่วมกันสนธิกำลังเพื่อปฏิบัติการเฉพาะกิจ ตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และป่าอื่นๆ ในท้องที่จังหวัดภูเก็ต
นายอำนาจ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าในจังหวัดภูเก็ตครั้งนี้ มี 3 จุด โดยจุดแรกที่มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่สวนป่าบางขนุน ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน ท้องที่ ต.เทพกระษัตรี และตำบลสาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เดิมเป็นป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและสงวนป่า พ.ศ.2481 โดยได้ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎหมายกระทรวงฉบับที่ 217 พ.ศ.2507 เนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่ ตอนนี้มีประชาชนบุกรุกเข้าไปถือครอง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 ถึงปัจจุบัน รวม 268 ราย เนื้อที่ 3,844 ไร่ และได้มีการดำเนินคดี กับผู้บุกรุกดังกล่าว ตั้งแต่ พ.ศ.2546 ถึงปัจจุบัน จำนวน 69 คดี พื้นที่ 651 ไร่เศษ มีการอนุญาตใช้พื้นที่ จำนวน 5 ราย นอกจากนั้นขณะนี้มีการยื่นขออนุญาตใช้พื้นที่ จำนวน 3 ราย การก่อสร้างมัสยิด เนื้อที่ 19 ไร่เศษ ก่อสร้างกุโบร์ เนื้อที่ 18 ไร่ เศษ และการขออนุญาตก่อสร้างถนนของกรมทางหลวงอีก ประมาณ 3 ไร่เศษ ซึ่งทางป่าไม้จะไม่อนุญาตให้มีการดำเนินการเนื่องจากพื้นที่ที่ขออนุญาตเป็นพื้นที่ป่าสมบูรณ์ แต่ถ้าเป็นพื้นที่ป่าไม้เสื่อมโทรม ก็สามารถที่จะอนุญาตให้สร้างได้
นายอำนาจ กล่าวต่อไปอีกว่า จากการเข้าตรวจสอบพื้นที่สวนป่าบางขนุน ในครั้งนี้ พบมีการบุกรุกก่อสร้างบ้านพักตากอากาศ จำนวน 1 หลัง แต่ไม่พบเจ้าของบ้าน หรือคนงานก่อสร้างอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว โดยบ้านพักตากอากาศดังกล่าวสร้างอยู่บริเวณแนวเขตของสวนป่าบางขนุน ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะเข้าแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามหาตัวผู้ทำผิดต่อไป และมีจะมีการปิดประกาศให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ภายใน 30 วัน ถ้าพบว่ายังไม่มีการรื้อถอน ทางเจ้าหน้าที่จะเข้าดำเนินการรื้อถอน ตามมาตรา 25 ความผิด พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507
ส่วนการเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขากมลา ยังไม่พบผู้กระทำผิด ขณะที่การเข้าตรวจสอบป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขานาคเกิด พบมีการกระทำผิดแล้วจำนวน 1 ราย โดยบุกรุกก่อสร้างเป็นร้านอาหารอยู่บริเวณริมถนน ก่อนถึงพระใหญ่ เทือกเขานาคเกิด สำหรับจุดนี้ได้ผู้กระทำผิด 1 ราย รับเป็นเจ้าของร้าน อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบพื้นที่อื่นๆในบริเวณเทือกเขานาคเกิด ซึ่งในส่วนของเทือกเขานาคเกิดนั้นเป็นพื้นที่ล่อแหลมที่มีการบุกรุกเนื่องจากเป็นจุดที่ สามารถมองเห็นวิวทะเล หรือวิวภูเขา
นายอำนาจ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตนั้นจะมีการกระจายกำลังเข้าตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง โดยมีการวงกำลังไว้ในพื้นที่เพื่อปฏิบัติงาน และในช่วงวันหยุดจะมีการเสริมกำลังเข้ามาสมทบ อย่างไรก็ตามถ้ามีการตรวจสอบพบว่ามีการกระทำความผิด หรือก่อสร้างเส้นทางไปในพื้นที่ป่าไม้ก็จะดำเนินการปิดเส้นทางทันที พร้อมแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจให้สืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี
เมื่อเวลา 9.00 น. วันนี้ ( 28 ก.ค.) ที่สวนป่าบางขนุน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต นายอำนาจ สร้อยเกียว ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ พร้อมด้วยนายสมชาย จิตรหลัง ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า และนายเจริญ ปลอดชูแก้ว รักษาการหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการยุทธการแก้ไขปัญหาวิกฤตป่าไม้ของชาติ (ศปย.) ที่ 6 กระบี่ ร่วมกันปล่อยกำลังพลเจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้จังหวัดกระบี่ พังงา และภูเก็ต เจ้าหน้าที่หน่วยป่องกันรักษาป่าในสังกัดสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ ทุกหน่วย และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาวิกฤตป่าไม้ของชาติ (ศปย.) ที่ 6 กระบี่ รวมกว่า 150 นาย เข้าตรวจสอบจับกุมผู้บุกรุกทำลายป่าไม้ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต
นายอำนาจ กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์การบุกรุกพื้นที่ป่าในท้องที่จังหวัดภูเก็ตในปัจจุบัน มีความรุนแรงมากขึ้น มีการบุกรุกทำเส้นทาง และเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าโดยผิดกฎหมาย อย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้เกิดความเสียหายต่อพื้นที่ป่าไม้ ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญของชาติ และเป็นต้นเหตุของความไม่สมดุลของธรรมชาติ จนเกิดเหตุภัยพิบัติรุนแรงหลายครั้งในอดีตที่ผ่านมา และเพื่อเป็นการหยุดยั้งไม่ให้เกิดความเสียหายต่อไปในอนาคต สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 12 สาขากระบี่ และศูนย์ปฏิบัติการยุทธการแก้ไขปัญหาวิกฤตป่าไม้ ของชาติ (ศปย) ที่ 6 กระบี่ ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบป่าพื้นที่ จึงได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ร่วมกันสนธิกำลังเพื่อปฏิบัติการเฉพาะกิจ ตรวจปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และป่าอื่นๆ ในท้องที่จังหวัดภูเก็ต
นายอำนาจ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าในจังหวัดภูเก็ตครั้งนี้ มี 3 จุด โดยจุดแรกที่มีการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่สวนป่าบางขนุน ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน ท้องที่ ต.เทพกระษัตรี และตำบลสาคู อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เดิมเป็นป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.คุ้มครองและสงวนป่า พ.ศ.2481 โดยได้ประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎหมายกระทรวงฉบับที่ 217 พ.ศ.2507 เนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่ ตอนนี้มีประชาชนบุกรุกเข้าไปถือครอง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 ถึงปัจจุบัน รวม 268 ราย เนื้อที่ 3,844 ไร่ และได้มีการดำเนินคดี กับผู้บุกรุกดังกล่าว ตั้งแต่ พ.ศ.2546 ถึงปัจจุบัน จำนวน 69 คดี พื้นที่ 651 ไร่เศษ มีการอนุญาตใช้พื้นที่ จำนวน 5 ราย นอกจากนั้นขณะนี้มีการยื่นขออนุญาตใช้พื้นที่ จำนวน 3 ราย การก่อสร้างมัสยิด เนื้อที่ 19 ไร่เศษ ก่อสร้างกุโบร์ เนื้อที่ 18 ไร่ เศษ และการขออนุญาตก่อสร้างถนนของกรมทางหลวงอีก ประมาณ 3 ไร่เศษ ซึ่งทางป่าไม้จะไม่อนุญาตให้มีการดำเนินการเนื่องจากพื้นที่ที่ขออนุญาตเป็นพื้นที่ป่าสมบูรณ์ แต่ถ้าเป็นพื้นที่ป่าไม้เสื่อมโทรม ก็สามารถที่จะอนุญาตให้สร้างได้
นายอำนาจ กล่าวต่อไปอีกว่า จากการเข้าตรวจสอบพื้นที่สวนป่าบางขนุน ในครั้งนี้ พบมีการบุกรุกก่อสร้างบ้านพักตากอากาศ จำนวน 1 หลัง แต่ไม่พบเจ้าของบ้าน หรือคนงานก่อสร้างอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว โดยบ้านพักตากอากาศดังกล่าวสร้างอยู่บริเวณแนวเขตของสวนป่าบางขนุน ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะเข้าแจ้งความเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามหาตัวผู้ทำผิดต่อไป และมีจะมีการปิดประกาศให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว ภายใน 30 วัน ถ้าพบว่ายังไม่มีการรื้อถอน ทางเจ้าหน้าที่จะเข้าดำเนินการรื้อถอน ตามมาตรา 25 ความผิด พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507
ส่วนการเข้าตรวจสอบพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขากมลา ยังไม่พบผู้กระทำผิด ขณะที่การเข้าตรวจสอบป่าสงวนแห่งชาติเทือกเขานาคเกิด พบมีการกระทำผิดแล้วจำนวน 1 ราย โดยบุกรุกก่อสร้างเป็นร้านอาหารอยู่บริเวณริมถนน ก่อนถึงพระใหญ่ เทือกเขานาคเกิด สำหรับจุดนี้ได้ผู้กระทำผิด 1 ราย รับเป็นเจ้าของร้าน อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบพื้นที่อื่นๆในบริเวณเทือกเขานาคเกิด ซึ่งในส่วนของเทือกเขานาคเกิดนั้นเป็นพื้นที่ล่อแหลมที่มีการบุกรุกเนื่องจากเป็นจุดที่ สามารถมองเห็นวิวทะเล หรือวิวภูเขา
นายอำนาจ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการตรวจสอบการบุกรุกพื้นที่ป่าไม้ในส่วนของจังหวัดภูเก็ตนั้นจะมีการกระจายกำลังเข้าตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง โดยมีการวงกำลังไว้ในพื้นที่เพื่อปฏิบัติงาน และในช่วงวันหยุดจะมีการเสริมกำลังเข้ามาสมทบ อย่างไรก็ตามถ้ามีการตรวจสอบพบว่ามีการกระทำความผิด หรือก่อสร้างเส้นทางไปในพื้นที่ป่าไม้ก็จะดำเนินการปิดเส้นทางทันที พร้อมแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจให้สืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี